ผู้อาวุโสหลิวมองหยูจุนโม่ พูดอย่างเสียงเบา “คุณชาย คนผู้นี้ความสามารถยากที่จะหยั่งถึง คุณชายรีบไป กลับไปเชิญท่านผู้นำมา!”
หยูจุนโม่ที่ยังคงคาใจ แต่ว่าความสามารถของผู้อาวุโสหลิวเขานั้นเข้าใจดี แค่สะบัดมือก็สามารถชนะผู้อาวุโสหลิวได้ ความสามารถนี้อย่างน้อยก็ต้องปรมาจารย์แดนมองขวัญชั้นสูงสุด หรือไม่ก็เป็นผู้แข็งแกร่งแดนเทพ
ด้วยคนที่หยูจุนโม่นำพามา หากจะสู้กับพวกสำนักของโลกฝึกบู๊นั้นพอไหว แต่ถ้าให้ต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งระดับนี้ มันเป็นไปไม่ได้เลย
หยูจุนโม่ทำได้เพียงถลึงตาใส่เฉินโม่ แล้วก็ถอยกลับไปอย่างไม่พอใจ
เฉินเยว่ถาม “ต้องตามมันไปมั้ย?”
เฉินโม่ส่ายหัว “ปล่อยมันไป ให้มันไปตามคนมาช่วย ไม่อย่างนั้นจะถอนรากถอนโคนพวกมันได้ยังไง?”
เฉินเยว่พูดไม่ออก ปล่อยให้ศัตรูกลับไปเรียกคนมาช่วย เรื่องแบบนี้เกรงว่าคนมีแต่เฉินโม่เท่านั้นที่ทำมันได้
คำพูดเดียว คนเก่งมักใจใหญ่!
ลูกน้องพวกนั้นเห็นว่าคุณชายพวกของเขาก็หนีไปแล้ว ทันใดนั้นหนีตาม เหลืองเพียงผู้อาวุโสฉินที่ยังสู้กับเฉินกั๋วเหลียงอยู่
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ผู้อาวุโสฉินก็ไม่มีใจที่อยากจะต่อสู้ หากไม่ใช่เฉินกั๋วเหลียงตอแยไม่ปล่อย เขาก็คงถอยไปนานแล้ว
เฉินโม่คอยชี้แนะเฉินกั๋วเหลียงจากข้างสนาม ดูเหมือนว่าจะเห็นผู้อาวุโสฉินเป็นแค่คู่ฝึกเท่านั้น
นี่มันคือการหยาบเกียรติของนักบู๊ชัดๆ!
“ตู๊ม!”
ผู้อาวุโสฉินก็คำรามเสียงดัง เขาก็ไม่อยากที่เป็นคู่ฝึกให้กับเฉินกั๋วเหลียงแล้ว ก็โจมตีด้วยพลังทั้งหมด เพื่อจะยุติการต่อสู้
เฉินกั๋วเหลี่ยงเป็นปรมาจารย์ชี่แท้ แม้ว่าจะผ่านการชี้แนะจากเฉินโม่ เข้าใจทักษะในการต่อสู้ แต่เมื่อเทียบกับผู้อาวุโสฉินยังห่างกันชั้นช่าง
ภายใต้การโจมตีด้วยพลังทั้งหมด ก็พ่ายแพ้ในทันที
เฉินกั๋วเหลียงถอยไปถึงข้างกายของเฉินโม่ พูดอย่างเหนื่อยหอบ “ไม่ไหวแล้ว ดูเหมือนฉันจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!”
เฉินโม่ยิ้มพูด “คุณปู่ไม่จำเป็นต้องดูถูกตัวเองขนาดนั้น คุณปู่ทำได้ดีมากแล้ว หากรอให้พลังบำเพ็ญของปู่ถึงระดับปรมาจารย์แดนคุ้มกาย เขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของปู่อย่างแน่นอน”
“ฮ่าๆ ได้!” ได้รับคำชื่นชมของเฉินโม่ เฉินกั๋วเหลียงก็ดีใจอย่างมาก
เฉินกั๋วเหลียงมองผู้อาวุโสฉิน สะบัดมือ พูดอย่างภาคภูมิใจ “ในเมื่อนายชนะฉัน นายก็ไปเถอะ ฉันไม่ให้หลานของฉันทำให้พวกนายลำบากใจ!”
ผู้อาวุโสฉินมองเฉินกั๋วเหลียงอย่างระมัดระวัง เขาไม่เชื่อจริงๆว่าเฉินกั๋วเหลียงจะยอมปล่อยพวกเขาไปง่ายๆแบบนี้ ตามวิถีการทำงานของคนในโลกบู๊โบราณ ฝ่ายใดแพ้ ก็จะไม่มีชีวิตรอดอีกต่อไป
“นายจะปล่อยพวกเราไปจริงๆเหรอ?” ผู้อาวุโสฉินหรี่ตามองเฉินกั๋วเหลียง จากนั้นก็มองผู้อาวุโสหลิวที่นอนอยู่ตรงพื้น
เฉินกั๋วเหลียงอึ้งไปครู่หนึ่ง พูดอย่างไม่เข้าใจ “เมื่อกี้ฉันก็ได้พูดไปแล้วว่าปล่อยพวกนายไปไง อะไร ไม่เชื่อฉันเหรอ?”
ผู้อาวุโสฉินกับผู้อาวุโสหลิวมองหน้ากัน จากนั้นผู้อาวุโสฉินก็เดินไป พยุงผู้อาวุโสหลิวขึ้นมาและทำท่าจะจากไป
เฉินกั๋วเหลียงทำมือไล่พวกเขา แสดงว่าให้พวกเขารีบไป
เฉินโม่ก็ไม่ได้ขัดขวาง ถ้าตามความต้องการของเขา เขาไม่มีทางปล่อยให้สองคนนี้ไป แต่ในเมื่อคุณปู่ได้พูดแล้ว เฉินโม่ก็ไม่อยากขัดใจคุณปู่ เพราะตัวประกอบสองคนนี้
เฉินโม่หันหน้าไปมองเฉินเยว่ แล้วกล่าว “พี่ ตรงนี้เป็นของพี่แล้วนะ”
เฉินเยว่มองสำนักที่คุ้นเคย แต่ว่าศิษย์พี่ศิษย์น้องของเธอกลับไม่มีใครอยู่แล้ว และก็ไม่มีทางกลับมาอีกแล้ว
เห็สถานที่ที่แล้วทำให้คิดถึงพวกเขา เฉินเยว่อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างเศร้าใจ
“ขอบคุณนะเฉินโม่”
อย่างไรก็ตาม สามารถแย่งสำนักกลับคืนมา นับว่าได้ทำตามตั้งใจก่อนตายของท่านอาจารย์แล้ว เฉินเยว่รู้สึกขอบคุณเฉินโม่อย่างมาก
“เสี่ยวโม่ มือฉันยังคันมืออยู่เลย พวกเขาจะกลับมาอีกมั้ย?” เฉินกั๋วเหลียงเหมือนยังไม่หายมัน ถูมือพร้อมกับพูด
เฉินโม่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณปู่วางใจเถอะ ไม่ช้าคุณปู่ก็จะได้แสดงฝีมือเต็มที่อีกครั้ง!”