ภาคที่ 38 เจ้าดินแดนเสวี่ยอิง ตอนที่ 50 น้ำลดตอผุด

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

“ปัญหาของวิธีที่สองก็คือ มีเงื่อนไขของผู้ควบคุมค่ายกลรบสูงยิ่งนัก อย่างข้าที่ไม่เชี่ยวชาญทางด้านค่ายกลอย่างทะลุปรุโปร่ง ก็มิอาจทำให้ค่ายกลรบหมุนเวียนขึ้นมาได้” ใบเมฆาวายุกล่าว “อีกทั้งเนื่องจากยอดฝีมือทางด้านค่ายกลทั้งห้าท่านในตอนนั้น มีสามท่านที่ไม่อยู่เสียแล้ว จึงไม่แน่ว่าจะสามารถสำแดงค่ายกลผลาญชีพห้าธาตุออกมาได้อีกครั้ง อาจจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไข”

“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ก็ต้องพยายามสุดกำลัง”

“คิดไม่ถึงว่าเจ้าทะเลหุบเหวลึกจะมีพลังถึงขั้นนี้เชียว มีจ้าวหิมะเหินอยู่ทั้งคน ก็ยังสังหารเขาได้ยากเย็นถึงเพียงนี้” แต่ละคนในที่นั้นพากันทอดถอนใจ

อูเสี่ยวก็พูดเสียงเคร่งขรึมว่า “เรื่องมิอาจรอช้าได้ ติดต่อกับผู้บำเพ็ญอีกสี่เมืองที่เหลือ ให้ตอนนี้เริ่มค้นคว้าเรื่องค่ายกลรบร่วมโจมตีทันที เมื่อผู้บำเพ็ญทั้งห้าเมืองมาถึง จะให้ดีที่สุดก็ต้องสามารถสำแดงออกมาได้ทันที! เนื่องจาก…เมื่อพวกเราผู้บำเพ็ญทั้งห้าเมืองรวมตัวกันแล้ว เกรงว่าเจ้าทะเลหุบเหวลึกนั่นก็คงเลือกจะหนีไปแล้ว”

“อื้ม”

“เขารู้ว่าฆ่าพวกเราไม่ได้ ที่ยังคงรั้งอยู่ที่นี่ เกรงว่าคงจะเพื่อสังหารผู้บำเพ็ญอีกสี่เมืองที่เหลือ หากพวกเรามาพร้อมหน้ากันแล้วการสังหารของเขาล้มเหลว ก็คงจะจากไปเอง”

พวกตงป๋อเสวี่ยอิงต่างก็เข้าใจในข้อนี้ดี

ตอนนี้ผู้บำเพ็ญอีกสี่เมืองกำลังเร่งมา ด้วยวิธีการของเจ้าทะเลหุบเหวลึกที่สามารถสัมผัสรับรู้กลิ่นอายของสิ่งมีชีวิตทั้งโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญได้ ก็ย่อมรู้ดีว่าความเร็วของเขาช้ากว่าความเร็วที่ค่ายกลรบปะทุออกมาอยู่บ้าง ต่อให้ไปไล่สังหารก็สังหารมิได้ วิธีที่ดีที่สุดก็คือ…อยู่นอกเมืองเมฆาแดงรอคอยผู้บำเพ็ญอีกสี่เมืองมาถึง

เนื่องจากรอบเมืองเมฆาแดงในตอนนี้ เรียกได้ว่ารั้วรอบขอบชิด!

สิ่งมีชีวิตคละถิ่นทั้งโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญต่างพากันมุ่งหน้ามาที่นี่ จำนวนที่รวมตัวกันขึ้นมาในตอนนี้ ก็มากกว่าจำนวนสิ่งมีชีวิตคละถิ่นที่ล้อมรอบ ‘เมืองยามเที่ยง’ ก่อนหน้านี้อยู่มากโขแล้ว! หากตอนนั้นเมืองยามเที่ยงมีสิ่งมีชีวิตคละถิ่นมากมายถึงเพียงนี้ เช่นนั้นผู้บำเพ็ญเมืองยามเที่ยงก็คงหนีไม่พ้น!

เช่นเดียวกัน

สิ่งมีชีวิตคละถิ่นที่ล้อมรอบเมืองเมฆาแดงอยู่มีมากมายยิ่งนัก นอกจากนี้ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้บำเพ็ญจากเมืองอื่นๆ เร่งตรงมาเพื่อจะเข้าไปในเมือง ด้านยากที่สุด…ก็คือสิ่งมีชีวิตคละถิ่นจำนวนนับไม่ถ้วน!

มีหวังจะสังหารเจ้าทะเลหุบเหวลึกได้สำเร็จ

“พวกเราต้องพยายามสุดกำลัง เพื่อปกป้องผู้บำเพ็ญเมืองอื่นๆ เอาไว้ให้ได้” ทุกคนต่างก็เข้าใจในข้อนี้ดี

……

ไม่นานนัก

ทางฝ่ายเมืองเมฆาแดงก็ติดต่อกับผู้บำเพ็ญอีกสี่เมืองผ่านวัตถุส่งสาร แต่ละฝ่ายติดต่อกัน และเห็นด้วยกับสิ่งที่ ‘ใบเมฆาวายุ’ เจ้าเมืองเมฆาแดงเสนอขึ้นมา

มีสองวิธี

วิธีแรกก็คือวิธีเดิม ยิ่งกองกำลังย่อยมีจำนวนมากขึ้น แล้วพยายามหลายครั้งเข้า ไม่แน่ว่าอาจจะสำเร็จก็เป็นได้!อาจจะต้องอาศัยโชคเล็กน้อย

อีกวิธีหนึ่งก็คือ เริ่มค้นคว้าค่ายกลรบร่วมโจมตีขนาดใหญ่ขึ้นมาใหม่ทันที

“ในยุคนั้น พวกข้าทั้งห้าคนบังเอิญเชี่ยวชาญวิถีธาตุทั้งห้าได้แก่ ทอง ไม้ น้ำ ไฟ ดินพอดี ทั้งยังเป็นผู้ตระหนักวิถีระดับจักรพรรดิเทพครบสมบูรณ์ทั้งหมดอีกด้วย แม้พวกตาเฒ่าสวรรค์พิสุทธิ์ทั้งสองคนจะไม่ค่อยเชี่ยวชาญด้านค่ายกลเท่าไหร่นักในตอนแรก แต่เมื่อรู้แจ้งวิถีหนึ่ง ก็รู้แจ้งร้อยวิถี หลังจากใช้เวลามากพอ พวกตาเฒ่าสวรรค์พิสุทธิ์ทั้งสองคนก็ยกระดับทางด้านค่ายกลขึ้นมา…พวกข้าทั้งห้าคนรวมตัวกันที่เมืองแห่งหนึ่งแล้วถกวิถีกันเพื่อครุ่นคิดหาวิธีทำให้ทั้งห้าธาตุรวมตัวกัน หมายจะสำเร็จขั้นคละถิ่นให้ได้ เพียงแต่การใช้พลังทำลายกฎเพื่อสำเร็จขั้นคละถิ่นนั้นยากเสียยิ่งกว่ายาก แต่พวกเรากลับสร้างค่ายกลผลาญชีพห้าธาตุขึ้นมาได้ เฮ้อ จนถึงบัดนี้ สิ้นใจไปแล้วสองคน อีกคนหนึ่งก็จากโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญไป ข้ากับสวรรค์พิสุทธิ์กลับยังมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้” จักรพรรดิกานฉวีถ่ายเสียงพูดอย่างรวดเร็ว

“ตอนนี้ค่ายกลผลาญชีพห้าธาตุไม่มีทางจัดตั้งขึ้นมาได้! ทว่าพวกเราก็ไม่ต้องการค่ายกลที่ซับซ้อนเหมือนค่ายกลผลาญชีพห้าธาตุหรอก ที่ตอนนั้นต้องสร้างค่ายกลซับซ้อนถึงเพียงนั้น ก็เพราะขณะเดียวกับที่ต้องจัดการกับเจ้าทะเลหุบเหวลึก ก็ยังต้องรับมือสิ่งมีชีวิตคละถิ่นจำนวนนับไม่ถ้วนไปพร้อมกันด้วย สิ่งมีชีวิตคละถิ่นจำนวนนับไม่ถ้วนถึงขั้นเป็นภัยคุกคามมากกว่าเสียด้วยซ้ำบัดนี้มีจ้าวหิมะเหินอยู่ ภัยคุกคามจากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นก็สามารถมองข้ามไปได้! พวกเราสามารถทำให้ค่ายกลรบเรียบง่ายกว่าตอนนั้นได้” อีกคนหนึ่งคือ ‘จ้าวสวรรค์พิสุทธิ์’ ตอบ

“ถูกต้อง สามารถทำให้ง่ายกว่านั้นได้” จักรพรรดิกานฉวีก็เห็นด้วยทันที “ภัยคุกคามจากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นจำนวนนับไม่ถ้วนสามารถมองข้ามไปได้ เงื่อนไขของค่ายกลก็ซับซ้อนน้อยลงแล้ว”

“ต้องเร่งมือ…จะต้องสร้างค่ายกลรบขนาดใหญ่ให้ได้ก่อนกองกำลังย่อยของเมืองจันทร์ยะเยือกจะมาถึง” อูเสี่ยวส่งสารไป “มิเช่นนั้นแล้วหากกองกำลังย่อยมารวมตัวกันหมด เจ้าทะเลหุบเหวลึกมองไม่เห็นความหวังที่จะสังหารได้ ก็จะหนีจากไป! นอกจากนี้ ทั้งสี่เมืองเร่งเดินทางมา ก็มิอาจถ่วงเวลาได้นานสักเท่าใดนัก หากจงใจถ่วงเวลา เจ้าทะเลหุบเหวลึกมีสติปัญญาเพียงใด จะต้องพบว่าไม่ชอบมาพากลแน่นอน แล้วเขาก็จะหนีไปเช่นกัน เวลาสิบวัน! พวกเราจะต้องทำให้สำเร็จในเวลาสิบวัน”

“อื้ม”

“ได้ ต้องให้ผู้บำเพ็ญที่เชี่ยวชาญทางด้านค่ายกลทั้งหลายสำแดงออกมาพร้อมกัน”

ผู้ที่เชี่ยวชาญทางด้านค่ายกลจากทั้งห้าเมืองเริ่มติดต่อกันผ่านวัตถุส่งสารแล้วเริ่มผลักดันค่ายกล ทำให้ง่ายขึ้นทันที

เคราะห์ดีที่สามารถทำให้ง่ายขึ้นได้

มิเช่นนั้นแล้วจะสร้างค่ายกลที่เหมือนกับ ‘ค่ายกลผลาญชีพห้าธาตุ’ ขึ้นมานั้นก็ยากเสียยิ่งกว่ายากตอนนั้นบังเอิญมีผู้แกร่งกล้าระดับยอดที่เชี่ยวชาญแต่ละด้านของห้าธาตุ ทั้งยังเชี่ยวชาญทางด้านค่ายกลอยู่พอดี  จึงสามารถจัดตั้งค่ายกลรบขนาดใหญ่ที่มีพวกเขาห้าคนเป็นหัวใจหลักขึ้นมาได้

แต่บัดนี้มีจ้าวหิมะเหิน ‘สิ่งมีชีวิตคละถิ่นจำนวนนับไม่ถ้วน’ ซึ่งเดิมทีเป็นภัยคุกคามอันใหญ่หลวงที่สุดก็สามารถมองข้ามไปได้ และนี่ก็คือโอกาสอันหาได้ยาก

******

เจ้าทะเลหุบเหวลึกโจมตีเมืองเมฆาแดงเป็นครั้งคราว เมื่อค่ายกลแต่ละชั้นของเมืองเมฆาแดงถูกทำลายไปเกินครึ่ง จึงจะมีกองกำลังย่อยกองหนึ่งออกมาขัดขวาง ทำให้ที่ครอบแสงของค่ายกลป้องกันเมืองฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว กองกำลังย่อยก็จะถอยกลับมาทันที

ทุกคนค่อยๆ ถ่วงเวลาออกไป

สามวันให้หลัง

กองกำลังย่อยของผู้บำเพ็ญจากเมืองยามเที่ยงและเมืองดาราน้ำแข็งรวมหกกองก็จวนจะมาถึงเมืองเมฆาแดงพร้อมกันแล้ว อันที่จริงตามขีดจำกัดความเร็ว หากกองกำลังย่อยทั้งสามกองของเมืองยามเที่ยงจะรวมตัวกัน อย่างช้าที่สุดก็จะมาถึงเมืองเมฆาแดงช้ากว่าเจ้าทะเลหุบเหวลึกแค่ครึ่งค่อนวันเท่านั้น เพียงแต่กองกำลังย่อยทั้งสามกองของพวกเขาไม่มั่นใจว่าจะสามารถรวมตัวกับผู้บำเพ็ญเมืองเมฆาแดงได้ ดังนั้นจึงจงใจถ่วงเวลาออกไป!

เจ้าทะเลหุบเหวลึกก็ส่งสิ่งมีชีวิตคละถิ่นจำนวนมากมุ่งหน้าไปสังหารโดยก็มิกล้าถ่วงเวลาต่อไปอีกแล้ว กองกำลังย่อยหกกองจากสองเมืองมารวมตัวกันก็ลงมือพร้อมกันไปเสียเลย!

“พวกเราจวนจะถึงแล้ว”

“เจ้าเมืองเมฆาวายุ ต้องพึ่งพวกท่านแล้ว พวกเราบุกเข้าไปไม่ได้หรอก”

“จ้าวหิมะเหิน ต้องให้ท่านมาช่วยพวกข้าแล้วล่ะ”

เหล่าผู้บำเพ็ญเมืองยามเที่ยงและเมืองดาราน้ำแข็งมองดูสิ่งมีชีวิตคละถิ่นมากมายจนนับไม่หวาดไม่ไหวที่อยู่ไกลออกไป ก็รู้สึกหนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจ

มากมายเกินไปแล้ว!

ทุกชั่วขณะจิตมีสิ่งมีชีวิตคละถิ่นเร่งเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง พวกมันมีสติปัญญาสูงส่งมากเช่นเดียวกัน พวกมันเริ่มรวมตัวกันด้วยคำสั่งของเจ้าทะเลหุบเหวลึก ไม่พูดถึงเรื่องอื่น ลำพังแค่ ‘กำแพง’ ที่พวกสิ่งมีชีวิตคละถิ่นรวมตัวกันขึ้นมาก็เพียงพอจะขัดขวางกองกำลังย่อยของผู้บำเพ็ญเอาไว้ได้แล้ว

“มาแล้ว พวกจ้าวหิมะเหินมาแล้ว”

“กองกำลังเมืองเมฆาแดง”

กองกำลังย่อยทั้งหกของเมืองยามเที่ยงและเมืองดาราน้ำแข็งมองเห็นกองกำลังย่อยสองกองที่ดุจดั่งมังกรเหินอยู่ลิบๆ พวกเขาบุกตรงออกไปสังหารอย่างแน่วแน่! แม้พวกสิ่งมีชีวิตคละถิ่นจะแน่นขนัดไร้ที่สิ้นสุด แต่ก็ยังคงถูกกองกำลังย่อยทั้งสองของเมืองเมฆาแดงโจมตีจนแตกพ่ายไปอย่างง่ายดาย

“สกัดพวกเขาเอาไว้ สกัดไว้” เจ้าทะเลหุบเหวลึกถลาออกไปก้าวใหญ่ ขณะเดียวกันก็ร้องคำรามออกคำสั่ง

ส่วนตัวเขาเองก็มุ่งหน้าบุกเข้าไปหากองกำลังย่อยทั้งหกกองพร้อมกับสิ่งมีชีวิตคละถิ่นจำนวนมาก

“ขวางเอาไว้ไม่ได้แล้ว”

กองกำลังย่อยทั้งสองของเมืองเมฆาแดงบุกเข้าสังหารอย่างไม่คิดชีวิต!

พลังของสิ่งมีชีวิตคละถิ่นทั้งหมดในบริเวณล้านลี้โดยรอบต่างก็ลดลงระดับหนึ่ง! ด้วยเหตุนี้ การขัดขวางก็เป็นภัยน้อยลงอย่างมาก หากมีพลังระดับจักรพรรดิเทพครบสมบูรณ์กันหมดและขัดขวางอย่างมืดฟ้ามัวดิน…ก็คงส่งผลกระทบต้อความเร็วของพวกตงป๋อเสวี่ยอิงมากทีเดียว แต่ตอนนี้พวกเขาล้วนมีพลังรบระดับจักรพรรดิเทพช่วงท้ายเท่านั้น สำหรับพวกตงป๋อเสวี่ยอิงก็ส่งผลกระทบต่อความเร็วเพียงส่วนเดียวอย่างพอถูไถเท่านั้น! และยังเป็นเพราะพวกสิ่งมีชีวิตคละถิ่นแต่ละตนใช้ร่างกายเข้าสกัดกั้นโดยไม่รักตัวกลัวตายอีกด้วย

“ฟิ้ว”

ความเร็วได้รับผลกระทบเล็กน้อย แต่กองกำลังย่อยของพวกตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังคงรวดเร็วกว่าเจ้าทะเลหุบเหวลึกอยู่บ้าง

กองกำลังย่อยหกกองที่อยู่ไกลออกไปเริ่มห้ำหั่นกับพวกสิ่งมีชีวิตคละถิ่นแล้ว ห้ำหั่นไปพลาง หนีไปพลาง พยายามทำให้สิ่งมีชีวิตคละถิ่นที่ดักล้อมพวกเขาอยู่ลดน้อยลงไปให้มากที่สุด! พวกเขาก็กำลังถ่วงเวลา เพื่อจะรวมตัวกับพวกตงป๋อเสวี่ยอิงให้ได้

“ต้านเอาไว้”

 “พวกเรามาแล้ว”

กองกำลังผู้บำเพ็ญของเมืองเมฆาแดงบุกตรงเข้าไปอย่างสุดชีวิต ในที่สุดก็ฝ่าอุปสรรคต่างๆ ได้และรวมตัวกับกองกำลังย่อยทั้งหกของเมืองยามเที่ยงและเมืองดาราน้ำแล้ว

“ฮ่าฮ่าฮ่า…” ผู้บำเพ็ญเมืองยามเที่ยงและเมืองดาราน้ำแข็งหลายคนต่างพากันหัวเราะเสียงดังออกมา เพราะหลังจากระยะห่างกับตงป๋อเสวี่ยอิงลดลงจนอยู่ในขอบเขตล้านลี้แล้ว พวกเขาก็สัมผัสได้ว่าพลังของสิ่งชีวิตคละถิ่นทั้งหลายอ่อนกำลังลง จนมิอาจคุกคามกองกำลังของพวกเขาได้แล้ว

กองกำลังรวมตัวกัน

“จ้าวหิมะเหิน ติดค้างพวกท่านมากทีเดียว”

“เจ้าเมืองเมฆาวายุ ไม่พบกันตั้งนานแล้ว ครั้งนี้มาจัดการเจ้าทะเลหุบเหวลึกด้วยกันอีกแล้วนะ”

ผู้บำเพ็ญกลุ่มหนึ่งอารมณ์ดียิ่งนัก

กองกำลังย่อยทั้งหมดแปดกองของพวกเขาร่วมมือกันแล้วบุกสังหารเป็นวงกว้าง สิ่งมีชีวิตคละถิ่นขัดขวางได้น้อยมากแล้ว พวกเขาไปถึงเมืองเมฆาแดงและรวมกับกองกำลังย่อยอีกกองหนึ่งในเมืองได้อย่างง่ายดาย! ที่เหลือเอาไว้กองหนึ่ง ก็เพื่อป้องกันมิให้เจ้าทะเลหุบเหวลึกโจมตีเมืองเมฆาแดงจนแตกได้

กองกำลังย่อยเก้ากองรวมตัวกัน!

แล้วเริ่มโจมตีไปทางเจ้าทะเลหุบเหวลึกทันที ทำให้การต่อสู้ครั้งใหญ่เริ่มต้นขึ้นอีกครา

……

แต่กระนั้น

เป็นดังที่ทุกคนคาดเอาไว้ กองกำลังย่อยเก้ากองร่วมกันล้อมโจมตีเจ้าทะเลหุบเหวลึก แม้จะมีพลังแข็งแกร่งมาก แต่ก็มีหลายครั้งที่เจ้าทะเลหุบเหวลึกใช้ร่างกายฝืนต้านทานเอาไว้ได้ ! ต่อให้ใบเมฆาวายุ อูเสี่ยว สวินอี้และผู้แกร่งกล้าระดับเจ้าเมืองคนอื่นๆ อาศัยการโจมตีของค่ายกลรบ และเป็นภัยคุกคามต่อเจ้าทะเลหุบเหวลึกได้ในระดับหนึ่ง แต่อาการบาดเจ็บระดับนั้น เจ้าทะเลหุบเหวลึกก็ยังคงพอจะสามารถฟื้นตัวกลับมาได้

กองกำลังย่อยเก้ากองยังคงไม่สามารถปลิดชีพเจ้าทะเลหุบเหวลึกได้

อาการบาดเจ็บจากการโจมตี…เจ้าทะเลหุบเหวลึกสามารถฟื้นตัวกลับมาได้อย่างสิ้นเชิง เห็นได้ชัดว่า ต่อให้สังหารไปนานกว่านี้ก็ไร้ประโยชน์

กองกำลังย่อยทั้งเก้าทำได้เพียงถอยกลับไปยังเมืองเมฆาแดงก่อนชั่วคราว

“ก็ยังไม่ได้อยู่ดี”

กองกำลังย่อยของสามเมืองรวมตัวกัน แม้จะได้เปรียบขึ้นมาก เจ้าทะเลหุบเหวลึกก็มือไม้วุ่นวายไปหมด แต่กระบวนท่ารักษาชีวิตของเขาก็ยังคงแข็งแกร่งเกินไปอยู่ดี”

“อื้ม รออีกหน่อย อีกไม่กี่วันผู้บำเพ็ญทั้งห้าเมืองก็จะรวมตัวกันแล้ว! ถึงตอนนั้นสร้างค่ายกลรบขนาดใหญ่ได้สำเร็จ ก็สำแดงค่ายกลรบขนาดใหญ่ออกมา หากยังไม่ได้อีก กองกำลังย่อยสิบห้ากองร่วมแรงกัน ก็พอเป็นไปได้ว่าจะสามารถสังหารเจ้าทะเลหุบเหวลึกได้”

ภายในเมืองเมฆาแดงมีผู้บำเพ็ญรวมตัวกันเกินหมื่นคน จึงคึกคักยิ่งนัก

ผู้เชี่ยวชาญด้านค่ายกลในจำนวนนั้นร่วมกันค้นคว้า บัดนี้เมื่ออภิปรายกันซึ่งหน้า ก็สะดวกกว่าติดต่อกันผ่าน ‘วัตถุส่งสาร’ มากทีเดียว

เวลาล่วงเลยไป…

เพียงพริบตาก็ผ่านไปเจ็ดวันแล้ว กองกำลังย่อยทั้งหกกองจากสองเมืองคือเมืองเฉิงกวงและเมืองจันทร์ยะเยือกรวมตัวกันก่อนแล้ว พวกเขาก็กำลังมุ่งหน้าเข้ามายังเมืองเมฆาแดง

“มาแล้ว”

ที่นอกเมือง

ร่างกายของเจ้าทะเลหุบเหวลึกสูงตระหง่านเขานั่งขัดสมาธิหลับตาพักผ่อนอยู่ เมื่อเห็นว่าการโจมตีไร้ประโยชน์อย่างเห็นได้ชัด เขาก็หยุดลงเพื่อพักผ่อน แม้จะนั่งขัดสมาธิอยู่ ร่างกายของเขาก็ยังสูงหลายร้อยลี้ ศีรษะจวนจะทะลุชั้นเมฆอยู่แล้ว

ทันใดนั้น เขาก็เปิดเปลือกตาขึ้นมา

เขาสัมผัสได้ว่ากองกำลังย่อยหกกองจากสองเมืองสุดท้ายเข้ามาใกล้มากแล้ว

“มาแล้ว ในที่สุดก็มาแล้ว ผู้บำเพ็ญจากสองเมืองสุดท้าย ในที่สุดก็มาถึงชั่วขณะสุดท้ายเสียที ข้าปกปิดมานานถึงเพียงนี้ ก็เพียงพอแล้ว” ในใจของเจ้าทะเลหุบเหวลึกมีแววอาฆาตผุดขึ้นมา “เจ้าดินแดนผู้สูงส่งจองจำข้าให้ทนทุกข์ทรมานอยู่ที่นี่ ให้ข้าเป็นหินลับมีดให้พวกมดปลวกที่อ่อนแอเหล่านี้ ทว่า อีกไม่นานพวกเจ้าก็จะต้องสำนึกเสียใจแล้ว”

“ผู้บำเพ็ญทั้งห้าเมืองต้องตายให้หมด ไม่เหลือแม้แต่คนเดียว!”

“ข้า เฉิงหาว! จะต้องมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วทั้งมิติคละถิ่น” นัยน์ตาของเจ้าทะเลหุบเหวลึกมีแววอาฆาตอันเยียบเย็นสายหนึ่งวาบผ่าน

………………………