บทที่ 1941 คนงามทารุณเป็นร้อยเป็นพันครั้ง
“เยี่ยมมาก” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า จากนั้นจึงมอบกล่องไม้ที่บรรจุเส้นผมของซือเยี่ยหานให้ผู้อาวุโสใหญ่
“เอาสิ่งนี้กับของที่ฉันเอากลับมาครั้งก่อนไปตรวจสอบดูหน่อย ถ้าผลออกแล้วมารายงานฉันด้วย” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย
เมื่อได้ฟังจบ ผู้อาวุโสใหญ่ก็พยักหน้ารับ จากนั้นก็หันหลังเดินออกไปจากบริเวณนี้
ครั้งนี้ ในใจของเยี่ยหวันหวั่นกลับค่อนข้างประหม่าอย่างไม่ทราบสาเหตุ ถังถังน่าจะเป็นลูกที่เกิดจากตัวเองและซือเยี่ยหาน จะต้องไม่ผิดพลาดอย่างแน่นอน…
การพิสูจน์ดีเอ็นเอพ่อลูกต้องใช้เวลาหลายวัน เยี่ยหวันหวั่นจึงไม่ได้รั้งอยู่ที่พันธมิตรอู๋เว่ย แต่กลับไปที่โรงเรียนชื่อเยี่ยน
….
หลังจากเยี่ยหวันหวั่นกลับมาที่โรงเรียนแล้ว ก็ไม่ได้รีบร้อนไปส่งมอบเส้นผมของซือเยี่ยหาน เธอต้องสืบให้ชัดเจนก่อนว่าสรุปแล้วเป็นใครกันแน่ที่ออกใบสั่งภารกิจนี้ แล้วคนออกใบสั่งจะเอาเส้นผมของซือเยี่ยหานไปทำอะไร
หากตัวเองให้เส้นผมของซือเยี่ยหานไปโดยไม่รู้เรื่องรู้ราวแบบนี้ แล้วส่งผลร้ายกับซือเยี่ยหานจะทำยังไง
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลของผู้ออกใบสั่งแทบจะเป็นความลับทั้งหมด เป็นความลับของโรงเรียนชื่อเยี่ยน ถ้าอยากสืบหาข้อมูลของผู้ออกใบสั่งนั้นยากเย็นระดับสิบ มีแค่ผู้อำนวยการของโรงเรียนชื่อเยี่ยนหรือไม่ก็บุคคลระดับสูงของโรงเรียนพวกนั้นที่รู้ข้อมูลของผู้ออกใบสั่ง ส่วนนักเรียนกับครูฝึกไม่มีทางรู้เรื่องพวกนี้เลย
ด้วยความอับจนหนทาง เยี่ยนหวันหวั่นจึงทำได้แค่โอบอุ้มความคิดที่จะรักษาม้าตายดั่งม้าเป็นแล้วมายังที่บ้านพักอาจารย์ของผู้อาวุโสกง
หากผู้อาวุโสกงไม่ยอมช่วยตรวจสอบให้ตน ถ้าอย่างนั้นภารกิจนี้คงทำได้แค่สละทิ้งแล้ว เส้นผมของซือเยี่ยหาน เยี่ยหวันหวั่นจะไม่มีทางไปส่งมอบ
“ได้ยินว่าเธอรับภารกิจรวดเดียวสามงานเลย ระดับ S สองงาน S+ หนึ่งงานสินะ”
ในห้องรับแขก ผู้อาวุโสกงชงชาไว้หนึ่งกาแล้ว
หลังจากเยี่ยหวันหวั่นรินให้ผู้อาวุโสกงถ้วยหนึ่งแล้ว ผู้อาวุโสพลันมองไปที่เยี่ยหวันหวั่น แล้วเอ่ยปากถาม
เมื่อได้ยินประโยคนี้จากผู้อาวุโสกง เยี่ยหวันหวั่นจึงหยักหน้ารับ “ใช่ค่ะ อาจารย์…”
“งั้นเธอก็สุดยอดจริงๆ ในโรงเรียนชื่อเยี่ยน ยังไม่เคยมีใครกล้ารับภารกิจระดับ S รวดเดียวสามงานมาก่อน แล้วยังมีภารกิจระดับ S+ อีกหนึ่งงานด้วย” ผู้อาวุโสกงกล่าวออกมา
ไม่รอให้เยี่ยหวันหวั่นได้อ้าปากพูด ผู้อาวุโสกงก็พูดต่อไปอีกว่า “เธอเพิ่งจะรับภารกิจไปเมื่อไม่กี่วันก่อน กลับมาแบบนี้ เสร็จภารกิจแล้วเหรอไง”
ดูเหมือนผู้อาวุโสกงจะสนใจเรื่องที่เยี่ยหวันหวั่นทำภารกิจเสร็จสิ้นแล้วมาก
พอได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสกง สีหน้าของเยี่ยหวันหวั่นก็ปรากฏความอับอายอยู่บ้าง เธอจะบอกได้ยังไง ว่าแหวนของจี้หวงถูกผู้ชายของตัวเองฉกไปแล้ว ส่วนภารกิจคุ้มกันระดับ S+ สินค้าก็ถูกผู้ชายของตัวเองปล้นไปแล้วเหมือนกัน…
มีแค่ภารกิจเส้นผมอย่างเดียวที่พอจะทำสำเร็จได้ แต่ตัวเองยังคงพะวงถึงความปลอดภัยของเขา
พอคิดๆ ดูให้ละเอียดแล้ว นี่มันเป็นความจริงเหรอเนี่ย ซือเยี่ยหานทารุณเธอเป็นร้อยเป็นพันครั้ง แต่ตัวเองกลับหลงรักตั้งแต่แรกพบ นี่มันกลับตาลปัตรแล้ว
“เรื่องนั้น…อาจารย์คะ ที่มาในครั้งนี้ อันที่จริง มีเรื่องอยากรบกวนอาจารย์น่ะค่ะ…” เยี่ยหวันหวั่นจ้องมองผู้อาวุโสกง เปิดปากพูดอย่างใจฝ่ออยู่บ้าง
ถึงยังไงเรื่องที่เธอจะถามก็คือข้อมูลของผู้ออกใบสั่งภารกิจระดับ S ซึ่งข้อมูลภารกิจแบบนี้ล้วนเป็นความลับที่เข้มงวดยิ่งของโรงเรียนทหารรับจ้างทุกแห่ง
ลองคิดดูสิ หากข้อมูลของผู้ออกใบสั่งภารกิจ ถูกคนล่วงรู้เข้าอย่างง่ายดาย แบบนั้นใครจะยังกล้ามาออกใบสั่งภารกิจกับโรงเรียนทหารรับจ้างสามสถาบันใหญ่อีกล่ะ
หากคนใหญ่คนโตคนไหนถูกลอบสังหารเข้าล่ะ
แค่สืบดูนิดหน่อย แต่กลับสืบพบข้อมูลของผู้ออกใบสั่ง จะน่าสยองซักแค่ไหน?!
ก็ด้วยเหตุนี้เอง ในรัฐอิสระ ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนทหารรับจ้างสามสถาบันใหญ่ หรือโรงเรียนทหารรับจ้างเล็กๆ แต่ละแห่ง ล้วนยึดถือการปกป้องข้อมูลของผู้ออกใบสั่งมาเป็นอันดับหนึ่งเสมอ
ครั้งนี้เยี่ยหวันหวั่นต้องการเอ่ยถามเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหลักการเช่นนี้จากผู้อาวุโสกง จึงรู้สึกเกรงใจที่จะเอ่ยออกมาอยู่บ้างจริงๆ…
———————————————————————
บทที่ 1942 ความอยากรู้อย่างเดียวเลย
“เรื่องอะไรล่ะ”
ผู้อาวุโสกงจิบชาคำหนึ่ง แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
เยี่ยหวันหวั่นคิดไปคิดมา ใคร่ครวญอยู่หลายสิบวินาที ถึงได้กัดฟัน ทำหน้าหนาเอ่ยถาม “อาจารย์คะ อันที่จริงก็ไม่มีอะไรหรอกคะ ฉันแค่สงสัยเท่านั้น ว่าหนึ่งในภารกิจระดับ S ที่ฉันรับมา เนื้อหาว่าจ้างคือต้องการเส้นผมของนายแห่งอาชูร่า อาจารย์คะ คุณว่าเป็นใครกันคะที่อยู่ว่างขนาดนั้น อยากจะได้เส้นผมของคนอื่น แถมยังจัดเนื้อหาของภารกิจแบบนี้ไว้เป็นระดับ S ด้วย…”
พอได้ยินคำพูดของเยี่ยหวันหวั่น ผู้อาวุโสกงก็เหลือบมองเยี่ยหวันหวั่นแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “นี่น่ะถ้าเป็นเส้นผมของคนทั่วไป อย่าว่าแต่ระดับ S เลย ต่อให้เป็นระดับ D ก็ไม่มีคุณสมบัติพอหรอกนะ แต่นายแห่งอาชูร่าจะไปยุแหย่ได้ง่ายๆ หรือไง อยากได้ผมสักเส้นจากเขาน่ะ ดีไม่ดีอาจต้องล่มจมทั้งตระกูลก็ได้”
“งั้น…อาจารย์คะ คุณรู้ไหมคะว่าใครเป็นคนออกใบสั่งภารกิจ…พอจะตรวจสอบได้บ้างไหมคะ” เยี่ยหวันหวั่นเปิดปากถาม
“เธอถามเรื่องนี้ไปทำไมกัน” ทันใดนั้น ผู้อาวุโสกงก็พลันขมวดคิ้วเล็กน้อย
“อยากรู้…แค่อยากรู้อย่างเดียวเลยค่ะ!” เยี่ยหวันหวั่นตอบทันที
“อยากรู้งั้นเหรอ เธอคิดว่าอาจารย์เป็นเด็กน้อยสามขวบที่หลอกได้ง่ายๆ สินะ” สีหน้าของผู้อาวุโสกงครึ้มลงทันที ข้ออ้างแบบนี้ห่วยเกินไปแล้ว
เยี่ยหวันหวั่นเงียบไปพักหนึ่ง นัยน์ตากลอกกลิ้งนิดๆ มองไปที่ผู้อาวุโสกง ใบหน้าเต็มไปด้วยความคับข้องหมองใจ แล้วจึงเอ่ยอย่างทีเล่นทีจริงว่า “อาจารย์คะ…อันที่จริงแล้ว เส้นผมของนายแห่งอาชูร่า ฉันได้มาแล้วค่ะ แต่ไม่รู้ว่าเป็นใครกันที่ออกใบสั่งภารกิจนี้ ต้องการเส้นผมของนายแห่งอาชูร่าไปทำไมกัน อาจารย์คะ ท่านคิดดูสิ ถ้าหากคนออกใบสั่งได้เส้นผมของนายแห่งอาชูร่าไป แล้วประสงค์ร้ายต่อนายแห่งอาชูร่า พอถึงเวลานั้น ทั่วทั้งกองกำลังอาชูร่า จะต้องตามล่าสังหารฉันอย่างบ้าคลั่งแน่ๆ ฉันไม่กล้าส่งมอบภารกิจแล้วละค่ะ…”
“อะไรนะ เธอได้เส้นผมของนายแห่งอาชูร่ามาแล้วเหรอ”
ผู้อาวุโสกงจ้องเยี่ยหวันหวั่น ด้วยสีหน้าประหลาดใจ ระยะเวลาแค่ไม่กี่วัน ก็จบภารกิจระดับ S ได้แล้วงั้นเหรอ
“อื้ม ใช่ค่ะ” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้ารัวๆ “แต่ว่าไม่กล้าส่งมอบภารกิจค่ะ อาจารย์คะ ท่านก็รู้นี่คะ กองกำลังอาชูร่าน่ะ ล้วนแต่เป็นภูตผีสัตว์ประหลาด ฉันกลัวนะคะ”
“เฮ้อ…” ผู้อาวุโสกงส่ายหน้า ถอนหายใจกับตัวเองเบาๆ
หลังจากเงียบอยู่นาน ผู้อาวุโสถึงได้เปิดปากกล่าวขึ้นมาว่า “หวันหวั่น ความจริงแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องกลัวเลย ภารกิจนี้ เป็นศิษย์พี่อู๋โยวของเธอที่ออกใบสั่ง”
ทันทีที่ผู้อาวุโสกงพูดจบ เยี่ยหวันหวั่นพลันมีสีหน้าตะลึงงันอย่างยากจะเชื่อ
ใครออกใบสั่งนะ
เนี่ยอู๋โยวงั้นเหรอ?!
แบบนี้ก็แปลว่า ภารกิจระดับ S ที่ต้องการเส้นผมของนายแห่งอาชูร่านี้ คือตัวเองก่อนที่จะสูญเสียความจำที่ออกใบสั่งงั้นเหรอ?!
นี่…นี่มันบ้าเกินไปแล้วมั้ง ตัวเองจะเอาเส้นผมของนายแห่งอาชูร่าไปทำอะไรกัน
“ศิษย์พี่อู๋โยวของเธอ เมื่อก่อนตอนอยู่ที่รัฐอิสระได้พบรักกับผู้ชายคนหนึ่ง ต่อมาก็มีลูกด้วยกัน แต่อู๋โยวศิษย์พี่ของเธอไม่รู้ฐานะที่แท้จริงของผู้ชายคนนั้น ผู้ชายคนนั้นบอกว่าตัวเองเป็นหัวหน้าระดับเล็กๆ ในอาชูร่า แต่ศิษย์พี่อู๋โยวของเธอนึกสงสัยฐานะที่แท้จริงของคนคนนั้นว่าจะเป็นนายของกองกำลังอาชูร่า…” เวลานี้ ผู้อาวุโสบอกเล่าเรื่องราวในอดีตออกมาอย่างเชื่องช้า
เยี่ยหวันหวั่นตะลึงงัน…
“ถ้างั้น ทำไมศิษย์พี่อู๋โยวถึงไม่ไปถามให้กระจ่างด้วยตัวเองล่ะคะ” เยี่ยหวันหวั่นรีบถามด้วยความร้อนใจ
“นิสัยของศิษย์พี่อู๋โยวของเธอน่ะ แข็งกร้าวเป็นที่สุด หลังจากพบว่าตัวเองตั้งท้อง ก็ไม่ไปหาผู้ชายคนนั้นอีกเลย ตัดขาดการติดต่อกับเขาอย่างสมบูรณ์ ผู้ชายคนหนึ่งที่แม้แต่ฐานะของตัวเองก็ไม่ยอมบอกให้ชัดเจน ด้วยนิสัยของศิษย์พี่อู๋โยวของเธอ จะไปติดต่อข้องเกี่ยวหรือจะไปถามต่อหน้างั้นเหรอ” ผู้อาวุโสกงเอ่ย
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออกสักนิด
หากเป็นอย่างที่ว่ามาจริง ถ้าอย่างนั้น ดูเหมือนซือเยี่ยหานก็คงจะไม่รู้ว่าเธอคือเนี่ยอู๋โยวสินะ แบบนั้นไม่ใช่ว่าตัวเธอก็ปกปิดฐานะไว้เหมือนกันหรอกเหรอ
……………………………………………………………