‘กู่หลุนมู่’ เป็นภาษามารที่แปลว่าระวัง
ไห่ตี๋ย่อมรู้ว่าเฉินฉางเซิงรู้วิชาย่างก้าวหยั่งเทวา เมื่อปีก่อนเขารับรู้เพลงกระบี่ของเฉินฉางเซิงด้วยตัวเอง รู้ว่าสังฆราชหนุ่มผู้นี้เหนือล้ำว่าผู้อื่นในวิถีแห่งกระบี่ อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีทางเชื่อว่าเฉินฉางเซิงจะสามารถเอาชนะผู้ใต้บังคับบัญชามากความสามารถที่เขานำมาด้วยได้
แต่เมื่อเฉินฉางเซิงหายไปและพายุกระบี่ปกคลุมหุบเขา เขาก็รู้สึกเป็นกังวลอย่างรุนแรง
ตอนนี้เองที่เขาตระหนักว่ากระบี่ที่เฉินฉางเซิงใช้ก่อนหน้านี้ก็เพื่อปกปิดระดับที่แท้จริงเอาไว้
ในเวลาสั้นๆ แค่หนึ่งปี การบำเพ็ญเพียรของเฉินฉางเซิงไม่ได้เปลี่ยนไป แต่เขาก้าวหน้าขึ้นในวิถีกระบี่ เข้าถึงระดับที่แทบไม่อาจจินตนาการได้
จากสิ่งนี้เขาสามารถจินตนาการได้ว่าเด็กสาวในชุดดำที่ขวางป้ายอนุสรณ์คัมภีร์สวรรค์ที่แตกหักเอาไว้ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า
แผนเช่นนี้บรรจุไว้ด้วยความมั่นใจและแน่วแน่อันน่ากลัว
พวกเขามั่นใจว่าเด็กสาวในชุดดำกับใบไม้ครามสามารถที่จะต้านทานไห่ตี๋ที่น่ากลัวได้ระยะเวลาหนึ่ง
พวกเขามั่นใจว่าในช่วงเวลานี้ เฉินฉางเซิงสามารถที่จะฆ่าพวกศัตรูที่เหลือทั้งหมด!
……
……
หุบเขาหิมะปกคลุมไปด้วยกระบี่ แต่ร่างที่แท้จริงของกระบี่ไม่อาจเห็นได้ มีแต่เจตจำนงกระบี่เท่านั้น
ลมฝนล้วนเป็นกระบี่ กระบี่ซ่อนตัวอยู่ในพายุ เผยร่างที่แท้จริงอยู่เป็นระยะๆ เคลื่อนเข้าใกล้ร่างของเหล่ายอดฝีมือเผ่ามาร
เก๊ง เก๊ง เก๊ง! เสียงโลหะบดขยี้โลหะและโลหะถูกตัดดังขึ้นอย่างไร้ซึ่งจังหวะจะโคน
บนร่างมหึมาของยอดฝีมือเผ่ามารทั้งหมดปรากฏแผลนับไม่ถ้วนจากกระบี่ที่คมหาใดเปรียบอย่างไม่มีจังหวะหรือสาเหตุ
บาดแผลกระบี่พวกนี้เป็นรอยที่เกิดจากกระบี่ซึ่งแวบขึ้นเหมือนกับสายฟ้าและฟันใส่ร่างเหล่ายอดฝีมือเผ่ามาร มันเจิดจ้า ชวนให้ขนลุก
ร่างกายมารนั้นหนังเหนียวมาตั้งแต่เกิด แม้แต่มารธรรมดาก็มีร่างกายที่ทนทานกว่ามนุษย์ที่ผ่านการชำระกระดูกอย่างสมบูรณ์แบบ ยอดฝีมือที่ติดตามไห่ตี๋มาทำภารกิจลอบสังหารในคืนนี้เป็นยอดฝีมือที่ถูกเลือกของกองทัพมาร ดังนั้นความทนทานของร่งกายพวกมันย่อมยากที่จะจินตนาการได้ โดยเฉพาะเมื่อมีปราณมารสีดำรอบกายคอยช่วยสนับสนุนอยู่ ดังนั้นแม้ว่ากระบี่ทั้งหมดในพายุจะเป็นกระบี่มีชื่อ พวกมันก็ไม่สามารถที่จะตัดผ่านได้
แต่พวกยอดฝีมือเผ่ามารก็ไม่อาจที่จะตอบโต้กลับมาได้ เพราะพวกเขาไม่อาจระบุตำแหน่งของเฉินฉางเซิงได้
กระบี่ซ่อนอยู่ในพายุ เฉินฉางเซิงก็อยู่หลังกระบี่ เพื่อที่จะหาเขา ก่อนอื่นก็ต้องกำจัดกระบี่พวกนี้ไป
สถานการณ์นี้ไม่ได้ดำรงอยู่นานนัก เพราะพายุรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว และจำนวนกระบี่ที่บินอยุ่ในหุบเขาหิมะก็เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
น้ำกัดกร่อนหินต้องใช้เวลายาวนาน แต่เฉินฉางเซิงสามารถบีบอัดเวลานับปีไม่ถ้วนจนกลายเป็นเวลาสั้นๆ
เสียงดังเปรี๊ยะ หินใต้หลังคาที่ปกคลุมไปด้วยตะไคร่ก็มีรูเล็กๆ ในที่สุดก็แตกออกตามตะเข็บและแยกออกอย่างสิ้นกำลัง สุดท้ายก็ขาดออกจากกัน
เสียงดังเปรี๊ยะ รอยร้าวปรากฏขึ้นบนร่างของยอดฝีมือเผ่ามาร และตามมาด้วยรอยร้าวอีกนับไม่ถ้วน
ประกายกระบี่ในพายุพลันสว่างขึ้น ส่องสว่างหุบเขามืดมัว เลือดสีเขียวหลายร้อยสายพุ่งออกมาจากร่างยอดฝีมือเผ่ามารเหล่านั้น ดูประหนึ่งจิตรกรแห่งเมืองเสวี่ยเหล่าสาดสีอย่างบ้าคลั่งไปบนผ้าใบสีดำ ทำให้มันเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกประหลาดและน่ากลัวอย่างไร้สิ้นสุด
เสียงคำรามด้วยความเจ็บปวดดังก้องไปทั่วหุบเขา
ร่างสูงใหญ่ของยอดฝีมือมารทั้งสองคุกเข่าลงราวกับเทือกเขาที่ถล่ม
หากสถานการณ์ดำเนินต่อไป หากเฉินฉางเซิงมีเวลาต่อไปอีก ย่อมสามารถทำให้ยอดฝีมือเผ่ามารทั้งหมดในหุบเขาหิมะบาดเจ็บสาหัส และกลับไปหามังกรดำน้อย ร่วมมือกันโจมตีไห่ตี๋จากทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ต่อให้พวกเขาไม่ใช่คู่มือของไห่ตี๋ ก็ย่อมสามารถหาทางหนีไปได้
ในฐานะคนสำคัญอันดับสองของกองทัพมารเป็นรองเพียงแค่ผู้บัญชาการมาร ไห่ตี๋ได้ตระเวนไปทั่วทุ่งหิมะแดนมารมาหลายปี แล้วเขาจะมองแผนของทั้งคู่ไม่ออกได้อย่างไร
เสียงผิวปากดังขึ้นจากปากของไห่ตี๋ ในเวลาเดียวกัน แสงสีขาวก็พุ่งออกมาจากปากละหลอมรวมเข้ากับเจตจำนงมาร
แสงสีขาวขุ่นนี้สะอาดผิดปกติ ไร้ซึ่งสิ่งเจือปน ถึงกับดูศักดิ์สิทธิ์อยู่บ้าง
ไม่กี่ปีก่อนในเมืองสวินหยาง เฉินฉางเซิงก็เคยเห็นแสงแบบนี้ แม้ว่าเขาไม่มีเวลาหันไปมองในตอนนี้ เขาก็รู้ว่ามันคือแสงเดือน จันทร์กระจ่างตอนเหนือสุดของต้าลู่มีแสงไม่น้อยไปกว่าดวงดาว พลังงานถึงกับรุนแรงป่าเถื่อนยิ่งกว่า!
……
……
โผละ โผละโผละ เสียงแตกจัดเจนนับไม่ถ้วนดังขึ้นจากซากปรักหักพังในลานบ้าน
ประหนึ่งเทียนนับหมื่นระเบิดออกหรือดอกไม้ไฟนับไม่ถ้วนถูกจุดต้อนรับปีใหม่
เกล็ดน้ำแข็งนับไม่ถ้วนระเบิดออกในเวลาเดียวกัน และปลิวลงมาช้าๆ โปรยปรายลงบนร่างมังกรดำน้อยและส่วนที่เหลือของสะพาน
ป้ายอนุสรณ์ศิลาสวรรค์ที่แตกหักในมือไห่ตี๋ฟาดผ่านหมอกน้ำแข็ง กดลงบนมังกรดำน้อยอย่างต่อเนื่อง
ขอบของใบไม้ครามม้วนเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยฉีก รอยฉีกนี้เล็กราวเส้นด้ายแต่ก็เป็นภาพที่น่าหวาดหวั่น
แววตามังกรดำน้อยปรากฏความรำคาญและเกรี้ยวกราด
เสื้อผ้าของนางฉีกขาดไปหมด แม้แต่หางตาก็เริ่มมีน้ำตา
เลือดมังกรเปี่ยมไปด้วยปราณที่ไม่อาจบรรยายได้ซึมออกมาจากหางตานางและแข็งตัวเป็นเกล็ดน้ำแข็งสีเลือดสองสาย
หากเฉินฉางเซิงไม่รีบกลับมา นางอาจกลายเป็นมังกรอีกตัวที่ตายใต้ป้ายอนุสรณ์ศิลาสวรรค์ที่แตกหักนี้
ห่าฝนที่สาดไปทั่วหุบเขาหิมะหยุดลงในทันทีแต่ลมยังไม่หยุดลง ร่างของเฉินฉางเซิงกลายเป็นเส้นแสงในยามที่เขาเร่งกลับมา
ยอดฝีมือเผ่ามารหลายตนได้ยินเสียงผิวปากของไห่ตี๋และรู้ว่าเฉินฉางเซิงต้องการจะทำอะไร แต่จะปลอยให้เขาทำตามใจได้อย่างไร
ลมรุนแรงพลันกระจายออกเป็นสายลมเย็นจำนวนนับไม่ถ้วนและเสียงคำรามที่บดบังเสียงพึมพำทุ้มต่ำเอาไว้
มือขวาของเหล่ายอดฝีมือเฝ่ามารกลายเป็นดอกไม้โลหิตในความมืด
พวกเขาเลือกที่จะใช้วิชาลับโลหิตของเผ่ามารโดยไม่ลังเล!
เฉินฉางเซิงไม่ลังเลเช่นกัน เขาไม่พยายามที่จะหยุดหรือหลบหนี ยืมกำลังจากสายลมและหมัดพวกนั้นเพื่อเร่งความเร็ว
เสียงดังตุ๊บดังขึ้นหลายครั้งในความมืด จากนั้นพวกมันก็หายไปโดยไม่มีเสียงสะท้อน
เฉินฉางเซิงได้กลับคืนสู่สะพานขาดและยืนอยู่ตรงหน้ามังกรดำน้อย
มีรูมากมายเกิดขึ้นบนปกเสื้อ เผยให้เห็นผิวหนังภายใน ซึ่งมีรอยกำปั้นอยู่บนผิวนั้น
ป้ายอนุสรณ์ศิลาสวรรค์ที่แตกหักร่วงลงมา
แสงเจิดจ้าส่องสว่างเหนือสะพานขาด
เหมือนกับสายฟ้า
แต่ก็ยังหนักอีกด้วย
ดุจโซ่เหล็กที่วางขวางแม่น้ำ
มีความเหนียวทนอย่างยิ่ง
ดุจเขื่อนกันตลิ่งที่ไม่อาจทำลายได้สองฝั่งแม่น้ำ
มีแต่คนโง่งมอย่างเฉินฉางเซิงหรือหวังผ้อที่สามารถเรียนวิชาอย่างกระบี่โง่งมได้
มีแต่โง่งมเท่านั้นจึงจะป้องกันอย่างโง่งมได้ ทำให้วิชานี้เป็นวิชาป้องกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
แม้แต่ผู้ที่น่ากลัวอย่างไห่ตี๋ แม้แต่การโจมตีสุดกำลังของมัน แม้ว่าใช้แผ่นป้ายอนุสรณ์คัมภีร์สวรรค์ในตำนานที่ไม่มีใครรู้จัก ก็ไม่อาจที่จะทำลายการป้องกันของวิชานี้ได้
กระบี่ของเฉินฉางเซิงกันป้ายอนุสรณ์ศิลาสวรรค์ที่แตกหักนี้ไว้
แต่กระบี่ของเขาไม่อาจกันความแข็งแกร่งได้
ความแข็งแกร่งที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่โจมตีใส่ร่างเขา
มือขวาที่ถือกระบี่ฟาดใส่หน้าอกอย่างหนักหน่วง เสียงกระดูกหักที่น่ากลัวดังขึ้น
เขากระเด็นไปด้านหลัง กระแทกมังกรดำน้อย ทำให้เลือดกระเด็นออกมาจากปากนาง
พวกเขาปลิวไปในอากาศเหมือนกับก้อนหิน แทรกฝ่าน้ำแข็งและความมืด กวาดล้างศาลาแล้วตกลงอีกฝั่งของทะเลสาบ