เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1291
“หลิงเหยาปลอดภัย หลิงเหยาปลอดภัย……”
ลู่ฝานเอาแต่พึมพำสี่คำนี้แล้วเดินออกจากโรงเตี๊ยม
ในเมื่ออู่คงหลิงเขียนข้อความนี้ในมือเขาได้ แสดงว่าอู่คงหลิงต้องรู้อะไรแน่ๆ แม้ลู่ฝานใจร้อนดุจดั่งไฟเผา แต่รู้ว่าตอนนี้ไม่สามารถบีบบังคับอู่คงหลิงเกินไป
ไม่แน่เรื่องของหลิงเหยา อาจพึ่งพาอู่คงหลิงได้แค่คนเดียวก็ได้
ส่วนเรื่องที่จะฆ่าเสอหลิงต่อจากนี้ ลู่ฝานพอเดาได้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ในเมื่อเสอหลิงเป็นผู้ฝึกชั่วร้ายเหมือนกัน งั้นต้องเก่งกว่าอู่คงหลิงแน่ๆ จากที่หลู่เฉิงเซี่ยงพูด เขาต้องเป็นผู้ฝึกชั่วร้ายในสำนักใหญ่แน่นอน อู่คงหลิงไม่กล้าล่วงเกินคนแบบนี้อยู่แล้ว
ลู่ฝานถอนหายใจ แอบกำหมัดแน่น
เขาคงไม่คาดคิดว่าอันที่จริงหลิงเหยาอยู่ในมืออู่คงหลิง
ตอนนี้ใจลู่ฝานเต็มไปด้วยความโกรธ คิดเพียงว่าต้องหาหลิงเหยาให้เจอและฆ่าเขาให้ตาย!
เพิ่งเดินออกมาข้างนอกไม่กี่ก้าว จู่ๆ มีนักบู๊พุ่งผ่านข้างตัวเขาเข้าไปในโรงเตี๊ยม
ลู่ฝานยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็เห็นนักบู๊คุ้นตาสองสามคนเดินมาทางเข้า หนึ่งในนั้นคารวะลู่ฝานแล้วพูดว่า “คุณชายลู่ฝานช่วยหลีกทางหน่อย ถ้านายได้รับบาดเจ็บจะแย่เอานะ!”
ลู่ฝานมองการแต่งกายของคนพวกนี้อย่างละเอียด
ทันใดนั้น ลู่ฝานจำได้แล้ว เขาขมวดคิ้วพูดว่า “พวกนายเป็นคนตระกูลหลู่!”
นักบู๊ตระกูลหลู่คนนี้พยักหน้า “ใช่แล้วคุณชายลู่ฝาน ได้โปรดอย่าขัดขวางงานของตระกูลหลู่”
ลู่ฝานมองนักบู๊ที่พุ่งเข้าไปในโรงเตี๊ยม แล้วพูดช้าๆ ว่า “พวกนายสะกดรอยตามฉันตลอด!”
นักบู๊ตระกูลหลู่ตอบอย่างใจเย็น “ใช่ เป็นคำสั่งของเจ้าบ้าน ในเมื่อคุณชายลู่ฝานได้ข้อมูลที่ตัวเองต้องการแล้ว ส่วนที่เหลือให้เป็นหน้าที่ตระกูลหลู่เถอะ!”
พูดจบ นักบู๊ตระกูลหลู่คนนี้ชักกระบี่ยาวออกจากมือ แล้วแผดเสียงพูดว่า “ไปจับคนออกมา!”
ทันใดนั้น ลูกหลานตระกูลหลู่พุ่งเข้าไปในโรงเตี๊ยมอย่างดุดันน่ากลัว
ลู่ฝานเบิกตาโตแล้วพูดเสียงดังว่า “พวกนายมาจับผิดคนแล้ว”
นักบู๊ตระกูลหลู่พูดว่า “ผิดหรือไม่ คุณชายลู่ฝานไม่ต้องตัดสินหรอก เจ้าบ้านบอกฉันว่าตามคุณชายลู่ฝานต้องได้เบาะแสแน่นอน ตอนนี้ฉันต้องการจับเบาะแส!”
เพิ่งพูดจบ จู่ๆ มีเสียงระเบิดดังมาจากข้างใน
หลังจากนั้นเงาใครบางคนลอยตัวสูงออกมาจากลานหลังบ้าน เงานั่นคืออู่คงหลิง
ลู่ฝานมองอู่คงหลิงจากไกลๆ ขยับปากส่งเสียงเบาๆ “ไม่ใช่ฉัน”
อู่คงหลิงอยู่กลางอากาศ หันมามองลู่ฝานแวบหนึ่งจากนั้นตัวก็หายไปทันที ราวกับไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน
“อย่าให้เธอหนีไปได้ ตั้งค่าย!”
นักบู๊ตระกูลหลู่ตะโกนเสียงดัง
แต่ขณะนั้นเอง ควันหนาถูกปล่อยออกมาจากในโรงเตี๊ยม บดบังการมองเห็นทั้งหมด
พวกนักบู๊ปล่อยพลังปราณพร้อมลมแรง หวังจะพัดควันหนาออกไป
แต่เมื่อลมแรงพัดมา ควันหนายิ่งเยอะขึ้น
ลู่ฝานหัวเราะเบาๆ ถอยออกมาช้าๆ ไม่นานลูกหลานตระกูลหลู่ในโรงเตี๊ยมรวมถึงลูกค้าพากันถอยออกมา
หลังจากพวกเขาถอยออกมากันหมด ควันหนาหายไปในฉับพลัน
เมื่อลูกหลานตระกูลหลู่มองเข้าไปข้างในอีกครั้ง กลับไม่เหลือเงาใครสักคนแล้ว
“น่าเสียดาย!”
นักบู๊ตระกูลหลู่แผดเสียงดัง
ลู่ฝานพูดอย่างเฉยเมยว่า “ดูเหมือนการจับเบาะแสของพวกนายจะไม่ราบรื่นนะ ฉันไปก่อนละ”
ลู่ฝานเอามือสองข้างไพล่หลังแล้วเดินออกไป
จู่ๆ นักบู๊ตระกูลหลู่ที่อยู่ด้านหลังสีหน้าประหลาด แล้วพากันแยกย้ายอย่างรวดเร็ว
……
หลังผ่านไปครู่หนึ่ง ในตระกูลหลู่ หลู่เฉิงเซี่ยงฟังที่นักบู๊ตระกูลหลู่เล่าจนจบ
หลู่เฉิงเซี่ยงพูดช้าๆ ว่า “ดูเหมือนการตัดสินของฉันจะถูกต้อง ลู่ฝานสนิทกับอู่คงหลิง และอู่คงหลิงติดต่อกับพวกเสอหลิง”
หลู่เฉิงเซี่ยงลุกขึ้นเรียกชายวัยกลางคนคนหนึ่ง คนคนนี้หน้าตาและการแต่งกายธรรมดา สีหน้านอบน้อมถ่อมตัว เมื่อเห็นหลู่เฉิงเซี่ยงเรียกตัวเองก็เดินเข้ามาช้าๆ “เจ้าบ้านมีอะไรจะสั่งหรือเปล่า”
หลู่เฉิงเซี่ยงพูดว่า “หลู่ไป๋ ฉันให้นายจับตามองผู้ฝึกชั่วร้ายทั้งหมดในเมืองหลวง ทำไมครั้งนี้ถึงเกิดความผิดพลาดใหญ่ขนาดนี้”
หลู่ไป๋สีหน้าปกติ คำนับแล้วตอบว่า “เจ้าบ้าน ไม่ใช่ลูกหลานตระกูลหลู่ไร้ความสามารถ แต่ผู้ฝึกชั่วร้ายที่มาเมืองหลวงครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ผู้ฝึกชั่วร้ายที่เหมือนเสอหลิง เจ้าสำนักพวกเขาก็มาด้วย เพิ่งสืบรู้ว่าสำนักเทพวิญญาณกับสำนักชุดม่วงรวมกันแล้ว มีชื่อว่าสำนักวิญญาณม่วง เรื่องที่เจ้าบ้านกังวลที่สุดเกิดขึ้นแล้ว!”
หลู่เฉิงเซี่ยงพูดอย่างประหลาดใจว่า “อะไรนะ เจ้าสำนักของพวกเขาก็มาด้วยเหรอ”
หลู่ไป๋พูดว่า “ใช่ อู๋หุนเจ้าสำนักวิญญาณม่วงก็มาถึงแล้ว อยู่ในเมืองหลวง แต่ไม่รู้ว่าที่ไหน เว้นเสียแต่ผู้อาวุโสสถานศึกษาจะออกโรง ไม่งั้นไม่มีใครตามเขาทัน และเป็นเพราะเขาอยู่ในเมืองหลวง ดังนั้นยิ่งสืบหาตัวผู้ฝึกชั่วร้ายคนอื่นยากขึ้นอีก แค่เขาปล่อยออร่าปีศาจออกมาเล็กน้อย ก็แทบปกคลุมไปครึ่งเมืองหลวงแล้ว อีกทั้งยังเป็นภาพลวงตาทั้งหมดด้วย”
หลู่เฉิงเซี่ยงครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ดูเหมือนเรื่องครั้งนี้ ไม่ใช่หายนะของตระกูลหลู่ตระกูลเดียวแล้ว เขามาทำอะไรที่เมืองหลวงกันนะ”
หลู่เฉิงเซี่ยงโบกมือไปมาเบาๆ ทุกคนถอยออกจากห้องหนังสืออย่างรู้งาน จากนั้นปิดประตูลงเบาๆ
แสงไฟดับลง มีเพียงแสงลอดผ่านหน้าต่างด้านบน ส่องลงมาบนหน้าหลู่เฉิงเซี่ยง
“เพราะอะไรกันแน่นะ”
หลู่เฉิงเซี่ยงหลับตาครุ่นคิดเงียบๆ
……