ตอนที่ 929: พลังหยินชั่วร้าย

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 929: พลังหยินชั่วร้าย

ทั้งสามกลุ่มยังไม่เริ่มต่อสู้กัน พวกเขายืนอยู่ที่ทางเข้าชั้นที่เก้าในเวลาเดียวกัน และตรวจสอบมันก่อนที่จะเดินเข้าไป แต่ละคนเต็มไปด้วยความระมัดระวัง ไม่เพียงแต่พวกเขาจะระวังอันตรายจากโถงเท่านั้น พวกเขายังต้องระวังคนอื่นอื่นอีกด้วย ไม่มีใครกล้าที่จะทำอะไรบุ่มบ่าม

พวกเขาขึ้นบันไดยาวและมาถึงที่ชั้นที่เก้าในที่สุด อย่างไรก็ตาม พวกเขาทั้งหมดตกตะลึงเพราะว่ามันไม่ใช่โถงที่ตระหง่านเหมือนที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้ กลับกัน มันมีถ้ำมืดอยู่ 9 ถ้ำที่นำทางไปที่ใดก็ไม่รู้

ทุกคนอดไม่ได้ที่จะหยุดเดิน พวกเขาจ้องไปที่ถ้ำมืดพร้อมกับขมวดคิ้ว ในขณะที่สายตาของพวกเขาเป็นประกาย นี่มันเหนือเกินกว่าความคาดหมายของพวกเขา

“พวกเราจะสามารถไปถึงชั้นที่เก้าได้โดยผ่านถ้ำพวกนี้ไปอย่างนั้นหรือ ? ” ชายชราจากกลุ่มที่สามคาดเดา

เจี้ยนเฉินสำรวจถ้ำทั้งเก้าอย่างเคร่งเครียด ก่อนที่จะขยายพลังแห่งการรับรู้ของเขาออกจนถึงขีดสุด เขาต้องการที่จะดูด้านในถ้ำแต่ละถ้ำ

อย่างไรก็ตาม พลังแห่งการรับรู้ของเจี้ยนเฉินก็ถูกกดเอาไว้อย่างมากที่นี่ เขาสามารถขยายออกไปได้น้อยกว่าร้อยเมตรจากระยะสายตาของเขา

“พวกเรามาถึงที่นี่แล้ว มันไม่มีทางที่จะกลับไปแล้วในตอนนี้ มันไม่สำคัญว่าพวกเจ้าจะต้องการตำนานหรือพวกเจ้าต้องการจะออกไป ยังไงพวกเจ้าทั้งหมดก็ต้องผ่านชั้นที่เก้าไป นูบิส มาเลือกถ้ำกันเถอะ” เจี้ยนเฉินพูดเสียงแหบแห้ง

นูบิสพยักหน้า “นั่นเป็นทั้งหมดที่พวกเราจะทำได้ ในเมื่อทุกอย่างเป็นเช่นนี้แล้ว”

หลังจากนั้นไม่นาน เจี้ยนเฉินเลือกถ้ำและออกไปกับนูบิสและอีกทั้งสามคนที่ตามพวกเขามา

ในขณะที่กลุ่มของเจี้ยนเฉินหายเข้าไปในถ้ำ อีกทั้งสองกลุ่มก็เลือกถ้ำของพวกเขา กลุ่มของพวกเขาก็ยังอยู่รวมกันโดยไม่แยกออกจากกัน

ถ้ำดูเหมือนคอขวด แม้ว่าทางเข้าจะไม่ใหญ่มากนัก แต่พวกมันก็มีบางอย่างที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง กลุ่มของเจี้ยนเฉินมาถึงที่สถานที่ใหญ่โตหลังจากที่ผ่านเข้าถ้ำมา พื้นที่เป็นวงกลมและกว้างประมาณ 1 กิโลเมตร

เสาใหญ่ทั้งเก้าตั้งอยู่รอบ ๆ พวกมันทั้งหมดเป็นสีแดงและส่องแสงสีแดงออกมาอย่างชั่วร้าย และหมุนไปรอบ ๆ พื้นที่ซึ่งว่างเปล่า

บู้ม !

ทันใดนั้นเอง ประตูหินใหญ่ด้านหลังพวกเขากระแทกปิดด้วยเสียงอื้ออึง ประตูหินทำมาจากวัสดุเดียวกันกับประตูคลังสมบัติบนชั้นที่สอง ดังนั้นมันจึงแข็งแกร่งอย่างมาก

ใจของพวกเขาตกไปถึงตาตุ่ม พวกเขารู้สึกว่านี่เหมือนเป็นลางร้าย

ทันใดนั้นเอง พลังงานที่ทรงพลังก็เริ่มกระเพื่อมขึ้นมา เสาหินรอบ ๆ เริ่มที่จะส่องแสงสว่างจ้าออกไปรอบ ๆ มันก่อรูปเป็นม่านพลังสีแดงโลหิตรอบ ๆ ทั่วบริเวณ มันไม่มีสีอื่นใดเลยนอกจากสีแดง มันทำให้พวกเขาทั้งหมดเหมือนเข้าไปในอีกมิติอื่น

“นี่เป็นอาคมที่ทรงพลังมากและมันเป็นอาคมสังหาร” นูบิสคำรามออกมา เขาเคร่งเครียดมาก มือของเขากลายเป็นสีทองในขณะที่เขาเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้

เจี้ยนเฉินก็เริ่มเคร่งเครียดด้วย ยุทธภัณฑ์ราชาอยู่ในมือของเขาแล้ว เขารู้สึกได้ถึงความน่ากลัวของอาคมสังหาร แต่อิทธิพลจากมัน เขาก็บอกได้เลยว่ามันเกินกว่าพลังของอาคมใดใดในชั้นที่แปด

ทันใดนั้นเอง พวกเขาก็ได้ยินคลื่น กลางอากาศ ทะเลโลหิตก็ลดตัวลงมาเหมือนกับว่ามันเหมือนเลือดและเปลี่ยนพื้นที่ทั้งหมดให้กลายเป็นทะเลโลหิต

ของเหลวนั้นปั่นป่วนอย่างต่อเนื่อง มันเป็นเหมือนทะเลที่บ้าคลั่ง เจี้ยนเฉินและคนอื่น ๆ ยังได้ยินแม้แต่เสียงโหยหวนของวิญญาณพยาบาทนับไม่ถ้วน พวกมันรวมตัวกันเป็นใบหน้าของภูตผีที่น่ากลัว และกำลังจะเข้าไปกัดที่กลุ่มของเจี้ยนเฉินด้วยปากที่น่ากลัวของพวกมัน

ชั้นจาง ๆ ของหมอกโลหิตได้ลอยเข้ามาหาพวกเขาช้า ๆ และล้อมรอบพวกเขาเอาไว้อย่างรวดเร็ว หมอกโลหิตสามารถทำให้วิญญาณของพวกเขาบาดเจ็บได้ มันบุกรุกเข้ามาที่จิตใจของพวกเขาทันทีที่พวกมันเข้ามาใกล้และทำให้พวกเขาไม่ทันระวังตัว

พวกเขารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่บาดลึกในหัวของพวกเขาและหัวของพวกเขาก็เริ่มที่จะปั่นป่วน จิตใจของพวกเขาเริ่มที่จะฟุ้งซ่านเล็กน้อยในตอนนี้

“นี่มันพลังหยินที่ชั่วร้าย ! ” เจี้ยนเฉินตะโกนออกมา เขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ มันเป็นพลังหยินที่ชั่วร้ายแบบเดียวกับที่เขารู้สึกจากผู้พิทักษ์ทั้งสี่ของนิกายดาบโลหิต

เจี้ยนเฉินได้เข้าใจถึงพลังหยินที่ชั่วร้ายจากทวีปเทียนหยวน เห็นได้ชัดว่า มันเป็นพลังงานพิเศษที่รวมตัวมาจากการสังหาร และไม่มีใครสามารถที่จะใช้พลังงานนี้ได้นอกจากนิกายดาบโลหิต หนึ่งในสามองค์กรลอบสังหาร

พลังหยินที่ชั่วร้ายมีผลกระทบกับจิตใจของผู้คน ไม่มีทางที่จะป้องกันมันได้ ทางเดียวสำหรับเหยื่อคือต้องทนมันเท่านั้น ว่ากันว่าพลังหยินที่ชั่วร้ายนั้นมีพลังเพียงพอที่จะทำให้วิญญาณของเหยื่อสลายหายไปได้ มันทรงพลังอย่างมาก

“พลังหยินที่ชั่วร้ายสามารถฝึกได้โดยนักฆ่าของนิกายดาบโลหิตเท่านั้น ทำไมมันถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ? ” เจี้ยนเฉินถามตัวเองอย่างต่อเนื่อง เขาตกอกตกใจอย่างมาก เพราะว่า ที่นี่นั้นคือโถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปด ที่ซึ่งจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดเคยอยู่ แต่มันกลับมีพลังหยินที่ชั่วร้ายอยู่ในอาคมนี้ บางทีจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดอาจจะมีพลังนี้ด้วยหรือเปล่า ?

โชคยังดีที่พลังหยิงที่ชั่วร้ายยังไม่ทรงพลังเพียงพอที่จะสลายวิญญาณของพวกเขาไปโดยตรง อย่างมากมันก็มีผลกระทบกับพวกเขาเล็กน้อยและตัดกำลังของพวกเขาไปบ้าง

ทันใดนั้นเอง ทะเลโลหิตก็เริ่มที่จะปั่นป่วนรุนแรงมากยิ่งขึ้น มันค่อย ๆ รวมตัวกันกลายเป็นยักษ์สีแดงโลหิตสูงร้อยเมตรที่ดูใหญ่โตมาก

ใบหน้าของยักษ์ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนแต่ในขณะที่มันยืนอยู่ตรงนั้น มันก็ดูเหมือนมีความสูงตั้งแต่พื้นจนถึงสวรรค์ มันเปล่งประกายไปด้วยแรงกดดันมหาศาลเหมือนพระเจ้า

ในตอนนี้เอง ยักษ์ก็เริ่มเคลื่อนไหว มันยื่นนิ้วของมันออกมา หลังจากนั้น แขนและนิ้วของยักษ์ก็ขยายออกยาวขึ้นเรื่อย ๆ มันขยายยาวหลายร้อยเมตรก่อนที่จะพุ่งไปที่พวกเขา

ยุทธภัณฑ์ราชาของเจี้ยนเฉินเปล่งประกายไปด้วยแสงสีดำ ในขณะที่พลังงานเติมเต็มไปรอบพื้นที่ไปด้วยกลิ่นอายแห่งการทำลายล้าง มือของนูบิสเปล่งประกายไปด้วยแสงสีทอง ในขณะที่พลังงานที่ทรงพลังก็ปั่นป่วนอย่างต่อเนื่อง โมจื่อและอีกทั้งสองคนดึงเอาอาวุธของพวกเขาออกมาเช่นกัน ไม่มีใครออมมือและพากันโจมตีไปที่นิ้วยักษ์ด้วยการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขา

บู้ม!

การโจมตีจากทั้งห้าคนปะทะเข้าไปที่นิ้วของยักษ์ พลังงานที่รุนแรงพวยพุ่งขึ้นและทำลายล้างไปทั่วทั้งบริเวณ

นิ้วยักษ์ชะงักเล็กน้อยก่อนที่จะหยุด ทุกคนลอยถอยกลับไปอย่างไม่มียกเว้นด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด นูบิสและคนอื่นยังกระอักเลือดออกมาอีกด้วยและได้รับบาดเจ็บหนักในตอนนี้ ขณะเดียวกันเลือดจำนวนหนึ่งก็ไหลออกมาจากมุมปากของเจี้ยนเฉินเช่นกัน เขาเองได้รับบาดเจ็บสาหัส

ทั้งห้าคนพุ่งถอยกลับไปหลายสิบเมตรก่อนที่จะปะทะเข้ากับขอบของม่านพลัง เลือดก็กระอักออกมาจากปากของพวกเขาอีกครั้งตอนปะทะ

เจี้ยนเฉินกระโดดยืนขึ้นมาและจ้องไปที่ยักษ์สีแดงโลหิตด้วยความตกตะลึง เขาเคร่งเครียดอย่างมาก

ความแข็งแกร่งของยักษ์นั้นเหนือกว่าที่พวกเขาคาดการณ์ไว้ เจี้ยนเฉินแน่ใจว่า ความแข็งแกร่งนั้นต้องเป็นอย่างน้อยเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 5 หรืออาจจะเป็นถึงชั้นสวรรค์ที่ 6 มันไม่ใช่อะไรที่พวกเขาจะสามารถจัดการได้

“บ้าเอ้ย อาคมนี้มันทรงพลังเกินไป มันสร้างสิ่งที่ทรงพลังขนาดนี้ได้ พวกเราจะสู้กับมันยังไงดี ? ” นูบิสยืนขึ้นในขณะที่เขาสบถออกมา เขาดึงเอาเม็ดยาจิตวิญญาณธาตุแสงระดับ 6 กำมือใหญ่ออกมาทันทีและกลืนมันทั้งหมดลงไป

โมจื่อและอีกทั้งสองคนดึงเอาขวดหยกออกมาจากแหวนมิติ ยาเม็ดสีเขียวหยกกลิ้งออกมาจากขวดและพวกเขาก็กินมันพร้อมทั้งสะดุ้งอย่างเจ็บปวดออกมา

เห็นได้ชัดว่ายานี้นั้นมีพลังมากกว่ายาเม็ดจิตวิญญาณธาตุแสง ท่าทีของพวกเขาเปลี่ยนไปเป็นดีขึ้นด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ พวกเขาฟื้นฟูเร็วกว่านูบิส

พลังแห่งการมีอยู่ที่มหาศาลปรากฏขึ้นด้านหน้าและยักษ์แดงก็เริ่มที่จะเคลื่อนไหวอีกครั้ง นิ้วของมันพุ่งมาที่พวกเขาด้วยพลังที่น่ากลัวเหมือนก่อนหน้านี้

ความสิ้นหวังผุดขึ้นที่แววตาของโมจื่อและอีกทั้งสามคน ยักษ์นี้แข็งแกร่งเกินไป พวกเขาไม่สามารถขัดขวางการโจมตีครั้งที่ 2 ของมันได้ในตอนนี้เพราะพวกเขายังคงบาดเจ็บอยู่

เจี้ยนเฉินจ้องเขม็งไปที่นิ้วยักษ์ในขณะที่มันเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเอง แสงสีทองก็พุ่งออกมาจากหว่างคิ้วของเขาและวัตถุเซียนก็ปรากฎขึ้นในมือของเขา เขาเปิดทางเข้าของวัตถุเซียนและจิตวิญญาณกระบี่ที่สูงตระหง่านก็เปล่งประกายออกมาจากมัน ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิที่ติดอยู่ด้านในบินออกมาและปะทะเข้ากับนิ้วทันทีที่มันปรากฎออกมา

เสียงระเบิดดังลั่น นิ้วยักษ์ถูกทำลายโดยการโจมตีจากยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ มันแตกกระจายออกเป็นทะเลเลือด อย่างไรก็ตาม เลือดก็ไหลกลับเข้าไปที่ตัวยักษ์ มันหลอมรวมเข้ากับร่างกายของยักษ์

มือของยักษ์งอกขึ้นมาใหม่ ในตอนนี้เอง ความสนใจของมันก็มุ่งไปที่ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิและแขนสีแดงของมันก็คว้าเอาอาวุธนั้นไว้

ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิบ้าคลั่ง มันเปล่งประกายไปด้วยจิตวิญญาณกระบี่ที่ทรงพลังและฟันแขนของยักษ์ออกกลางอากาศ

อย่างไรก็ตาม ยักษ์นั้นก็ถูกทำลายลงได้ แขนที่หายไปของมันเปลี่ยนเป็นทะเลเลือดและหลอมรวมเข้ากับร่างกายของมัน และงอกขึ้นมาใหม่

“ข้าหวังว่ายุทธภัณฑ์จักรพรรดิจะสามารถทำลายยักษ์โลหิตนี้ได้” นูบิสดีใจ ไฟแห่งความหวังดูเหมือนจะลุกโชนขึ้นมาอีกครั้งภายในใจของเขาและคนอื่น ๆ

อย่างไรก็ตามยุทธภัณฑ์จักรพรรดิก็ทำให้พวกเขาประหลาดใจในตอนต่อมา มันไม่ไปยุ่งกับยักษ์โลหิตอีกต่อไปและพุ่งไปที่ขอบของอาคมสังหารและฟันพื้นที่ตรงนั้น มันทำให้เกิดช่องว่างใหญ่ก่อนที่มันจะหนีออกไป

ทั้งห้าคนอึ้งแต่หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้สติ พวกเขาพุ่งไปที่รอยแยกและเพิ่มความเร็วมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ด้วยทักษะลับของเขา นูบิสพุ่งไปอยู่ด้านหน้า เขาเป็นคนแรกที่ออกมาได้ ตามมาด้วยพวกของโมจื่อทั้งสามคน และเจี้ยนเฉินซึ่งอยู่ห่างจากรอยแยกเป็นคนสุดท้ายตามลำดับ