ตอนที่ 927: การต่อสู้เพื่อยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 927: การต่อสู้เพื่อยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ

แม้ว่าจะมีหลายคนที่รีบพุ่งเข้าไปที่ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิแต่ก็ยังมีบางคนที่ไม่ได้เข้าร่วมด้วยและมองดูอยู่ไกลไกล เจี้ยนเฉิน นูบิสและซี่หวังเป็นสามคนในกลุ่มนั้น ในขณะเดียวกัน โมจื่อและอีกทั้งสามคนเป็นกลุ่มแรกที่พุ่งเข้าไปก่อนหน้านี้นานแล้ว

นูบิสจ้องมองอย่างเย็นชาไปที่กลุ่มของโมจื่อ ในขณะที่พวกเขาพุ่งไปที่ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ เขาพูดเบา ๆ ว่า “สี่คนนี้ไว้ใจไม่ได้ พวกเราควรจะต้องระวังตัวไว้”

เจี้ยนเฉินพยักหน้าเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไร

ในตอนนี้เอง มีบางอย่างเกิดขึ้น ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิได้เริ่มที่จะเปล่งแสงแสบตาออกมาและเริ่มที่จะโจมตีออกมาโดยไม่มีใครควบคุมมันเลย มันพุ่งไปที่คนอื่นเหมือนแสงไฟด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ

เซียนผู้คุมกฎ 3 คนตั้งตัวไม่ทัน ซึ่งทำให้ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิพุ่งผ่านตัวของพวกเขาไป พวกเขาถูกผ่าครึ่งลงมาตั้งแต่จมูกและวิญญาณของพวกเขาก็ถูกทำลายก่อนที่พวกเขาจะทันได้ส่งเสียงร้องออกมาด้วยซ้ำ

ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิพุ่งต่อไปโดยไม่ลดกำลังลงเลย มันพุ่งไปที่กำแพงของโถงก่อนที่จะปะทะอย่างแรงกับมัน

ตู้ม !

เสียงดังเสียดหูออกมา ทั่วทั้งโถงสั่นไหวอย่างรุนแรง ในขณะที่ทุกคนด้านในทรุดตัวลงเพราะเสียการทรงตัว

พวกเขาทั้งหมดสงบลงในที่สุดจากความตื่นเต้นของพวกเขา และพวกเขาก็จ้องไปที่ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิด้วยความตกใจและเหลือเชื่อ ไม่มีใครคิดว่ากระบี่ที่ไม่มีคนใช้จะบินว่อนไปด้วยตัวของพวกมันเองและมีพลังที่น่ากลัวแบบนี้ มันทำให้ทั้งโถงสั่นไหวเพียงแค่การปะทะเพียงครั้งเดียว

บู้ม! บู้ม! บู้ม…

ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิกระแทกเข้าไปที่กำแพงของโถงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทั้งโถงสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้สร้างความเสียหายอะไร มันมีพลังมากมายแต่มันก็ยังห่างไกลจากพลังของเซียนจักรพรรดิมาก มันสามารถสั่นไหวทั้งโถงได้แต่ไม่สามารถทำลายมันได้

“มันต้องการที่จะหนี” เจี้ยนเฉินพึมพำออกมาในขณะที่จ้องไปที่การกระทำของยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ

“บางทีอาวุธนี้อาจจะมีความคิดของตัวเองหรือเปล่า ? ” นูบิสถามอย่างอยากรู้ เขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

“ข้าไม่รู้แต่ว่าข้าได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับยุทธภัณฑ์เซียนมา ถ้าจอมยุทธที่เป็นเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 9 ได้ตายไปโดยสิ้นอายุขัย พวกเขาจะทิ้งอาวุธเซียนเอาไว้ มันจะมีพลังชีวิต 3 ส่วนที่ถูกแบ่งเอาไว้ พวกเขาหวังที่จะฟื้นคืนชีพอีกครั้งในอนาคต” เจี้ยนเฉินพูดเสียงแหบแห้ง

ตาของนูบิสหรี่เล็ก “เจี้ยนเฉิน เจ้ากำลังจะบอกว่าเหตุผลที่ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิมีความคิดเป็นของตัวเองเพราะมันมีวิญญาณของเซียนจักรพรรดิที่บงการอยู่ด้านในงั้นหรือ ? เซียนจักรพรรดิยังไม่ตายหรือ ? “

เจี้ยนเฉินส่ายหัว เขาไพล่มือข้างหลังในขณะที่เขาจ้องตาไม่กระพริบไปที่ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ “ข้าไม่มั่นใจ แต่พลังของยุทธภัณฑ์จักรพรรดินั้นเหนือกว่าที่ข้าควบคุมได้เว้นเสียแต่ว่าความแข็งแกร่งของข้าจะเพิ่มขึ้น” ท่าทางของเจี้ยนเฉินเปลี่ยนเมื่อเขาพูดถึงตรงนี้ ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิได้พุ่งเข้ามาตรงที่พวกเขายืนอยู่ในตอนนี้ด้วยปราณกระบี่ที่แหลมคมและทรงพลัง

“ระวัง หลบเร็ว” เจี้ยนเฉินตะโกนออกมา เขากลายเป็นภาพติดตาและเคลื่อนไปที่ไกล ในขณะเดียวกันนูบิสและซี่หวังก็ไม่ได้อ้อยอิ่งอยู่เช่นกัน พวกเขาเฝ้าดูยุทธภัณฑ์จักรพรรดิเอาไว้ตลอด และพวกเขาก็หลบไปทั้งสองข้างในเวลาเดียวกัน

บู้ม ! ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิฟาดลงไปอย่างแรงตรงที่ที่พวกเขาเคยยืนอยู่และพลังงานรุนแรงก็ส่งพวกเขาทั้งสามคนลอยไปในอากาศ

“อ้าก ! แขนข้า ! ” ซี่หวังโหยหวนออกมาอย่างเจ็บปวด ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิพุ่งเข้ามาไวเกินไปและเขาก็หลบช้าไปหน่อย แขนซ้ายทั้งหมดของเขาได้รับบาดเจ็บและเลือดก็พุ่งออกมาเหมือนน้ำพุจากแขนที่บาดเจ็บของเขา

ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิไม่ได้โจมตีไปที่พวกเขาทั้งสามคนต่อ มันพุ่งขึ้นไปบนฟ้าทันทีอีกครั้งและปะทะเข้ากับเพดานสูงของโถง ก่อนที่จะพุ่งไปรอบ ๆ และพุ่งลงไปที่พื้นอีกครั้ง ครั้งนี้มันพุ่งเป้าไปที่จอมยุทธที่ยืนกระจัดกระจายอยู่รอบ ๆ

“วิ่ง ! ” แต่ละคนหน้าซีดไปด้วยความตื่นตกใจและใช้ทักษะหลบหนีต่าง ๆ เพื่อที่พยายามจะหนีจากระยะการโจมตีของอาวุธ อย่างไรก็ตาม ยุทธภัณฑ์จักรพรรดินั้นใหญ่มากมีระยะการโจมตีกว้าง จอมยุทธคนอื่นพลาดที่จะหลบได้ในครั้งนี้และตายเพราะอาวุธนั้น

ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิเหมือนแมลงวันที่ไม่มีหัวและพุ่งไปทั่วโถง มันต้องการที่ทำลายโถงและหนีไป ดังนั้นมันถึงได้ทำตัวเร่งรีบ อย่างไรก็ตาม ทุกคนที่อยู่ในโถงต่างโดนลูกหลงจากการที่มันโจมตีพุ่งไปมาด้วยและพวกเขาอยู่ในสภาพแย่ในขณะที่พวกเขาหลบอาวุธ ในไม่ช้า คนหลายคนก็ตายลงด้วยคมกระบี่ของมัน ในขณะที่คนมากกว่าสิบคนได้รับบาดเจ็บจากมันเช่นกัน

ไทนิชจ้องเขม็งไปที่ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิด้วยท่าทีเคร่งเครียด พลังของเซียนราชาพุ่งออกมาจากเขาอีกครั้งและกลายเป็นเกราะที่ครอบคลุมทุกตารางนิ้วของร่างกายของเขา มีแค่ตาของเขาเท่านั้นที่ไม่ถูกปกคลุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งแขนของเขานั้นถูกปกป้องอย่างดี เกราะหนามากกว่าส่วนอื่นตรงนั้น

ไทนิชกระโจนออกไปและไปถึงที่ด้ามของยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ เขาอ้าแขนออกและโอบไปที่ด้ามหนาของกระบี่เอาไว้อย่างแน่นเพื่อพยายามที่จะทำให้ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิสงบลง

ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิสงบลงทันที ก่อนที่ปราณกระบี่ที่ทรงพลังระเบิดออกมาจากข้างในของมัน ปราณกระบี่เปลี่ยนเป็นแสงสีขาวสว่างจ้าที่ล้อมไทนิชเอาไว้ เสียงขูดดังอย่างต่อเนื่องดังออกมาในขณะรอยฟันก็อยู่รอบเกราะของไทนิชไปทั่ว การป้องกันของเกราะค่อย ๆ ถูกกัดกร่อนไปเรื่อย ๆ

ไทนิชไม่อยากที่จะยอมรับ เขาคำรามดังออกมาและพลังของเซียนราชาก็ไหลออกมาจากร่างของเขา อย่างไม่หยุดเพื่อทดแทนกับพลังงานที่เกราะใช้ไป แหวนมิติปรากฏอยู่ในมือของเขา เขาต้องการที่จะบังคับให้ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิลงไปในนั้น

ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิเริ่มที่จะต่อต้านและไม่ยอมเข้าไปในแหวนมิติ ไม่ว่าไทนิชจะพยายามแค่ไหน เขาก็เก็บยุทธภัณฑ์จักรพรรดิเข้าไปในแหวนมิติไม่ได้

ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิไม่สามารถหลุดออกมาจากการจับของไทนิชได้ มันบ้าคลั่งในโถงในขณะที่มันลากไทนิชไปด้วย กระแทกไปรอบ ๆ และพลังงานที่ยิ่งใหญ่ก็กระตุกผ่านตัวไทนิช เขาทรมานอย่างมาก ถ้าไม่เป็นเพราะเกราะ อวัยวะของเขาก็คงกลายเป็นผุยผงไปนานแล้ว อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแบบนั้นแต่มันก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นสำหรับไทนิชเลย

จอมยุทธหลายคนได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง หลายคนหนีไปทุกทิศทางและอยู่ในสภาพย่ำแย่เพราะยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ จำนวนคนตายเพิ่มขึ้นอย่างมาก คนที่รอดชีวิตเหลือน้อยกว่า 20 คนแล้วในตอนนี้ นอกเหนือไปจากนั้นอย่างน้อยครึ่งหนึ่งในนั้นยังได้รับบาดเจ็บอีกด้วย

ไทนิสใช้พลังงานของเซียนราชาไปในจำนวนมากถึงจุดที่เขาไม่สามารถทนได้อีกนานแล้ว เขาปล่อยด้ามของกระบี่ไปด้วยความเสียดาย

อย่างไรก็ตาม อาวุธก็ไม่ได้หยุดหลังจากนั้น มันยังบ้าคลั่งไปรอบ ๆ โถงและกระแทกไปรอบ ๆ และส่งเสียงบาดหูออกมา มันทำให้ทั้งโถงสั่นไหวโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

“พระเจ้า ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิบ้าไปแล้ว” นูบิสมาถึงตรงหน้าเจี้ยนเฉินและสบถออกมาในขณะที่เขาหายใจแรงในขณะที่เขาจ้องไปที่ยุทธภัณฑ์ราชาที่บ้าคลั่ง อาวุธทิ้งแผลถึงกระดูกที่หลังของเขาเอาไว้

เจี้ยนเฉินยืนอยู่อย่างเงียบ ๆ ในขณะที่เขาสังเกตไปที่ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิอย่างระมัดระวัง เขากางแขนออกและแสงสีทองก็พุ่งออกมาจากกลางหน้าผากของเขา และตกลงที่ฝ่ามือของเขาเป็นหอคอยเล็กสีทอง

ทั้งหมดที่เขาทำได้ในตอนนี้คือใช้วัตถุเซียนเพื่อที่จะทำให้ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิสงบลง จิตวิญญาณกระบี่ไม่มีพลังที่จะออกมาเผชิญหน้าในตอนนี้ ถ้ายุทธภัณฑ์จักรพรรดิมีวิญญาณ มันก็คงถูกจัดการได้ไปโดยจิตวิญญาณกระบี่แล้ว อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินรู้ดีว่านี่มันเป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปได้อย่างมากที่มันจะมีวิญญาณของเซียนจักรพรรดิอยู่ในนั้น

ในตอนนี้ ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิได้หันมาพุ่งไปที่เจี้ยนเฉินอีกครั้ง

นูบิสร้องเสียงแปลกออกมา เขาไม่ลังเลเลยและหลบทันที อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินเลือกที่จะไม่หลบในครั้งนี้ และรอให้ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิเข้ามาถึง

เมื่อยุทธภัณฑ์จักรพรรดิอยู่ห่างจากเจี้ยนเฉิน 10 เมตร แสงสีขาวก็ปรากฏขึ้นมาทันที เจี้ยนเฉินได้บอกให้วัตถุจิตวิญญาณเปิดประตูทางเข้าหลักของวัตถุเซียนออก ทันทีที่ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิโจมตีไปที่แสงขาว มันก็หายไป มันถูกดูดเข้าไปโดยมิติของวัตถุเซียน

“นูบิส ป้องกันวัตถุเซียนไว้ให้ดี ! ” เจี้ยนเฉินส่งข้อความทางจิตใจให้นูบิสก่อนที่เขาจะเข้าไปที่วัตถุเซียนเช่นกัน

ภายในมิติของวัตถุเซียน วัตถุจิตวิญญาณที่เตรียมตัวอยู่นานแล้วกำลังสู้กับยุทธภัณฑ์จักรพรรดิอยู่กลางอากาศ วัตถุจิตวิญญาณเป็นผู้คุมกฎที่เป็นที่สุดในมิติของวัตถุเซียน เป็นเซียนจักรพรรดิที่แท้จริง แม้ว่ายุทธภัณฑ์จักรพรรดิจะทรงพลังมาก แต่มันก็ยังเป็นแค่อาวุธอยู่ดี เช่นนั้น มันจะไปสู้กับวัตถุวิญญาณได้อย่างไร ? มันถูกวัตถุวิญญาณทำให้สงบลงอย่างไม่ยากเย็นนัก ในตอนนี้ มันปักไปที่มือใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยวัตถุจิตวิญญาณและขยับไปไหนไม่ได้ไม่ว่ามันจะพยายามแค่ไหนก็ตาม

ในพริบตาเดียว ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิที่ถูกบงการอยู่ได้เข้ามาที่มิติวัตถุเซียนอย่างไม่รู้เรื่อง ก็ตกอยู่ในมือของวัตถุจิตวิญญาณ

วัตถุจิตวิญญาณข่มยุทธภัณฑ์จักรพรรดิเอาไว้ได้ด้วยพลังของมันและหยุดมันเอาไว้ได้ หลังจากนั้นเขาก็มาถึงตรงหน้าเจี้ยนเฉินและพูดอย่างเคารพ “นายท่าน ข้าน้อยได้ข่มยุทธภัณฑ์จักรพรรดิเอาไว้แล้ว อย่างไรก็ตาม ยุทธภัณฑ์จักรพรรดินั้นทรงพลังมาก ดังนั้นนายท่านจึงไม่สามารถควบคุมมันได้ด้วยความแข็งแกร่งของนายท่านในตอนนี้”

เจี้ยนเฉินไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย เขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นในขณะที่เขาพูดออกมา “ไม่ต้องกังวลไป ข้าจะใช้มันให้ได้เร็วเร็วนี้ เมื่อข้าสำเร็จร่างบรรพกาลขั้นที่ 3 แล้ว ข้าจะมีพลังพอที่จะใช้มันได้ ข้าสงสัยจริงว่าความสามารถในการต่อสู้ของข้าจะเพิ่มขึ้นมากขนาดไหนเมื่อรวมกับยุทธภัณฑ์จักรพรรดิเมื่อข้าสำเร็จขั้นที่ 3” เจี้ยนเฉินเต็มไปด้วยความใจจดใจจ่อ ในขณะเดียวกัน เขาก็สาบานในใจว่าเขาต้องพัฒนาการร่างบรรพกาลให้เร็วที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้เมื่อออกจากโถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปดไป

“วัตถุจิตวิญาณ ข้าจะเก็บยุทธภัณฑ์จักรพรรดิเอาไว้ที่นี่และให้เจ้าดูแลมันไว้ ข้าไปก่อน” เจี้ยนเฉินไม่ต้องการที่จะอยูในมิติของวัตถุเซียนนานนักเพราะยังมีอันตรายด้านนอกอยู่ เพราะฉะนั้น เขาจึงออกไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อเขาออกจากวัตถุเซียนไป ทั้งหมดที่เขาเห็นคือจอมยุทธที่โชคดีที่รอดชีวิตมาได้ กำลังล้อมนูบิสและเจี้ยนเฉินเอาไว้ภายใต้การนำของไทนิส พวกเขาทั้งหมดคือศัตรูของพวกเขา

เจี้ยนเฉินคิดไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ เขาจึงไม่ตกใจเลยแม้แต่น้อยเมื่อเขาเห็นภาพนี้ เขาเอาวัตถุเซียนมาจากมือของนูบิสอย่างสงบ จากนั้นเขาก็มองไปที่ซี่หวังแล้วพูด “ซี่หวัง อย่าต่อต้านนะ ข้ากำลังจะเอาเจ้าเข้าไปที่วัตถุเซียน แขนที่ขาดไปของเจ้าจะถูกรักษาที่นั่น” ทันใดนั้นเอง แสงสีขาวนวลก็พุ่งออกมาจากวัตถุเซียนและครอบคลุมตัวซี่หวังเอาไว้

ซี่หวังไม่ต่อต้านและถูกพาเข้าไปโดยพลังของวัตถุวิญญาณ จากนั้นวัตถุเซียนก็กลายเป็นแสงสีทองและหายไปในหน้าผากของเจี้ยนเฉิน

ทุก ๆ คนรวมถึงไทนิชนิ่งอึ้งเมื่อได้เห็นแบบนี้ พวกเขามองไปที่หน้าผากของเจี้ยนเฉินด้วยความสนใจในขณะที่ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

พวกเขาไม่เคยเห็นหรือจินตนาการมาก่อนว่าสิ่งของจะถูกเก็บอยู่ในหัวของใครได้ มันเป็นหอคอยที่ใหญ่ด้วย ทุกคนอดไม่ได้ที่จะอยากรู้เมื่อพวกเขาได้เห็นแบบนี้ พวกเขาสงสัยว่า หอคอยสีทองที่ใหญ่ขนาดนี้จะเก็บอยู่ในหน้าผากของใครได้

สิ่งที่พวกเขาเห็นได้เปลี่ยนสิ่งที่พวกเขารู้มาตั้งแต่แรกจนหมด

“ผู้คุมกฎของเผ่าเต่า หอคอยเล็กสีทองนั่นมันคืออะไร ? มันมหัศจรรย์มาก” ไทนิชจ้องเขม็งไปที่เจี้ยนเฉินและถามอย่างอยากรู้ สายตาแห่งความละโมบปรากฎลึกอยู่ในตาของเขา

“ไทนิช ข้าสงสัยว่าเจ้าตั้งใจจะทำอะไร ? ” เจี้ยนเฉินมองไปที่พวกเขาทั้งหมด เขาไม่ตอบคำถามของไทนิชและตำหนิออกไปอย่างเย็นชา

ไทนิชโกรธเล็กน้อยเมื่อเขาได้ยินแบบนี้ เขาคำรามออกมา “ผู้คุมกฎเผ่าเต่า ข้าต้องการจะถามคำถามเดียวกัน ไม่เพียงแต่เจ้าจะเอาผลึกศักดิ์สิทธิ์ชิ้นใหญ่ที่ประเมินค่าไม่ได้ไปแล้วที่ชั้นแรก เจ้ายังได้วิธีการฝึกฝนของจักรพรรดิเลือดปีศาจไปอีกที่ชั้นที่สอง เจ้าได้อะไรไปมากกว่าพวกเราทั้งหมดและในตอนนี้ในชั้นที่สาม เจ้ายังเอายุทธภัณฑ์จักรพรรดิไปอย่างน่าไม่อาย เจ้าไม่ทำเกินไปหรือ ? ” เสียงของไทนิชอดไม่ได้ที่จะไม่เป็นมิตรในท้ายที่สุด

สำหรับยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ เขาได้สูญเสียไปอย่างมาก ปริมาณของพลังของเซียนราชาที่เขาเสียไปได้ทำให้เขาเจ็บใจมาก มันไม่ใช่พลังของเซียนราชาธรรมดาแต่เป็นพลังที่เทียบเท่ากับผู้อาวุโสประจำศาลา มันมีค่ามาก อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแต่เขาจะพลาดที่เอายุทธภัณฑ์จักรพรรดิมาไม่ได้เท่านั้นหลังจากที่เสียพลังไปมากขนาดนั้น มันยังไปตกอยู่ในมือของเจี้ยนเฉินอีกในตอนท้าย มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะไม่โกรธ ?

ใบหน้าของเจี้ยนเฉินมืดมนลงทันทีในขณะที่เขามองไปที่ไทนิช เขาพูดอย่างเย็นชา “ไทนิช โปรดพูดจาระวังปากด้วย เจ้าไม่มีความสามารถที่จะทำให้ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิสงบได้ เจ้าคงต้องโทษตัวเองที่เจ้าอ่อนแอเกินไป เจ้าจะไปโทษคนอื่นไม่ได้ เจ้าจะบอกว่าคนไหนก็เอาไปไม่ได้ ถ้าเจ้าไม่สามารถเอามันไปได้อย่างนั้นหรือ ? “

ใบหน้าของไทนิชมืดมนในขณะที่เขาจ้องไปที่เจี้ยนเฉินอย่างไม่กลัว เขาขบฟัน “เอาล่ะ มันเป็นข้าเองที่ไม่มีพลังพอที่จะทำให้ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิสงบลงได้ อย่างไรก็ตาม ผู้คุมกฎเผ่าเต่า ให้ข้าแนะนำอะไรเจ้าหน่อย ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจเรื่องนี้ในอนาคตนะ มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่เจ้าจะได้ยินดีกับสมบัติทั้งหมดไปอย่างง่าย ๆ “

ปากของเจี้ยนเฉินบิดไปด้วยความเยาะเย้ย “ข้าไม่เคยเสียใจกับการกระทำของข้า แต่ไทนิช ข้าจำเป็นที่จะต้องเตือนเจ้าเหมือนกัน มันจะดีที่สุดถ้าเจ้าเลิกขู่ข้า ไม่เช่นนั้นเจ้าต้องกลายเป็นศพเหมือนพวกนั้นเหมือนกันและไม่ได้ออกไปจากโถงนี้” เสียงของเจี้ยนเฉินเต็มไปด้วยจิตสังหาร เขาตัดสินใจแล้วว่าจะจบชีวิตไทนิช

ตาของไทนิชหรี่เล็กลงในขณะที่เขาเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เขาไม่ได้โต้ตอบและหันหลังจากไป เขากำลังไปที่ชั้นที่สี่ ตาของเขานั้นไร้อารมณ์ “ผุ้คุมกฎเผ่าเต่า ข้าจะดูว่าเจ้าจะทำยังไงต่อไป เจ้ายังไม่รู้หรอกว่าใครจะกลายเป็นศพเหมือนพวกนั้นกันแน่”

ด้วยการจากไปของไทนิช คนอื่น ๆ ก็ออกไปด้วยเช่นกัน พวกเขาทิ้งระยะห่างระหว่างกันและกันและเดินทางไปที่ชั้นที่สี่ มีเพียงโมจื่อและอีก 2 คนที่เหลืออยู่เท่านั้นในตอนท้าย หนึ่งในนั้นถูกสังหารไปด้วยยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ

“ผู้คุมกฎ ไทนิชนั้นไม่ธรรมดา เจ้าต้องระวังไว้” โมจื่อพูดด้วยน้ำเสียงที่ห่วงใยอย่างตั้งใจ เขาทำเหมือนว่าเขานั้นห่วงใยเจี้ยนเฉิน

เจี้ยนเฉินพยักหน้าตอบรับท่าทางห่วงใยของโมจื่อเท่านั้น เขาไม่ได้พูดอะไรมากกว่านั้น เขาเรียกนูบิสและเดินทางต่อไปยังชั้นที่สี่

โมจื่อและอีกทั้งสองคนมองหน้ากันและกัน พวกเขารู้เลยว่าการปฏิบัติต่อพวกเขาของเจี้ยนเฉินได้เปลี่ยนไป พวกเขาทั้งสามลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะตามเจี้ยนเฉินเงียบ ๆ ไปที่ชั้นที่สี่

“หืม เจ้าไทนิสนั่นเย่อหยิ่งเสียจริง ถ้าไม่ใช่ว่ามีคนเหลือน้อยลงทุกทีทุกทีในตอนนี้แล้วและพวกเราอาจจะจำเป็นที่จะต้องใช้พวกนั้นในการทำลายม่านพลังที่อาจมีข้างหน้า ข้า นูบิสผู้ยิ่งใหญ่ ก็คงจัดการพวกมันไปนานแล้ว” นูบิสพูดขบฟันไปตลอดทาง

“เจ้าไทนิชนั้นไม่ใช่คนธรรมดา ข้ารู้สึกว่าเขายังซ่อนไพ่ตายที่ทรงพลังเอาไว้อยู่ มันจะดีกว่าถ้าพวกเราจะระวังเอาไว้” เจี้ยนเฉินเตือน