ตอนที่ 926: ผนึกถูกปลด

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 926: ผนึกถูกปลด

พลังแห่งการมีอยู่จู่ ๆ ก็ปรากฏขึ้นมา บางคนเริ่มที่จะสะสมพลังสำหรับการร่ายทักษะเซียนระดับเทียน ในขณะที่คู่ต่อสู้ของเขาทั้งสามคนกำลังวุ่นวายอยู่กับการต่อสู้อยู่กับคนอื่นอยู่ นี่เป็นเวลาที่มีค่าที่ทำให้เขาร่ายทักษะเซียนได้

ทักษะเซียนร่ายเสร็จในขั้นเริ่มต้นอย่างรวดเร็วและล็อคเป้าไปที่คนทั้งสาม หลังจากนั้น มันก็เปลี่ยนให้คนทั้งสามกลายเป็นฝุ่นผง ในขณะที่แรงกดดันแห่งการทำลายล้างถูกปล่อยออกมาพร้อมทั้งฝนเลือด

คนตายเพิ่มขึ้นอย่างมากในการต่อสู้ที่ดุเดือดนี้ ทักษะเซียนระดับเทียนถูกร่ายขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า และจอมยุทธก็ตายไปมากกว่าสามสิบคนแล้วอย่างรวดเร็วพร้อมกับวิญญาณของพวกเขาที่สลายหายไปด้วย จำนวนคนที่บาดเจ็บก็มากขึ้นด้วย

“ผู้คุมกฎของเผ่าเต่าและไทนิชนั้นทรงพลังเกินไป พวกเขานั้นยากที่จะจัดการด้วย พวกเรามาร่วมมือกับโจมตีพวกเขากันเถอะ พวกเราจำเป็นต้องกำจัดพวกเขา” ทันใดนั้นเอง คนหลายคนก็เริ่มเปลี่ยนเป้าไปที่เจี้ยนเฉินและไทนิช

“เจ้าพูดถูก พวกเราจำเป็นต้องกำจัดพวกเขาก่อน ไม่งั้นตำนานของจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดคงจะต้องตกอยู่ในมือของพวกเขาคนใดคนหนึ่งแน่”

“เพื่อตำนานนั้นแล้ว พวกเราจะต้องกำจัดผู้คุมกฎเผ่าเต่าและกำจัดไทนิช”

หลายคนเริ่มที่จะเห็นพ้องกัน ไม่มีใครโง่เพราะพวกเขารู้ว่าถ้าพวกเขาต้องการที่จะได้ตำนานมา พวกเขาจำเป็นต้องกำจัดคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดสองคนนี้ก่อน

ทันใดนั้นเอง จอมยุทธมากกว่าสี่สิบคนพุ่งเข้าไปที่เจี้ยนเฉินและไทนิชในขณะที่จิตสังหารไหลออกจากตัวของพวกเขา อีกสี่คนยืนอยู่ห่างออกไปจากการต่อสู้และสะสมพลังเพื่อที่จะร่ายทักษะเซียนระดับเทียน และพุ่งเป้าไปที่เจี้ยนเฉินและไทนิช

“พวกเจ้ามันรนหาที่ตาย ! โมจื่อ เจ้าไปขัดขวางคนที่กำลังร่ายทักษะเซียนระดับเทียน ไปทำให้พวกนั้นยุ่งเข้าไว้ ! ” นูบิสตะโกนออกมาในขณะที่จิตสังหารพวยพุ่งออกมาจากตาของเขา เขาพ่นหมอกพิษออกมาและครอบคลุมรัศมีร้อยเมตรรอบ ๆ ตัวเจี้ยนเฉิน หมอกพิษนั้นมีฤทธิ์กัดกร่อนมากและมีผลกระทบกับทุกคนที่อยู่ในบริเวณนี้ พวกเขาต้องทุ่มพละกำลังส่วนมากเพื่อที่จะต้านหมอกพิษ ดังนั้นมันจึงมีผลกระทบต่อพลังทั้งหมดที่พวกเขาสามารถใช้ได้

ในมุมกลับกัน เจี้ยนเฉินนั้นมีหมื่นต้านพิษ ซึ่งได้ผลอย่างมากต่อพิษของอสรพิษทองริ้วเงิน ดังนั้น เขาจึงไม่เป็นอะไรและไม่ได้รับผลกระทบอะไรแม้ว่าเขาจะอยู่ที่จุดศูนย์กลางของพิษ

โมจื่อและอีกทั้งสามคนไม่ได้เข้าไปยุ่ง พวกเขาอยูในสภาพแย่จากการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ดังนั้นพวกเขาจึงรวมตัวอยู่ห่าง ๆ แล้วมองดูทุกอย่างที่เกิดขึ้น พวกเขาไม่ฟังที่นูบิสบอกและไม่ได้ไปจัดการกับคนทั้งสี่ที่กำลังร่ายทักษะเซียน

ตาของเจี้ยนเฉินเริ่มเย็นชาในขณะที่แสงสีดำจากยุทธภัณฑ์ราชาเปล่งประกายออกไปรอบ ๆ ด้วยพลังแห่งการทำลายล้าง เขาจัดการคนทั้งสามตรงหน้าเขาก่อนที่เขาจะกลายเป็นภาพติดตาและพุ่งเข้าไปที่กลุ่มคนต่อ เขาใช้ทักษะมายาพริบตาเพื่อที่จะไปที่จุดที่คนกำลังร่ายทักษะเซียนระดับเทียน

ในเวลาเดียวกัน ไทนิชก็พุ่งออกมาจากวงล้อม และพุ่งไปที่สองในสี่คนที่กำลังร่ายทักษะเซียนอย่างรวดเร็ว

ทักษะเซียนระดับเทียนเป็นอันตรายอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเจี้ยนเฉินหรือไทนิช พวกเขาก็ต้องป้องกันมันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

คนสองคนพุ่งเป้าไปที่เจี้ยนเฉิน ในขณะที่อีกสองคนพุ่งเป้าไปที่ไทนิช นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเจี้ยนเฉินและไทนิชถึงต้องทุ่มกำลังไปที่คนทั้งสี่ พวกเขาจำเป็นต้องกำจัดคนที่เป็นภัยกับพวกเขา

ท่าทางของคนทั้งสี่เปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อพวกเขาเห็นว่าเจี้ยนเฉินและไทนิชพุ่งเข้ามาที่พวกเขา พลังของเซียนราชาพุ่งออกมาจากร่างกายของเขาและควบแน่นกลายเป็นชุดเกราะในขณะที่เขาพุ่งถอยหลังไป พวกเขาต้องการที่จะเพิ่มระยะห่างระหว่างเจี้ยนเฉินและไทนิช

“เจ้าเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้วหรือ ถึงได้ร่ายทักษะเซียนระดับเทียนใส่ข้า” ไทนิชได้เข้าใกล้เป้าหมายทั้งสองในขณะที่ดาบคู่ในมือทั้งสองของเขาและเปลี่ยนกลายเป็นแสงที่งดงามซึ่งฟันไปที่คนทั้งสองนั้น

ในเวลาเดียวกัน เจี้ยนเฉินก็เข้าไปถึงเป้าหมายของเขาแล้วเช่นกัน ยุทธภัณฑ์ราชาเปลี่ยนกลายเป็นแสงสีดำในขณะที่เขาแทงไปที่หว่างคิ้วของคนทั้งสองนั้น

ดาบของไทนิชฟาดไปที่ตัวของคนทั้งคู่ หนึ่งในนั้นถูกระแทกกระเด็นถอยไปและทักษะเซียนระดับเทียนก็ถูกขัด ในขณะที่อีกคนถูกผ่าออกเป็นครึ่ง อย่างไรก็ตาม คนนั้นไม่ได้เลือดออกและร่างของเขาก็เปลี่ยนกลายเป็นหินอย่างรวดเร็ว

“มันเป็นทักษะตุ๊กตาหินของเผ่าอสรพิษหิน” ไทนิชคำรามออกมา เขามองไปข้างหน้าและคนที่ควรจะถูกผ่าครึ่งไปแล้วก็ปรากฎอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่อยู่ห่างออกไปพันกว่าเมตร คนผู้นั้นไม่หยุดร่ายทักษะเซียนระดับเทียนเช่นกัน และเขาร่ายมาถึงขั้นสุดท้ายแล้ว พลังงานที่ยิ่งใหญ่ได้ลดลงมาจากท้องฟ้าและล็อคเป้าไปที่ไทนิช

อีกด้านหนึ่ง ยุทธภัณฑ์ราชาได้แทงไปที่หน้าผากของอีกทั้งสองคน การโจมตีของเขาเทียบเท่ากับเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 3 ดังนั้นมันจึงทำให้เกราะที่ควบแน่นขึ้นมาของพวกเขาแตกกระจาย เจี้ยนเฉินไม่ให้เวลาทั้งสองคนในการตั้งตัว เขาแทงออกไปอีกสองครั้งด้วยความเร็วดุจสายฟ้าซึ่งทะลุเข้าไปที่หน้าผากของทั้งสองคนและกำจัดวิญญาณของพวกเขาไป

เจี้ยนเฉินเอาแหวนมิติออกมาจากนิ้วของทั้งสองและเก็บมันไปโดยไม่ได้ดูว่ามีอะไรด้านในเลย เขามองไปที่หกแฉกที่ผนึกยุทธจักรพรรดิเอาไว้และพบว่าสี่สิบในสี่สิบเก้าจารึกได้หายไปแล้วในตอนนี้ ทั้งหมดที่เขาต้องทำคือสังหารคนอีก 9 คนและผนึกก็จะถูกปลดออก

เจี้ยนเฉินไม่รีบที่จะทำแบบนั้นและเขากลับหันไปที่ไทนิชแทน ในตอนนี้ทักษะเซียนระดับเทียนได้ถูกสะสมพลังครบแล้ว เขาต้องการที่จะดูว่าไทนิชจะทนมันได้ยังไง เจี้ยนเฉินได้เห็นมาแล้วว่าทักษะเซียนระดับเทียนจากเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 9 นั้นแข็งแกร่งเพียงใดมานานแล้ว

“แม้ว่าไทนิชจะรอดได้ในครั้งนี้ เขาก็คงได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก เขาจะไม่เป็นภัยกับพวกเราอีกต่อไป พวกเราต้องร่วมมือกับเพื่อกำจัดเขาหลังจากที่เขาได้รับบาดเจ็บ เมื่อคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังลดลงไปคนหนึ่งแล้ว ความกดดันของพวกเราจะลดลงอย่างมากเมื่อพวกเราต้องต่อสู้เพื่อแย่งตำนานกันในตอนหลัง” นี่เป็นสิ่งที่หลายคนคิด สายตาที่พวกเขามองไปที่ไทนิชบ่งชี้ให้เห็นว่าพวกเขาพอใจที่จะให้ไทนิชตาย

ตาของไทนิชเย็นชาในขณะที่เขามองอย่างไร้อารมณ์ไปที่ทักษะเซียนระดับเทียน ในตอนนี้ เขาไม่สามารถที่จะร่ายทักษะเซียนระดับเทียนเพื่อที่จะต่อต้านได้แล้ว เขาเย้ยออกมา “เจ้าคิดว่าทักษะเซียนระดับเทียนจะฆ่าข้าได้อย่างนั้นหรือ? เจ้าดูถูกข้าเกินไปแล้ว ข้าจะแสดงให้ดูว่าข้าจะทำลายทักษะเซียนของพวกเจ้าอย่างไร” พลังของเซียนราชาไหลออกมาจากร่างของเขา มันยิ่งใหญ่มากคนมันปรากฏอยู่ทั่วทั้งโถงด้วยแรงกดดันที่น่ากลัว มันทำให้ทุกคนอึดอัดหายใจไม่ออกเพียงเพราะพลังงานนี้อย่างเดียว

“นี่เป็นพลังที่เก็บไว้ในตัวของไทนิชโดยผู้อาวุโสประจำศาลา ไทนิชได้ซ่อนพลังงานที่ทรงพลังขนาดนี้เอาไว้…”

“มันเป็นไปได้ยังไง ? ที่ไทนิชเก็บซ่อนพลังที่มากมายขนาดนี้เอาไว้…”

“ไทนิชซ่อนความแข็งแกร่งของเขาเอาไว้มาตลอด นี่อาจจะเป็นไพ่ตายที่ดีที่สุดของเขา…”

การถกเถียงเกิดขึ้นในหมู่คน พวกเขาทั้งหมดจ้องไปที่ไทนิชอย่างเคร่งเครียด เขามีไพ่ตายมากมายที่จะใช้ ต้องขอบคุณพลังจากผู้อาวุโสประจำศาลา ถ้าพวกเขาไม่ทำให้ไทนิชใช้พลังออกมาจนหมด ก็คงไม่มีใครสามารถทำอันตรายให้แก่เขาได้

“นี่ต้องเป็นพลังของอย่างน้อยจากเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 9 แน่ ข้าสงสัยจริงว่าเขามีพลังนี้มากขนาดไหนกัน” เจี้ยนเฉินไม่สบายใจในขณะที่เขาจ้องไปที่ไทนิช

พลังที่บริสุทธิ์และยิ่งใหญ่ได้ซึมผ่านอยู่รอบ ๆ ไทนิช เขาคิดแล้วเขาก็ควบแน่นบอลพลังงานกว้าง 1 เมตรตรงหน้าเขา จากนั้นเขาก็พุ่งไปที่คนที่ใช้ทักษะเซียนระดับเทียน

ในเวลาเดียวกัน คนนั้นก็ปล่อยทักษะเซียนออกมา ง้าวใหญ่ก็ปรากฏออกมาและพึ่งไปทางไทนิชด้วยความเร็วแสงและออร่าแห่งการทำลายล้าง

บู้ม !

พลังของเซียนราชาปะทะเข้ากับทักษะเซียนระดับเทียนและทำให้เกิดเสียงระเบิดรุนแรงออกมา พลังงานที่รุนแรงทำลายล้างไปรอบ ๆ และกระแทกทั้งคู่ถอยกลับไป

ชุดเกราะได้ปรากฏขึ้นบนตัวไทนิช เขาใช้พลังงานของเซียนราชาไปจนหมดแล้ว ดังนั้นเกราะที่เขาควบแน่นออกมาในตอนนี้จึงเป็นพลังของเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 9 เขาใช้เกราะเพื่อต้านคลื่นพลังงานที่รุนแรง ในเวลาเดียวกัน เขาก็ชี้นิ้วออกไปและสายพลังของเซียนราชาก็ถูกยิงออกมาและพุ่งไปที่คนที่โจมตีเขา

อีกคนหนึ่งถูกกระแทกกระเด็นกลับไปจากคลื่นพลังและยังคงตั้งตัวไม่ได้ เกราะของเขาควบแน่นมากจากพลังของเซียนราชาธรรมดาและพลังงานก็จางลงไปแล้ว พลังจากเกราะเกือบหมดไปแล้ว เขาไม่มีความสามารถในการต่อต้านพลังที่แข็งแกร่งกว่าจากไทนิชได้เลย

ควับ ! หน้าผากของเขาถูกแทงทะลุและพลังงานก็เข้าไปในจิตใจของเขาก่อนที่จะระเบิดออกมา หัวของเขาระเบิดออกเป็นชิ้น ๆ และวิญญาณของเขาก็สลายไป

หนึ่งในเก้าจารึกที่เหลืออยู่ได้หายไปจากหกแฉก ในตอนนี้เหลือเพียงแค่แปดเท่านั้นในตอนนี้

สายตาของไทนิชเป็นประกายดุร้าย เขาไม่สนใจแหวนมิติของศพและหันไปหากลุ่มที่อยู่ไกล ๆ อย่างช้า ๆ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหารอย่างแรงในขณะที่เขาตะโกนออกมา “ในเมื่อพวกเจ้าต้องการที่จะฆ่าข้า ข้าจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่” ไทนิชกลายเป็นลำแสงและพุ่งเข้าไปที่กลุ่มด้วยความเร็วดุจสายฟ้า เขาคิดไว้ว่าจะกำจัดหลายคนออกไปด้วยตัวของเขาเอง

อย่างไรก็ตาม ไทนิชได้รับการป้องกันจากพลังของเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 9 การโจมตีจากจอมยุทธธรรมดาไม่สามารถทำอะไรเขาได้

ในพริบตาเดียว คนอีก 8 คนก็ตายด้วยมือของไทนิช จารึกอีก 8 อันในหกแฉกก็ได้หายไปเช่นกัน

ครื้น !

ทันใดนั้นเอง ปราณกระบี่ที่ยิ่งใหญ่มากก็ได้ปรากฏขึ้นมา มันเติมเต็มไปทั่วทั้งอาณาเขต และทำให้ทั่วทั้งโถงสั่นไหว

การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ได้รบกวนการสังหารของไทนิช ในตอนนี้เอง ทุกคนมองไปที่ต้นกำเนิดเสียง ที่ทุกคนเห็นก็คือยุทธภัณฑ์จักรพรรดิค่อย ๆ ลอยตัวขึ้นมาจากบ่อ และลอยตัวอยู่กลางอากาศในขณะที่มันเปล่งประกายไปด้วยกลิ่นอายที่ทอดตัวลงมาเหมือนกับว่ามันเป็นผู้คุมกฎที่สุดยอด

“ผนึกที่อยู่บนยุทธภัณฑ์จักรพรรดิได้ถูกปลดออกแล้ว…”

“ไปเอาอาวุธมาเร็ว…”

ทุกคนจะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้นและไม่สนใจที่จะต่อสู้กันอีก พวกเขาทั้งหมดเคลื่อนที่ไปอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ไปที่ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ ตาของพวกเขาตื่นเต้นจากความยั่วยวนใจ พวกเขารู้เรื่องเกี่ยวกับยุทธภัณฑ์จักรพรรดิน้อยมากและเชื่อว่าพวกเขาจะเอามันมาได้แบบเดียวกันกับยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎ พวกเขาคิดว่ามันต้องเป็นของคนที่หยิบมันก่อน