ตอนที่ 925: การต่อสู้ที่วุ่นวาย

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 925: การต่อสู้ที่วุ่นวาย

“พระเจ้า กระบี่ใหญ่อะไรเช่นนี้ อาวุธนั้นมันอะไรกัน ? “

“ทำไมกระบี่นี่ถึงได้ใหญ่จัง ? ข้าไม่เคยได้ยินหรือได้เห็นกระบี่ที่ใหญ่ขนาดนี้มาก่อนทั้งชีวิตของข้าเลย”

“มันเป็นกระบี่ที่ใหญ่มาก ใครจะใช้มันได้ล่ะนี่ ? “

“กระบี่นี้ไม่ธรรมดาแน่ ข้ารู้สึกได้ถึงปราณกระบี่ที่ทรงพลังที่ทำให้จิตใจของข้าสั่นไหว”

ไม่มีอะไรอยู่บนชั้นที่สามของโถงเลยนอกจากกระบี่ใหญ่ กระบี่นี้ตั้งอยู่เหมือนผู้คุมกฎ ดังนั้นมันจึงดึงดูดความสนใจของทุกคน พวกเขาทั้งหมดจ้องไปที่มันในขณะที่พวกเขาพูดคุยกันและกัน ทุกคนเต็มไปด้วยความตกใจ

เกือบทุกคนรู้จักยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎแต่คงจะมีแค่บางคนเท่านั้นที่รู้จักยุทธภัณฑ์ราชา อย่างไรก็ตามมีน้อยคนนักที่จะรู้จักยุทธภัณฑ์จักรพรรดิเพราะว่ามันหายากมาก

แม้แต่บนทวีปเทียนหยวน ยังมีเซียนผู้คุมกฎไม่มากที่รู้เกี่ยวกับยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ อย่าว่าแต่ในอาณาจักรทะเลที่มีมนุษย์อยู่น้อยนิดเลย

“เจี้ยนเฉิน เจ้าคิดว่านั่นคือยุทธภัณฑ์ราชาในตำนานหรือไม่ ? ” นูบิสถามอยู่ข้าง ๆ ในขณะที่เขาจ้องไปที่อาวุธด้วยความตกตะลึงมาก เขาไม่เคยเห็นยุทธภัณฑ์จักรพรรดิมาก่อน แต่มันได้บันทึกอยู่ในความทรงจำที่ได้รับสืบทอดมาของเขา

เจี้ยนเฉินพยักหน้ารับเบา ๆ ในขณะที่เขาจ้องไปที่ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิด้วยสายตาลุกโชน ความต้องการที่จะได้มันมาเป็นของตัวเขาเองมีมากขึ้นมากขึ้นอยู่ในใจของเขา เขาไม่เคยเจอกับความปรารถนาที่จะได้สิ่งของเพียงชิ้นเดียวมากขนาดนี้มาก่อนในชีวิต

“ข้าต้องเอายุทธภัณฑ์ราชานี้มาให้ได้” เจี้ยนเฉินคิดในขณะที่สายตาของเขาแน่วแน่

“ข้ารู้ว่านี่คืออะไร นี่เป็นยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ” ทันใดนั้นเอง ไทนิชก็ตะโกนออกมา ตาของเขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ เห็นได้ชัดว่าเขาก็รู้จักมันเหมือนกัน

“ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ ? ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิคืออะไร ? ข้าไม่เคยได้ยินอะไรแบบนั้นมาก่อนเลย” ชายชราที่อยู่ข้าง ๆ ไทนิสพูดออกมาอย่างสงสัย เขาอยากรู้มาก

ไทนิชสูดลมหายใจเข้าลึกและพูดอย่างช้า ๆ “ข้ารู้เรื่องยุทธภัณฑ์จักรพรรดิจากเพียงความทรงจำที่สืบทอดมาเท่านั้น ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิเป็นอาวุธที่ถูกเก็บไว้โดยเซียนจักรพรรดิที่เป็นมนุษย์ พวกมันทรงพลังมากและมีพลังทำลายล้างรุนแรง เมื่อเซียนจักรพรรดิที่เป็นมนุษย์ตายไปในการทำสมาธิ พวกเขาก็ทิ้งอาวุธเอาไว้”

“อะไรนะ ! ? กระบี่ใหญ่นั้นถูกทิ้งเอาไว้โดยเซียนจักรพรรดิที่เป็นมนุษย์งั้นหรือ ? “

“นั่นหมายความว่า กระบี่นี้เป็นการแสดงว่าเซียนจักรพรรดิที่เป็นมนุษย์ได้ตายไปแล้วใช่หรือไม่ ? “

“พระเจ้า นี่เป็นอาวุธของเซียนจักรพรรดิที่เป็นมนุษย์จริงจริง ถ้าข้าสามารถใช้มันได้ ข้าก็ไม่ต้องกลัวอะไรอีก เมื่อข้าต้องสู้กับจอมยุทธ 15 ดาว”

ทุกคนเอะอะโวยวาย อาวุธที่ถูกทิ้งไว้โดยเซียนจักรพรรดิที่เป็นมนุษย์เพียงพอแล้วที่จะทำให้พวกเขาเต็มไปด้วยความโลภ แม้แต่คนของเผ่าพันธุ์ทะเลจะไม่สามารถใช้อาวุธของมนุษย์ได้ด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่มันก็มีค่ามากอย่างไม่ต้องสงสัย

ทันใดนั้นเอง ไทนิชก็หันไปหาเจี้ยนเฉินและตาของเขาก็หรี่เล็กลงแล้วพูดว่า “ผู้คุมกฎเผ่าเต่า ในตอนแรกเจ้าเอาบังลังก์ที่ทำจากผลึกศักดิ์สิทธิ์ไปและจากนั้นเจ้าก็ได้คู่มือการฝึกฝนของจักรพรรดิเลือดปีศาจไปอีก เจ้าได้ของดีกว่าพวกเรามาก ดังนั้นข้าหวังว่าคราวนี้เจ้าจะไม่เข้ามาร่วมแย่งชิงยุทธภัณฑ์จักรพรรดิอีกนะ”

เจี้ยนเฉินจ้องอย่างเย็นชาไปที่ไทนิชเมื่อเขาได้ยินแบบนั้นและเขาก็พูดออกมาอย่างไร้อารมณ์ “เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่ายุทธภัณฑ์จักรพรรดิจะเอาไปได้ง่ายดายแบบนั้น ? ถ้าเจ้ามีพลังพอก็เอามันไปเลย” เจี้ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะคิดกลับไปตอนที่เขาได้ยุทธภัณฑ์ราชา ยุทธภัณฑ์ราชาที่ถูกทิ้งเอาไว้โดยเซียนราชานั้นยังอ่อนกว่ายุทธภัณฑ์จักรพรรดิมาก อย่างไรก็ตาม ในตอนที่เจี้ยนเฉินสัมผัสมัน เขาจำเป็นต้องเพิ่มร่างบรรพกาลไปให้ถึงขีดสุดเพื่อที่จะป้องกันตัวเอง ไม่เช่นนั้นเขาคงได้รับบาดเจ็บจากยุทธภัณฑ์ราชาไปแล้ว แต่ในตอนนี้มันเป็นยุทธภัณฑ์จักรพรรดิซึ่งมากกว่านั้นเสียอีก

แม้แต่เจี้ยนเฉินก็ไม่มั่นใจว่าเขาสามารถแตะต้องมันได้ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้หรือไม่ ไม่อย่างนั้น เขาคงได้รับบาดเจ็บแม้ว่าจะมีการป้องกันจากร่างบรรพกาลก็ตาม

วูบ ! ในตอนนี้เอง จอมยุทธหลายคนพุ่งไปที่ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิในขณะที่พวกเขาอดใจไม่ไหวแล้ว

สายตาของไทนิชเป็นประกายเย็นชาในขณะที่เขาคำรามออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว “พวกเจ้ารนหาที่ตาย ! ” ดาบคู่ของเขาปรากฎขึ้นในมือของเขาทันทีในขณะที่เขาไล่ตามคนอื่นไปด้วยจิตสังหาร

แม้ว่าไทนิชจะทรงพลังมาก แต่ก็มีหลายคนที่ไม่ได้กลัวเขาที่อยู่ในกลุ่ม นอกเหนือไปจากนั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าสิ่งที่ยั่วยุเหมือนยุทธภัณฑ์จักรพรรดินี่ด้วยแล้ว ความกลัวของพวกเขาในตัวไทนิชก็ลดลงต่ำไปอย่างมาก เป็นเหตุให้เซียนผู้คุมกฎไม่สนใจที่ไทนิชพูดและยิ่งเร่งความเร็วเข้าไปที่กระบี่แทน

หัวใจของหลายคนอดไม่ได้ที่จะเต้นรัวอย่างตื่นเต้นเมื่อพวกเขาเห็นว่าคนเริ่มเข้าไปแย่งยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ พวกเขาอดไม่ได้ที่จะไปร่วมด้วยเช่นกัน แม้แต่ซี่หวัง โมจื่อ และอีกทั้งสามคนก็ยากที่จะสงบไว้ได้

อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินและนูบิสยืนอยู่อย่างเยือกเย็นและไม่มีความตั้งใจที่จะเข้าไปร่วมด้วย แต่พวกเขาก็ยังจ้องเขม็งไปที่อาวุธ

ในตอนท้าย บางคนเข้าใกล้ถึงมันแล้ว อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้นเอง อาคมกับดักก็ปรากฏขึ้นมาที่พื้นและกระพริบไปด้วยแสงสีแดงจ้า พลังงานที่มองไม่เห็นเติมเต็มไปทั่วทั้งอาณาเขตและขวางทุกคนไว้ไม่ให้เข้าใกล้อาวุธ

คนที่อยู่ใกล้ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิแทบคลั่ง ในตอนที่พวกเขากำลังจะได้อาวุธไป พวกเขาก็เจอกับดักในตอนสำคัญ พวกเขารู้สึกเหมือนว่ามีสมบัติที่ยอดเยี่ยมอยู่ตรงหน้าแต่พวกเขาก็ไม่สามารถคว้าเอามันมาได้ไม่ว่าพวกเขาจะทำอย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่อยากจะยอมรับสิ่งนี้

บู้ม! บู้ม! บู้ม..

เสียงดังรุนแรงดังออกมาจากโถงที่ว่างเปล่า ในตอนนี้หลายคนกำลังโจมตีไปที่พลังงานที่มองไม่เห็นอย่างสุดกำลังเพื่อที่ต้องการที่จะผ่านเข้าไปเอาอาวุธมาเป็นของตัวพวกเขาเอง

อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่สามารถที่จะผ่านพลังงานที่มองไม่เห็นนี้ไปได้ มันดูเหมือนกำแพงหนาที่กันพวกเขาเอาไว้ และทำให้ไม่มีใครสามารถเข้าใกล้ไปมากกว่านี้ได้

ตาของไทนิชหรี่เล็กลงเมื่อเขาเห็นแบบนี้ เขาหยุดโดยไม่รู้ตัวในขณะที่เขาจ้องไปที่ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิพร้อมขมวดคิ้ว ก่อนที่หน้าของเขาจะหม่นลงอย่างรวดเร็ว เขาคำรามออกมา “ข้าไม่คิดเลยว่ายุทธภัณฑ์จักรพรรดิจะถูกผนึกอยู่และการที่จะทำลายผนึกคงยากมาก ดูเหมือนพวกเราต้องเสียอย่างมากเพื่อยุทธภัณฑ์จักรพรรดินี้”

เจี้ยนเฉินเดินเข้าไปที่อาวุธช้า ๆ ในขณะที่เขาเข้าใกล้มัน มีคำอยู่หนึ่งแถวปรากฏขึ้นในสายตาของเขา เขาหม่นหมองลงเล็กน้อยเมื่อเขาอ่านผ่านคำเหล่านั้นในขณะที่สายตาของเขาเป็นประกายเย็นชา

“ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิถูกผนึกอยู่ที่นี่ ถ้าเจ้าต้องการที่จะทำลายผนึก เจ้าต้องสังเวยชีวิตจอมยุทธ 49 คน”

นี่เป็นคำพูดที่อยู่ในแถว

คนอื่นที่รวมกันอยู่ที่นี่และพวกเขาทั้งหมดก็หมดคำพูดนั้นสลักอยู่ที่พื้น ท่าทีของพวกเขาทั้งหมดเปลี่ยนไป ก่อนที่จะกระจายออกไปทุกทิศทาง พวกเขาระมัดระวังตัวมากกว่าเดิม

บรรยากาศของโถงตึงเครียดขึ้นมาทันที

ในตอนนี้เอง เสียงก้าวเท้าเร็วหลายก้าวก็ดังขึ้นมา ที่ทางเข้าของชั้น คนหลายสิบคนก็เพิ่มเข้ามา พวกเขาทั้งหมดเป็นกลุ่มที่อยู่ที่ม่านพลังเพื่อรักษาตัวเองและพวกเขาก็ฟื้นฟูเต็มที่หลังจากที่ผ่านมาสองสามวัน

เมื่อพวกเขาเห็นกระบี่ยาว 30 เมตร พวกเขาก็อึ้งแต่พวกเขาก็รู้เกี่ยวกับเรื่องยุทธภัณฑ์จักรพรรดิและผนึกที่ถูกปล่อยออกมาอย่างรวดเร็ว พวกเขาเริ่มระวังตัวทันที และรวมกันเป็นกลุ่มเพื่อที่จะช่วยกันดูรอบ ๆ

“ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิต้องใช้ชีวิตของ 49 คนเพื่อที่จะปลดผนึกออก เห็นได้ชัดเลยว่า จักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดต้องการที่จะให้พวกเราฆ่ากันเอง…”

“บางทีที่จักรพรรดิทำแบบนี้ก็เพื่อที่จะเลือกคนที่แข็งแกร่งที่สุดจากพวกเราและมอบตำนานของเขาให้กับคนคนผู้นั้นหรือไม่”

นั่นเป็นสิ่งที่บางคนเดาออกมา อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พวกเขาพูดทำให้ตาของทุกคนสว่าง และเชื่อว่านี่น่าจะเป็นอย่างนั้น

บางทีนี่อาจจะเป็นวิธีการที่จักรพรรดิต้องการเลือกตัวแทนของเขาก็ได้

“ตำนานของจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดต้องเป็นของข้า ข้าจะใช้โอกาสนี้เพื่อที่จะกำจัดบางคนออกเพื่อป้องกันไม่ให้คนพวกนี้เข้ามายุ่งอีกในอนาคต” สายตาของไทนิชเป็นประกายเย็นชา เขาฟันไปที่คนที่ใกล้เขาที่สุดด้วยดาบคู่ของเขา

“ไทนิช เจ้าจะทำอะไรน่ะ ? ” ท่าทีของคนนั้นเปลี่ยนไปอย่างมากและเขาก็พุ่งถอยหลังไป ในเวลาเดียวกัน เขาก็เอาอาวุธออกมาเพื่อตอบโต้ด้วย

ไทนิชเป็นผู้คุมกฎ ดังนั้นความสามารถในการต่อสู้ของเขาจึงเยี่ยมมาก แม้ว่าเขายังเป็นเพียงเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 9 แต่เขาก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 1 หรืออาจจะแม้แต่ชั้นสวรรค์ที่ 2 เลย แค่ไม่นาน เขาก็สังหารคนที่เขากำลังสู้ด้วยและกำจัดวิญญาณของคนนั้นไป

เมื่อคนผู้นั้นตายไป เลือดของเขาก็หายไปจากพื้นทันที ในเวลาเดียวกัน หนึ่งในสี่สิบเก้าจารึกที่รวมตัวกันเป็นรูปหกแฉกที่ผนึกยุทธภัณฑ์จักรพรรดิเอาไว้ก็หายไป

“ข้าจะเอายุทธภัณฑ์จักรพรรดินี้ไป ข้าจะสังหารใครก็ช่างที่ขวางทางข้า” ตาของเจี้ยนเฉินเป็นประกายเย็นชา เขาชักยุทธภัณฑ์ราชาออกมาจากแหวนมิติของเขาก่อนที่จะพุ่งเข้าไปหาห้าคนที่ยืนอยู่ด้วยกัน

นูบิสก็ตามมาด้านหลังเจี้ยนเฉินติด ๆ เพราะว่าเขาเตีรยมพร้อมอยู่นานแล้ว มือของเขากลายเป็นสีทองในขณะที่เขาพุ่งออกไปด้วยความตื่นเต้น

กระบี่ของเจี้ยนเฉินกลายเป็นภาพติดตาหลายเล่มและล้อมคนทั้งห้านั้นไว้ แม้ว่าคนทั้งห้าจะสู้โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน แต่พวกเขาก็ยังคงไม่ใช่คู่มือของเจี้ยนเฉิน พวกเขาปะทะกับยุทธภัณฑ์ราชาสองสามครั้งก่อนที่จะได้รับบาดเจ็บอย่างหนักในขณะที่พวกเขาล่าถอยกลับไป อย่างไรก็ตามก่อนที่พวกเขาจะทันตั้งตัวได้ หว่างคิ้วของพวกเขาก็ถูกเสียบเข้าไปและวิญญาณของพวกเขาก็ถูกกำจัด

เจี้ยนเฉินเอาแหวนมิติของพวกนั้นออกตลอดทางก่อนที่จะพุ่งไปหาคนอื่น

ตาของนูบิสลุกโชนไปด้วยจิตต่อสู้ในขณะที่เขากำลังสู้อยู่กับสองคนด้วยหมัดเปล่าเปล่า มือของเขาเจือปนไปด้วยพิษร้ายแรง ในขณะที่เส้นแสงสีทองพุ่งออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า เขาทำให้ทั้งสองคนบาดเจ็บในพริบตาเดียว ก่อนที่จะกำจัดวิญญาณของพวกเขาโดยการแทงเข้าไปที่หน้าผากของพวกเขา

ในพริบตาเดียว คนเกือบสิบคนก็ตายในโถง เลือดของพวกเขาหายไปในพื้นตามมาด้วยการตายของพวกเขา ในขณะที่จารึกในหกแฉกก็สลายไปด้วย

ทั้งโถงเต็มไปด้วยการต่อสู้ที่บ้าคลั่ง ในขณะที่ข้อตกลงสงบศึกของพวกเขาก็ขาดสะบั้นลง พวกเขาทั้งหมดเริ่มต่อสู้ด้วยจุดประสงค์ที่ต่างกัน หลายคนทำเพราะแก้แค้นและกำจัดศัตรูของเผ่า พวกเขาใช้สถานการณ์นี้เพื่อที่จะกำจัดปรปักษ์ของพวกเขา

นอกเหนือจากนี้ ยังมีบางคนที่ต่อสู้เพื่อที่จะแย่งสมบัติจากคนอื่น ทั้งโถงตกอยู่ในความวุ่นวาย คนที่มีพลังของเซียนราชาควบแน่นเกราะของพวกเขาขึ้นมา ในขณะที่บางคนสร้างม่านพลังขึ้นมาด้วยพลังของพวกเขาเองเพื่อที่จะใช้ป้องกันการโจมตี