ตอนที่ 714 เร้นกาย (2)

หมอดูยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 714 เร้นกาย (2)
ทางเข้าออกจากหุบเขาถูกเยี่ยเทียนปิดผนึกไว้จากด้านนอกแล้ว ส่วนด้านในเขาก็ใช้ศิลาก้อนใหญ่ปิดทางไว้ และเยี่ยเทียนยังส่งกระแสจิตไปบอกมังกรดำด้วยว่าอย่ามารบกวน ยามนี้ทั่วทั้งหุบเขาจึงมีแต่ความเงียบสงัด ไม่มีแม้แต่สายลม

เมื่อพิจารณาดูหยกที่อยู่ในมือชิ้นนั้น และเห็นลวดลายสีครามลักษณะเหมือนลายไม้เด่นชัดขึ้นมา เยี่ยเทียนก็ยิ่งมั่นใจในการคาดเดาของตัวเองมากขึ้น ถ้าจะจัดประเภทให้ละก็ หยกชิ้นนี้และหยกดำนั้นก็น่าจะเป็นธาตุไม้

เยี่ยเทียนนั่งขัดสมาธิ สองมือซ้อนกันวางไว้ที่จุดตันเถียน หายใจเข้าลึกๆ แล้วหลับตาลง ประกายสีขาวสว่างวาบขึ้นมาที่จุดอิ้นถัง จิตดั้งเดิมแผ่ซ่านออกมาจางๆ ตามแขนขา

“หยินสูงสุดคือหก ไฉนจึงเรียกเก้าหยิน ไท่จี๋กำเนิดสองลักษณ์ ฟ้าดินแยกจากกัน สรรพสิ่งในฟ้าดินนั้นไซร้ ประกอบด้วยหยินและหยาง เหตุและผลแห่งการเปลี่ยนแปลง ลางเป็นตายปรากฏ พบร่องรอยโดยมิต้องเสาะแสวง ปรากฏโดยมิต้องนัดหมาย…”

เมื่อจิตดั้งเดิมเริ่มโคจรตามวิถี พลังปราณชีวิตแห่งฟ้าดินอันหนาแน่นภายในหุบเขาก็พุ่งเข้าสู่จิตดั้งเดิมเหมือนผึ้งกลับรัง รอบกายเยี่ยเทียนราวกับมีหมอกบางๆ ปกคลุมอยู่ชั้นหนึ่ง จนร่างของเขาดูเลือนรางไป

ขณะเดียวกันนั้นเอง หยกที่อยู่ในฝ่ามือชิ้นนั้นก็แผ่ปราณวิเศษออกมาทีละน้อย แล้วถ่ายเทเข้าสู่จิตดั้งเดิมของเยี่ยเทียน แต่เยี่ยเทียนกลับใช้จิตดั้งเดิมเป็นสื่อนำ ถ่ายเทพลังปราณชีวิตทั้งหมดเข้าสู่กายเนื้อ

ในช่วงที่เกิดเหตุวินาศกรรม 9/11 นั้น เยี่ยเทียนเดิมก็บาดเจ็บภายในอยู่แล้ว แต่เพื่อที่จะช่วยชีวิตมารดา สุดท้ายจึงปลดปล่อยพลังที่แฝงเร้นอยู่ในกายออกมาได้

แต่ระหว่างที่เยี่ยเทียนไม่ทันได้ป้องกันตัว แรงกระแทกที่หลังครั้งนั้นก็ทำให้จุดตันเถียนตำแหน่งกลางและตำแหน่งล่างของเขาเสียหายหมด และพลอยทำให้เส้นลมปราณทั่วร่างเปราะขาดไปด้วย แม้ว่ากายเนื้อของเขาจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่อาจรวบรวมพลังปราณให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้อีกเลย

แต่หลังจากที่ปราณวิเศษอันอบอุ่นนี้ถ่ายเทเข้าสู่ร่าง ร่างกายของเยี่ยเทียนก็ราวกับไม้แห้งที่ฟื้นคืนชีพในฤดูใบไม้ผลิ เซลล์แต่ละเซลล์ในร่างกายต่างพยายามดูดซับปราณวิเศษเหล่านั้นไว้ เส้นลมปราณที่เคยเปราะแตกเสียหายก็เหมือนจะกำลังฟื้นฟูอย่างช้าๆ

แต่กระบวนการนี้ดำเนินไปอย่างแสนเชื่องช้า ถ้าจะเปรียบร่างกายของเยี่ยเทียนเป็นดั่งศิลาแกร่ง ปราณวิเศษที่แผ่ออกมาจากหยกชิ้นนั้นก็จะเปรียบเหมือนน้ำที่หยดใส่ศิลา ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงกายเนื้อของเยี่ยเทียนไปทีละน้อย จนประสบผลเหมือนน้ำที่หยดลงมาอย่างต่อเนื่องจนเกิดรูบนหินในที่สุด

การฝึกหลอมจิตดั้งเดิมนั้นแตกต่างจากการดูดซับปราณวิเศษมาบำรุงกายเนื้อในระดับขั้นหลอมปราณสู่จิต ในสถานการณ์เช่นนี้ จะต้องใช้ปราณวิเศษเป็นปริมาณมหาศาลอย่างยิ่ง

“มิน่าล่ะพวกผู้บำเพ็ญพรตถึงได้หายสาบสูญไปกันหมด ในโลกของปุถุชนฆราวาสนี่ไม่มีทางจะฝึกได้สำเร็จอยู่แล้วละ!”

หลังจากผ่านไปเพียงไม่กี่นาที ปราณวิเศษจากฟ้าดินที่สะสมอยู่ในหุบเขามานานไม่รู้กี่ปีแล้วนั้นก็ถูกเยี่ยเทียนดูดรับไปจนหมดไม่มีเหลือ เยี่ยเทียนจึงทำหน้าเจื่อนๆ ขึ้นมาเล็กน้อย

พลังฝีมือของเยี่ยเทียนเพิ่งจะเริ่มแตะถึงระดับเซียนเท่านั้น แต่ปราณวิเศษในฟ้าดินกลับไม่เพียงพอให้เขาใช้เสียแล้ว แล้วถ้าเป็นผู้บำเพ็ญพรตที่มีวิทยายุทธสูงส่งพวกนั้นล่ะ เวลาหายใจแต่ละทีมิสูบพลังปราณชีวิตเหล่านี้จนหมดเกลี้ยงไปเลยหรือ?

“เอ๊ะ นี่มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ?”

ขณะที่เยี่ยเทียนกำลังคิดจะหยุดการดูดรับปราณวิเศษจากภายนอกไปก่อน เพื่อที่จะตั้งจิตกับการดูดปราณวิเศษจากหยกมาบำรุงร่างกาย ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่า ปราณวิเศษชนิดร้อนในบ่อน้ำร้อนซึ่งมีไอน้ำลอยคลุ้งอยู่นั้นกำลังถูกจิตดั้งเดิมดูดเข้าไปทีละน้อย

นี่เป็นปราณวิเศษชนิดหนึ่งที่เยี่ยเทียนยังไม่เคยสัมผัสมาก่อน ซึ่งมีความบริสุทธิ์มากกว่าปราณวิเศษที่ล่องลอยอยู่ตามธรรมชาติมากนัก และก็มีแต่ปราณวิเศษของหยกที่อยู่ในฝ่ามือชิ้นนี้และหยกดำนั่นเท่านั้นที่พอจะเทียบเคียงได้

“หรือว่าปราณวิเศษนี่จะแผ่ออกมาจากสิ่งที่อยู่ในบ่อน้ำร้อนนั่น?”

เยี่ยเทียนความคิดโลดแล่น แบ่งจิตดั้งเดิมออกมาส่วนหนึ่ง แล้วส่งไปตรวจดูหยกดำขนาดเท่ากำปั้นทารกที่ซ่อนไว้ในอกเสื้อชิ้นนั้น เขาอยากจะเปรียบเทียบดูเสียหน่อยว่า ปราณวิเศษสองชนิดนี้แตกต่างกันตรงไหนบ้าง!

แต่ที่เยี่ยเทียนคาดไม่ถึงคือ เมื่อดวงจิตส่วนนั้นสัมผัสถูกหยกดำ ปราณวิเศษที่เย็นสุดขั้วสายหนึ่งก็สืบสาวตามดวงจิตนั้นเข้าไปในจิตดั้งเดิมของเยี่ยเทียน

“แย่ละ น้ำไฟไม่เข้ากัน!” เยี่ยเทียนตอบสนองอย่างรวดเร็ว แต่ขณะที่เขากำลังจะตัดขาดจากดวงจิตส่วนนั้น ก็สายเกินไปเสียแล้ว

ปราณวิเศษจากบ่อน้ำร้อนที่เก็บไว้ในจิตดั้งเดิมของเขา ตอนแรกยังนิ่งๆ อยู่นั้น กลับระเบิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน ราวกับว่ามันอยากจะขับปราณวิเศษอันเย็นเฉียบนั้นออกจากจิตดั้งเดิมของเยี่ยเทียน

แต่หยกดำที่อยู่ในอกเสื้อของเยี่ยเทียนก็ไม่ยอมแพ้ ส่งปราณวิเศษออกมามากขึ้นในเวลาเดียวกัน ปราณวิเศษที่มีธาตุแตกต่างกันทั้งสองชนิดจึงเริ่มต่อสู้กันภายในจิตดั้งเดิมของเยี่ยเทียน

“บัดซบ ทำไมเราถึงได้ทำผิดพลาดไปแบบนี้นะ?!”

เยี่ยเทียนร่ำร้องอยู่ในใจ ตอนนี้ถึงเขาจะอยากหยุดก็หยุดไม่ได้แล้ว ปราณวิเศษทั้งสองชนิดนั้นราวกับจะเห็นจิตดั้งเดิมของเขาเป็นสมรภูมิรบ จะต้องสู้กันจนกว่าจะตายไปข้างหนึ่งให้ได้

เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ทำให้เยี่ยเทียนรู้สึกทรมานอย่างเกินบรรยาย แต่ละครั้งที่ปราณวิเศษสองกลุ่มนั้นปะทะกัน ก็จะทำให้เขาปวดศีรษะราวกับจะระเบิด เพียงแต่ว่าการต่อสู้นั้นเกิดขึ้นภายในจิตดั้งเดิม เยี่ยเทียนอยากจะกู่ร้องออกมาก็ยังทำไม่ได้

และที่ทำให้เยี่ยเทียนตื่นตระหนกสุดขีดก็คือ บ่อน้ำร้อนที่อยู่ตรงหน้านั้นเหมือนจะรู้สึกว่าถูกยั่วยุหรืออย่างไรไม่ทราบ จึงปล่อยพลังปราณชีวิตที่เข้มข้นจนแทบจะจับต้องได้ออกมา พลังปราณชีวิตทั้งหมดถ่ายเทเข้าสู่จิตดั้งเดิมของเยี่ยเทียน จนจิตดั้งเดิมของเขาแทบจะระเบิดอยู่แล้ว

เมื่อถึงระดับเซียนแล้ว แม้จะต้องการปราณวิเศษเป็นปริมาณมาก แต่ก็มีขีดจำกัดอยู่เช่นกัน เหมือนกับแก้วใบหนึ่งที่ใส่น้ำไว้จนเต็มแล้ว ถ้าเทน้ำลงไปอีก น้ำในแก้วก็จะล้นออกมา

ยามนี้จิตดั้งเดิมของเยี่ยเทียนก็เปรียบได้กับแก้วใบหนึ่ง หลังจากพลังปราณชีวิตปริมาณมหาศาลนั้นไหลบ่าเข้ามา ก็บีบอัดปราณวิเศษที่แผ่ออกมาจากหยกดำไปรวมกันที่มุมหนึ่ง นอกจากนี้ปราณวิเศษที่เหลือยังแผ่ซ่านเข้าไปทางรูขุมขนบนผิวหนังของเยี่ยเทียนอีกด้วย

“บ้าเอ๊ย นี่จะเอาให้ถึงตายกันเลยใช่ไหม?”

เยี่ยเทียนรู้สึกว่าร่างกายเป็นเหมือนลูกโป่งที่พองขึ้นมา ในทุกๆ เซลล์เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังปราณชีวิตเหล่านั้น แต่เขายังไม่ทันจะคิดหาหนทางออกมาได้ สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปอีก

บนผาหินสูงสิบกว่าเมตรที่อยู่ข้างหลังเยี่ยเทียน มีคลื่นของปราณวิเศษแผ่ออกมาโดยไม่ทราบที่มา เยี่ยเทียนยังไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบโต้ ปราณวิเศษซึ่งมีลักษณะเหมือนกับปราณของหยกดำนั้นทุกประการ ก็เข้าไปร่วมสมรภูมิในจิตดั้งเดิมด้วยอย่างฉับพลัน

“อ้าว อยู่ๆ มันโผล่มาจากไหนเนี่ย?”

ยามนั้นเยี่ยเทียนแทบจะสิ้นหวังอยู่แล้ว ถ้ามีแค่พลังปราณชีวิตจากบ่อน้ำร้อนนั่น เมื่อปราณวิเศษของหยกดำขับมันออกไปได้แล้วทุกอย่างก็น่าจะสงบลงได้ แต่นี่จู่ๆ ก็มีปราณวิเศษมาจากไหนก็ไม่รู้ จึงยิ่งทำให้การต่อสู้คุกรุ่นมากขึ้นไปอีก

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดของเยี่ยเทียนยังไม่จบเท่านั้น ปราณวิเศษกลุ่มนั้นซึ่งก็มีปริมาณมหาศาลเช่นกันไม่เพียงแต่ร่วมการต่อสู้ในจิตดั้งเดิมเท่านั้น ยังแบ่งตัวออกมาส่วนหนึ่งแล้วเข้าไปในร่างกายของเยี่ยเทียนอีกด้วย

หนึ่งเย็นหนึ่งร้อน หนึ่งน้ำแข็งหนึ่งไฟ จากจิตดั้งเดิมไปจนถึงกายเนื้อ การปะทะชนกันแต่ละครั้งทำให้เยี่ยเทียนรู้สึกราวกับกำลังนั่งอยู่ท่ามกลางกองเพลิงและน้ำแข็งที่สลับกันรุมเร้า สีหน้าเดี๋ยวก็ดำเดี๋ยวก็ขาว รู้สึกทรมานจนเขานึกอยากจะตายไปเสียเดี๋ยวนั้นเลย

“จบเห่แล้ว เราจะต้องมาจบสิ้นที่นี่จริงๆ รึเนี่ย?”

สติของเยี่ยเทียนเริ่มเลอะเลือนไปแล้ว ตอนนี้เขาสูญเสียการควบคุมทั้งจิตดั้งเดิมและกายเนื้อ ต่อให้อยากจะเรียกจิตดั้งเดิมกลับมาก็ทำไม่ได้แล้ว

เดิมทีจิตดั้งเดิมของเยี่ยเทียนก็ไม่ได้รวมเป็นเนื้อเดียวกันอยู่แล้ว ตอนนี้เมื่อถูกปราณวิเศษร้อนและเย็นกระทบกระเทือนอีก จึงเริ่มคลายตัวออกจากกันอย่างช้าๆ

ส่วนการกระทบกระเทือนจากปราณวิเศษในกายเนื้อนั้น ก็ยิ่งทำให้ร่างกายของเยี่ยเทียนบาดเจ็บเสียหายอย่างเละเทะ เส้นลมปราณที่หินวิเศษสีเทาครามก้อนนั้นช่วยฟื้นฟูขึ้นมาแล้ว ก็ถูกทำลายไปจนหมดในชั่วพริบตา

เคราะห์ดีที่ตอนนี้จิตดั้งเดิมของเยี่ยเทียนไม่อยู่กับร่าง ไม่เช่นนั้นแล้ว ความเจ็บปวดภายในร่างกายระดับนี้ แม้แต่เยี่ยเทียนเองก็คงไม่อาจทนทานได้เช่นกัน

“ตูม!” หลังจากการปะทะครั้งหนึ่ง เยี่ยเทียนรู้สึกราวกับจิตดั้งเดิมถูกค้อนหนักทุบใส่ จนเขาไม่อาจทนต่อไปได้อีก จึงหมดสติไปทันที

แต่แม้ว่าเยี่ยเทียนจะสลบไปแล้ว ปราณวิเศษสองชนิดนั้นก็ยังไม่หยุดปะทะกันเลย ยังคงใช้เยี่ยเทียนเป็นสื่อกลาง ต่อสู้ชิงชัยกันอย่างเต็มที่ ปราณวิเศษที่เริ่มบ้าคลั่งมากยิ่งขึ้นนั้นทำให้มีโลหิตซึมออกมาจากรูขุมขนทั่วร่างของเยี่ยเทียน

เยี่ยเทียนในตอนนี้ไม่สามารถจะประคองร่างอยู่ในท่านั่งได้แล้ว ร่างจึงล้มฟุบลงไปกับพื้น และชักกระตุกเป็นครั้งคราวเนื่องจากการปะทะกันของปราณภายในกาย แต่อุ้งมือข้างขวาของเขากลับยังกำหยกสีครามชิ้นนั้นไว้แน่น

และในขณะนั้นหยกชิ้นนี้ก็ได้เข้าไปสู่จิตดั้งเดิมของเยี่ยเทียนแล้วเช่นกัน ปราณวิเศษที่มันแผ่ออกมาดูเหมือนจะไม่ได้ถูกปราณวิเศษสองชนิดนั้นปฏิเสธขับไล่เลย และก็เป็นเพราะว่ามีมันอยู่ จิตดั้งเดิมของเยี่ยเทียนจึงยังไม่สลายตัวไป

ขณะนี้ภายในจิตดั้งเดิมและในกายเนื้อของเยี่ยเทียนเปรียบได้กับการโรมรันระหว่างสองแคว้น นอกจากนี้ยังมีอีกฝ่ายหนึ่งคอยไกล่เกลี่ยประนีประนอมอยู่ แต่ฝ่ายที่เข้ามาไกล่เกลี่ยนั้นอ่อนแอเกินไป การต่อสู้จึงยังคงดำเนินต่อไป

เวลาเคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่ทราบว่าผ่านไปนานเท่าใด จู่ๆ หยกที่อยู่ในกำมือของเยี่ยเทียนก็ระเบิดปราณวิเศษอันแข็งแกร่งออกมา ขณะเดียวกันปราณนั้นก็ถ่ายเทเข้าสู่จิตดั้งเดิมและกายเนื้อของเขา

ในขณะที่กำลังแผ่ปราณวิเศษออกมา หยกในกำมือชิ้นนั้นก็เปลี่ยนสภาพกลายเป็นผุยผง แต่ปราณวิเศษที่แข็งแกร่งเหนือธรรมดานั้นก็ได้เปลี่ยนแปลงสมดุลของการต่อสู้นั้นไปแล้ว

เพราะผ่านการโรมรันกันมาเป็นเวลานาน ปราณวิเศษธาตุน้ำและธาตุไฟซึ่งไม่เข้ากันนั้นจึงสงบลงกว่าเมื่อก่อนหน้านี้เล็กน้อย

เมื่อปราณวิเศษธาตุไม้แข็งแกร่งขึ้นมาอย่างกะทันหัน ถึงกับสามารถแยกปราณวิเศษสองชนิดนั้นออกจากกันได้อย่างชัดเจนราวกับการแบ่งเขตแดนระหว่างแคว้น และยังโคจรตามวิถีในจิตดั้งเดิมของเยี่ยเทียนได้เองโดยไม่ต้องควบคุมอีกด้วย

ภายในกายเนื้อของเยี่ยเทียนก็กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงในลักษณะเดียวกัน ปราณวิเศษสองชนิดที่อาละวาดไปทั่วภายในร่างของเขานั้น ถูกบีบอัดไปไว้ที่จุดตันเถียนตำแหน่งล่างของเขาจนหมด และก่อตัวเป็นรูปสัญลักษณ์หยินหยาง

เส้นแบ่งที่ตรงกลางสัญลักษณ์หยินหยางนั้น ก็ก่อขึ้นจากปราณวิเศษของหินวิเศษธาตุไม้นั่นเอง ปราณวิเศษชนิดนี้ไม่ได้สลายหายไปเลย กำลังดูดพลังงานจากปราณวิเศษสองกลุ่มนั้นอย่างช้าๆ ทำให้ทั้งสองฝ่ายเริ่มผสมผสานกลมกลืนขึ้นมา

ตอนแรกรูปสัญลักษณ์หยินหยาง หนึ่งดำหนึ่งขาวนั้นก็ยังมีสภาพไม่คงที่ แต่เมื่อจิตดั้งเดิมของเยี่ยเทียนค่อยๆ ฟื้นฟูขึ้นมา มันก็เริ่มเข้าไปอยู่ในจุดตันเถียนของเขาอย่างช้าๆ ขณะเดียวกันก็แผ่ปราณแท้ออกมาสายหนึ่ง หล่อเลี้ยงร่างกายของเยี่ยเทียนไว้

บนท้องฟ้าเหนือหุบเขานั้นดวงอาทิตย์ขึ้นและตกสลับกันไปเป็นวัฏจักร เพียงชั่วพริบตาก็ผ่านไปครึ่งเดือน จิตดั้งเดิมที่ยังคงอยู่นอกร่างของเยี่ยเทียนนั้น ตอนนี้ก็มีตา จมูก ใบหู และเค้าโครงหน้าที่สมบูรณ์แล้ว ซึ่งจะเรียกว่าเป็นเยี่ยเทียนขนาดพกพาเลยก็ว่าได้

ขณะเดียวกัน ภายในร่างกายของเยี่ยเทียนก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงราวกับพลิกฟ้าดินเช่นกัน เนื่องจากปราณแท้ที่กำเนิดมาจากรูปสัญลักษณ์หยินหยางนั้น ได้ปรับเปลี่ยนกายเนื้อของเยี่ยเทียนไปทั้งหมด

ที่น่าตกตะลึงมากที่สุดคือ จุดสีดำและจุดสีขาวในรูปสัญลักษณ์หยินหยางที่จุดตันเถียนนั้น กลับก่อตัวขึ้นเป็นเม็ดพลังเน่ยตัน (ตันภายใน) สองดวงที่กำลังหมุนโคจรอยู่ตลอดเวลา ทำให้ปราณแท้ที่ล่องลอยอยู่ในกายของเยี่ยเทียนเริ่มโคจรไหลเวียนอย่างต่อเนื่อง