ภาค 8 ทะยานฟ้า โอบกอดจันทร์ บทที่ 727 เดินไม่เปลี่ยนชื่อ นั่งไม่เปลี่ยนแซ่

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ไป๋จื่อหมิงมองสตรีนางนั้นพลางพูดว่า “นางยังมีสหายด้วย แต่แยกกันหนี อีกคนหนึ่งคือยอดฝีมือที่อยู่ในระดับสูงสุดของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้าย ท่านเจิ้ง ศิษย์ของประมุขอาคเนย์กำลังขับเรือนภาร่อนวายุไล่ตามอยู่”

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าด้วยความเข้าใจ ไป๋จื่อหมิงตอนนี้กอดขาเขาโถงทองแน่น ย่อมต้องพยายามอย่างเต็มที่

ผู้อาวุโสจากหอกระบี่ทะเลเหนือที่อยู่ด้านข้าง ในฐานะหนึ่งในขุมกำลังที่เคลื่อนไหวในทะเลหวงเจีย จึงช่วยเหลือลูกศิษย์ของประมุขอาคเนย์จับคน

การแยกกับพวกเจิ้งหมิงก่อนหน้านี้ อีกฝ่ายกำลังตรวจสอบเรื่องที่เยี่ยซินถูกโจมตีบนทะเลหวงเจีย

บังอาจลงมือคิดสังหารคนรุ่นหลังที่เป็นลูกศิษย์ของประมุขอาคเนย์บนอาณาเขตตะวันอาคเนย์ พวกเจิ้งหมิงย่อมถูกสะกิดโทสะ

แต่ว่าสตรีตรงหน้าย่อมไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน

แม้เยี่ยนจ้าวเกอจะเยาะว่าเบญจจริยาของนางไม่ครบ เป็นหงส์อมตะไร้ขน แต่นั่นเพราะเปรียบเทียบกับความรอบรู้ของเขาเท่านั้น

สามารถใช้พลังบารมี และกุศลซ่อนเพิ่มพลังได้ ผู้ที่รับสืบทอดวรยุทธ์นี้ ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา

อาศัยเพียงข้อนี้ ก็หนือกว่าวรยุทธ์ของขุมกำลังต่างๆ เช่น หอกระบี่ทะเลเหนือ สำนักแสงสว่าง สำนักความมืด หรือแม้แต่ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องแล้ว

สามารถเทียบเคียงได้กับผู้สืบทอดของผู้วิเศษเซิงที่ได้รับคัมภีร์นภากาลเวลา

นอกจากนั้นยังบอกไม่ได้ว่าเป็นเพราะสตรีนางนี้มือไม่ถึง หรือวรยุทธ์ของนางมีจุดบกพร่องอยู่แล้ว

ถ้าหากว่าวรยุทธ์ของนางมีเบญจจริยาอยู่ด้วยกัน เช่นนั้นก็จะเทียบเคียบได้กับกระบวนท่าอย่างคัมภีร์เกิดนภา และคัมภีร์พลิกนภา

เมื่อมีวิชาวรยุทธ์เช่นนี้ จะต้องมีเบื้องหลังบนโลกซ้อนโลกไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ในตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอจึงพิจารณาสตรีวัยกลางคนผู้นี้ด้วยความสนใจ

อีกฝ่ายมองเยี่ยนจ้าวเกอกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกอย่างสงสัยเช่นกัน

‘ข้าหลอมแสงม่วงบารมีและปราณขาวกุศลซ่อนในวิชาที่ข้าฝึกฝนสำเร็จ แต่กลับสู้คนผู้นี้ไม่ได้ วรยุทธ์ที่เขาฝึกปรือคืออะไรกันแน่ เหตุใดถึงสะท้อนญาณจริงแท้ของคุนเผิงที่บริสุทธิ์โดยสมบูรณ์เช่นนี้ได้?’ สตรีวัยกลางคนสูดลมหายใจเย็นเยียบ ‘เหมือนกับคุนเผิงร่างคนตัวหนึ่ง’

ไป๋จื่อหมิงกับผู้อาวุโสจากหอกระบี่ทะเลเหนือคนนั้น ครั้งนี้มองเยี่ยนจ้าวเกอกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกอย่างเงียบๆ ตกตะลึงในใจ

สตรีนางนี้ดุร้ายขนาดไหน พวกเขาได้เรียนรู้มาอย่างเต็มที่แล้ว

อย่าเห็นว่าพวกเขาไล่ตามอีกฝ่าย แต่ความจริงเป็นเพราะถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นผู้มาจากที่อื่น ร่องรอยรั่วไหล กลัวจะถูกรุมโจมตีเพิ่มอีก

โดยเฉพาะยังกลัวว่าเจิ้งหมิงจะขับเรือนภาร่อนวายุไล่ตามมา ดังนั้นจึงไม่คิดสู้ หนีตายตลอดทาง

หากหมายจะต่อสู้จริงๆ ถึงแม้จะเกิดความรู้สึกพ่ายแพ้ แต่ไป๋จื่อหมิงก็ต้องยอมรับว่า ตนที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ ขั้นเทวะสำแดงระยะต้นเหมือนกัน กลับไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางโดยสิ้นเชิง โลกซ้อนโลกเป็นดินแดนของพยัคฆ์และมังกร ทำให้ความฮึกเหิมก่อนที่เขาจะลอยขึ้นมากลายเป็นความระมัดระวังโดยสมบูรณ์แล้ว

ดีที่ผู้อาวุโสหอกระบี่ทะเลเหนือซึ่งร่วมทางมาด้วยเป็นยอดฝีมือที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้า ขั้นเทวะสำแดงระยะกลาง มีพลังไม่ธรรมดา ไม่อย่างนั้นไม่ทราบว่าใครจะไล่ล่าใครกันแน่

ผู้อาวุโสจากหอกระบี่ทะเลเหนือผู้นั้นมีความรู้สึกคล้ายกัน เขาแม้ว่าจะมีระดับสูงกว่าหนึ่งขั้น แต่หากต่อสู้กับสตรีวัยกลางคนตรงหน้านี้ ก็ใช่ว่าจะเอาชนะได้ง่ายๆ

กระนั้นสตรีวัยกลางคนผู้นี้กลับสู้ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้!

ผู้อาวุโสจากหอกระบี่ทะเลเหนือผู้นี้เพิ่งคิดจะทักทายร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก ดวงตาพลันกลายเป็นเคร่งขรึม ความตกใจบนใบหน้าเด่นชัดกว่าเดิม

เยี่ยนจ้าวเกอยามนี้ค่อยเอ่ยถาม “เป็นลูกศิษย์ของประมุขอุดรหรือ?”

ตามคำพูดในตอนแรกของเยี่ยซิน คนที่คิดสังหารนางมาจากเขตเพลิงอุดร

สามารถมีวิชาวรยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ ในเขตเพลิงอุดรย่อมมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นลูกศิษย์ของประมุขอุดร

สตรีวัยกลางคนแค่นเสียง ไป๋จื่อหมิงตอบ “ตามคำพูดของท่านเจิ้ง นางเป็นลูกศิษย์ของประมุขอุดรจริงๆ สหายเยี่ยซินไม่รู้จัก แต่ท่านเจิ้งรู้จัก”

เยี่ยนจ้าวเกอยักไหล่ “ไม่ทราบว่าชื่ออะไร?”

อีกฝ่ายตอบอย่างเย็นชา “ข้าหวังฮุ่ย พวกท่านเล่าเป็นใคร?”

สายตาของนางมองร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกก่อน แม้จะเป็นเจิ้งหมิงกับเฉินจื้อเหลียงซึ่งเป็นลูกศิษย์ของประมุขอาคเนย์ เมื่ออยู่ในระดับเดียวกันก็ใช่ว่าจะเอาชนะนางได้ พลังของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกทำให้นางสนใจจริงๆ

“ท่านสมควรหลอมแค่จุดลมปราณจุดเดียวให้ประสานเสียงกับดวงดาวสำเร็จ เพิ่งเลื่อนเป็นขั้นเทวะสำแดงระยะแรกได้ไม่นาน กลับมีพลังฝึกปรือขนาดนี้แล้ว อาจารย์ของท่านสมควรไม่ใช่คนไร้ชื่อจึงจะถูก” หวังฮุ่ยกล่าวเสียงทุ้ม “จุดลมปราณจุดแรกที่ท่านหลอมเป็นเทวะ ถึงกับเป็นจุดไป๋ฮุ่ย ดวงดาวที่ประสานเสียงถึงกับเป็นดาวจักรพรรดิสวรรค์[1]เลยหรือ?”

นางประมือกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกด้วยร่างกายของตัวเอง จึงสัมผัสถึงความแข็งแกร่งของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกได้มากที่สุด

ครั้นได้ยินประโยคนี้ ไป๋จื่อหมิงกับผู้อาวุโสจากหอกระบี่ทะเลเหนือคนนั้นต่างตกใจ

ดาวจักรพรรดิสวรรค์ หรือดาวเหนือ เป็นหนึ่งในตัวตนที่สุดยอดที่สุดท่ามกลางหมู่ดวงดารา

จุดไป๋ฮุ่ยบนศีรษะเป็นหนึ่งในจุดลมปราณที่สำคัญที่สุดของร่างกายเช่นกัน

ปกติแล้ว จุดลมปราณเช่นนี้ไม่ได้หลอมเป็นเทวะง่ายขนาดนั้น มีจุดลมปราณแรกที่เชื่อมต่อกับจักรวาลภายในภายนอกในตอนที่เลื่อนเป็นขั้นเทวะสำแดงของคนน้อยคนเท่านั้น ที่จะเป็นจุดลมปราณสำคัญเช่นจุดไป๋ฮุ่ย

จุดลมปราณอื่นหากได้รับความเสียหายยังพอว่า แต่ถ้าจุดลมปราณสำคัญอย่างจุดไป๋ฮุ่ยได้รับความเสียหาย ก็อาจจะทำให้เสียชีวิตได้

หวังฮุ่ยมีจุดลมปราณไม่ต่ำกว่าหนึ่งจุดที่หลอมเป็นเทวะแล้ว แต่ก็ไม่มีจุดใดที่เป็นจุดลมปราณใหญ่ซึ่งเทียบเคียงได้กับจุดไป๋ฮุ่ย

ทว่าหลังจากมองเห็นร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกอย่างละเอียดครู่หนึ่ง สายตาของหวังฮุ่ยก็ปรากฏข้อสงสัย

สายตาของนางเลื่อนสับไปสับมาระหว่างตัวเยี่ยนจ้าวเกอและร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก “ท่าน…ท่านหรือว่า…”

ผู้อาวุโสจากหอกระบี่ทะเลเหนือถอนใจคำหนึ่ง “จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นรวมรูปถึงกับหลอมร่างแยกของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในขั้นเทวะสำแดงได้ นี่เป็นเรื่องประหลาดที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ”

สายตาของหวังฮุ่ยครั้งนี้ไม่มองร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกอีกต่อไป แต่ค้างอยู่บนตัวเยี่ยนจ้าวเกออยู่เนิ่นนาน

ในนาทีนี้หวังฮุ่ยให้ความสำคัญกับคนหนุ่มผู้ที่ไม่สะดุดตาก่อนหน้านี้ อย่างไม่เคยมีมาก่อน “ท่านเป็นใครกันแน่?”

เยี่ยนจ้าวเกอตอบ “ข้าแซ่เยี่ยน เยี่ยนจ้าวเกอ”

“ก่อนที่จะสู้กับท่าน ข้าไม่ทราบว่าท่านเป็นใคร เพราะท่านคิดจะกดดันให้ข้ากลับเข้าไปในกระแสปั่นป่วนของมิติเวลา ดังนั้นข้าจึงตอบโต้ท่านกลับไป ท่านเป็นลูกศิษย์ของประมุขอุดร ก่อนนี้กลับเสียมารยาทไปเสียแล้ว”

“เพราะเหตุใดท่านจึงมายังทะเลหวงเจียในเขตตะวันอาคเนย์ อีกทั้งยังคิดจะฆ่าคนปิดบางเพื่ออำพรางร่องรอย ข้าไม่อยากจะรับรู้ แต่ตัวข้า ผู้อาวุโสเจิ้ง และผู้อาวุโสเฉินซึ่งเป็นลูกศิษย์ของประมุขอาคเนย์รู้จักกัน การช่วยเหลือพวกเขาอีกแรงถือว่าเหมาะสม”

ชายหนุ่มมองหวังฮุ่ย และจานฝนหมึกสีทองที่ลอยกลับมาในมือนาง “ท่านมีพลังแข็งแกร่ง แต่ท่านคิดจะไปยังไม่ง่ายขนาดนั้น”

หวังฮุ่ยกวาดมองไป๋จื่อหมิง “เมื่อครู่เขาเพิ่งบอกว่ าท่านแซ่เยี่ยน ดูเหมือนชื่อที่ท่านบอกจะเป็นชื่อจริง”

เยี่ยนจ้าวเกอแบมือ “เดินไม่เปลี่ยนชื่อ นั่งไม่เปลี่ยนแซ่ ข้าเป็นเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไร”

นางกล่าวอย่างราบเรียบ “หากจะบอกว่าเปิดเผยไร้เล่ห์เหลี่ยม มิสู้บอกว่าเป็นความฮึกเหิมและความทะนงตนของคนหนุ่มไม่เคยถูกกระทบกระเทือน คนอย่างท่านต้องเตรียมใจตายไว้ให้ดี โลกใบนี้ใหญ่กว่าที่ท่านจะจินตนาการ ผู้มีความสามารถเองก็มีเยอะกว่าที่ท่านจะคาดถึง”

เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ “คำพูดนี้ถูกต้อง ทุกคนมาพยายามไปด้วยกันเถอะ”

หวังฮุ่ยพยักหน้า ไม่กล่าวอันใดอีก แต่สายตากลับเปลี่ยนเป็นอันตรายขึ้นมา

นางพลันขยับท่าร่าง เข่นฆ่ามาถึงเบื้องหน้าเยี่ยนจ้าวเกอในชั่วพริบตา!

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกขมวดคิ้ว ขวางหวังฮุ่ยไว้

ทว่าในตอนนั้นเอง บนร่างของหวังฮุ่ยมีแสงสายหนึ่งสว่างวาบขึ้น พลันปรากฏเงาคนอีกคน พุ่งเข้ามาหาตัวเยี่ยนจ้าวเกอ!

………………..

[1] ดาวจักรพรรดิสวรรค์ (紫微帝星) หรือที่รู้จักกันในนาม ‘ดาวจื่อเวย’ อยู่ในกลุ่มดาวเหนือ ถือเป็นสัญลักษณ์ของเง็กเซียนฮ่องเต้