ภาค 8 ทะยานฟ้า โอบกอดจันทร์ บทที่ 728 ข้าเองก็ชอบบี้ลูกพลับอ่อนเช่นกัน

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เงาคนสายนั้นปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าเยี่ยนจ้าวเกออย่างฉับพลัน กลับเป็นคนหนุ่มในอาภรณ์สีแดงผู้หนึ่ง

ทั่วร่างของคนหนุ่มในอาภรณ์สีแดงผู้นี้มีเพลิงผลาญไร้ขอบเขตม้วนพัด เขาตั้งฝ่ามือประดุจดาบ ฟันมาใส่เยี่ยนจ้าวเกอดุจหงส์เพลิงสยายปีก

เยี่ยนจ้าวเกอกะพริบตา อีกฝ่ายเป็นจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม ขั้นรวมรูประยะท้าย ภายนอกดูอ่อนเยาว์ แต่ความจริงเป็นยอดฝีมือมาหลายปีแล้ว

ในการต่อสู้ระหว่างพวกหวังฮุ่ยกับไป๋จื่อหมิง รวมถึงในการประมือระหว่างหวังฮุ่ยและร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเมื่อก่อนหน้านี้ เขาคิดจะช่วยเหลือ แต่กลับไร้พลัง

ทว่าในตอนนี้หวังฮุ่ยบังคับจานฝนหมึกสีทองไปขวางพวกไป๋จื่อหมิงไว้ ตัวนางเข้าปะทะกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกอีกครั้ง บุรุษผู้นี้กลับโจมตีใส่เยี่ยนจ้าวเกอ!

“จับเขาไว้ กดดันให้เขาบังคับร่างแยกระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงของเขาให้ไปช่วยเหลือ พวกเราจะมีโอกาสรอด!”

ไม่จำเป็นต้องบอกอย่างละเอียด ศิษย์พี่ศิษย์น้องหวังฮุ่ยก็กำหนดแผนการได้แล้ว

เยี่ยนจ้าวเกอที่ก่อนหน้านี้ดูเหมือนไร้ความสำคัญ เป็นแค่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหนึ่ง พลันกลายเป็นอัคคีลวกมือ[1]ในสายตาของพวกหวังฮุ่ย

เหมือนกับเป็นกุญแจที่ใช้แก้ไขสถานการณ์ตรงหน้า

ขณะมองอีกฝ่ายที่ฟันดาบเขเท่ แต่เป้าหมายที่แท้จริงคือการครอบคลุมสี่ทิศ ตัดทางถอยของตน เยี่ยนจ้าวเกอก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้

เขาไม่ได้หลบหลีกอย่างฉุกละหุกเหมือนที่อีกฝ่ายคาดไว้ กลับสืบเท้าเข้าไปหาประกายดาบเพลิงสายนั้น

บุรุษในอาภรณ์สีแดงงงงันเล็กน้อย คิดไม่ออกว่าเหตุใดจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหนึ่ง ขั้นรวมรูประยะต้นจึงกล้าทำเช่นนี้

การกระทำของเขา มองไปไม่แตกต่างกับการหาที่ตาย เหมือนกับเอาตัวพุ่งเข้าหาคมดาบเปลวเพลิง

เยี่ยนจ้าวเกอยกฝ่ามือของตัวเองขึ้นมาพลิกครั้งหนึ่ง กดทับใส่ศีรษะของอีกฝ่าย

บริเวณที่ฝ่ามือผ่าน เหมือนกับท้องฟ้าคล้อยต่ำลง!

คมดาบเปลวเพลิงที่ปกคลุมเยี่ยนจ้าวเกอไว้ทั่วทั้งสี่ทิศ ในยามนี้ต่างถูกบิดจนม้วนกลับไป

ตรงหน้าของบุรุษในอาภรณ์แดงปรากฏภาพหนึ่ง ท้องฟ้าเหนือศีรษะเหมือนกับพังทลาย และกำลังจะถล่มใส่หน้าของตัวเอง

เขาตื่นตะลึง ไม่คิดจะจับเป็นเยี่ยนจ้าวเกออีก ใช้พลังทั้งหมดกระตุ้นท่าดาบของตัวเอง

หงส์เพลิงสยายปีก เพลิงผลาญมากมายกลายเป็นคมดาบไร้สิ้นสุด ใช้สภาวะอัคคีลามทุ่มฟันใส่เยี่ยนจ้าวเกอ

เขาพบแล้วว่า คู่ต่อสู้ตรงหน้าไม่ธรรมดา!

ความคิดก่อนหน้านี้ของเขาและหวังฮุ่ยผิดพลาดโดยสิ้นเชิง

เยี่ยนจ้าวเกอไม่ใช่กุ้งตัวน้อยที่พวกเขาคิดว่าจะใช้มือจับมาได้ แต่เป็นศัตรูที่แข็งแกร่ง!

ตอนนี้เขาขอแค่สังหารเยี่ยนจ้าวเกอได้ก็พอ

เยี่ยนจ้าวเกอเหมือนไม่เห็นการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย ตบฝ่ามือหนึ่งลง!

ในสายตาของอีกฝ่ายเหมือนกับฟ้าถล่มทลายก็ไม่ปาน

แต่บุรุษอาภรณ์แดงที่ประจัญหน้ากับเยี่ยนจ้าวเกอกลับตื่นตระหนก ตรงหน้าไม่ได้มีแค่ท้องฟ้าถล่มเท่านั้น ฟ้าดินทั้งหมดเหมือนกับพลิกกลับในวินาทีนี้!

ฟ้าดินพลิกกลับ เอกภพสับเปลี่ยน!

ท่ามกลางมหันตภัยอันน่าพรั่นพรึงชนิดฟ้าพลิกดินคว่ำนี้ เพลิงโหมมากมายดับลงอย่างง่ายดาย เหมือนกับไฟเทียนอันอ่อนแรงกลางพายุ

เขาส่งเสียงกู่ร้อง เพลิงผลาญม้วนพัด กลายเป็นหงส์เพลิงสีแดงชาดสายหนึ่ง ก่อนจะถอยไปด้านหลัง!

แสงไฟเคลื่อนไหวกลางฟ้าดิน คิดจะหนีเอาชีวิตรอดออกจากภัยพิบัติพลิกฟ้าพลิกดินตรงหน้า

ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะขึ้น ก่อนจะยกอีกมือหนึ่งขึ้นมา แล้วตบสองมือลงด้านล่างพร้อมกัน!

ไม่เพียงแต่ในห้วงสติของบุรุษอาภรณ์แดงเท่านั้น ที่ว่างของจริงกลับถูกเยี่ยนจ้าวเกอฟาดจนพังทลาย!

บุรุษผู้นั้นไม่อาจหลบเลี่ยง ได้แต่ตะโกนขึ้น สองมือดันออกด้านบน รีบป้องกันสองมือที่เยี่ยนจ้าวเกอฟาดลงมา

เพียงแต่ในพริบตาที่ทั้งสองฝ่ายสัมผัสกัน บุรุษอาภรณ์แดงก็ร่างสั่นสะท้าน กระดูกส่งเสียงกร๊อบๆ เหมือนกับถูกเยี่ยนจ้าวเกอกระแทกลงไปใต้ดิน

‘พลังมากมายขนาดนี้เชียว?! นี่คือจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นรวมรูประยะต้น?’ บุรุษในชุดสีแดงอ้าปากตาค้าง ‘แค่วัดกำลังกัน ขั้นเทวะสำแดงระยะต้นก็ไม่เป็นเช่นนี้กระมัง?’

เขาแค่นเสียง บนร่างปรากฏแสงสีม่วงพร่างพราวขึ้น

แสงสีม่วงกระจายไปทั่ว ต้านทานฝ่ามือที่เยี่ยนจ้าวเกอกดลงมา ทำให้บุรุษอาภรณ์แดงผู้นี้รอดจากการถูกบดร่างป่นกระดูก

เมื่อเห็นว่าบนร่างของบุรุษอาภรณ์แดงปรากฏแสงม่วงบารมีเช่นกัน เยี่ยนจ้าวเกอก็หัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ “ท่านหลอมปราณขาวกุศลซ่อนได้แล้วหรือ?”

ภายใต้การกระตุ้นจากวิชาดัชนีฟ้าคำรน เยี่ยนจ้าวเกอใช้หนึ่งฝ่ามือต่อด้วยอีกหนึ่งฝ่ามือ พลังฝ่ามืออันน่าสะพรึงถูกกระตุ้นติดต่อกันโดยไม่หยุดพัก เหมือนฟ้าผ่าครั้งแล้วครั้งเล่า

พลังอันน่ากลัวของการพลิกฟ้าพลิกดิน พลิกกวนแสงม่วงบารมีที่คุ้มกันบุรุษอาภรณ์แดงอย่างต่อเนื่อง

จิตพลังอันน่าสะพรึงซึ่งเป็นจิตจริงแท้สองชนิด ที่กำหนดหลักการของจักวาลหลังจากแบ่งแยกฟ้าดิน ภายใต้การพลิกเปลี่ยนติดต่อกัน ต่อให้จะเป็นแสงม่วงบารมีที่รังสีสังหารไม่อาจส่งผล ก็เริ่มแตกสลาย!

ภายใต้สายตาอันตกตะลึงของบุรุษอาภรณ์แดงผู้นั้น แสงม่วงคุ้มกันกายของเขาก็ถูกเยี่ยนจ้าวเกอแหวกออก!

พลังที่เกรี้ยวกราดและทรงพลังรุกล้ำเข้าไปในร่างของเขา ทำให้กระดูกและเส้นเลือดทั่วร่างของเขากระเพื่อมและพังทลายพร้อมกัน!

กระนั้นสิ่งที่ทำให้เขาตกใจก็คือ ภายใต้พลังฝ่ามือจากรอยตราพลิกนภาอันน่ากลัวของเยี่ยนจ้าวเกอ ญาณจริงแท้อันเร่าร้อนประดุจอัคคีในร่างของเขา ถึงกับกลายเป็นความเย็นสุดขีด ถูกแช่งแข็งไปถึงวิญญาณ

“เจ้า….” บุรุษอาภรณ์แดงอ้าปาก ยังไม่ทันจะพูดจบ ก็ไม่อาจต้านทานฝ่ามือที่ฟาดลงมาของเยี่ยนจ้าวเกอได้อีก

ชายหนุ่มผลักฝ่ามือลงด้วยสภาวะมือเดียวบังฟ้า ฟาดศีรษะของอีกฝ่ายจนแยกออก ชีวิตดับสิ้นไป

“หยุดมือ!” หวังฮุ่ยคาดไม่ถึง จะเรียกจานฝนหมึกสีทองมาช่วยเหลือ แต่กลับถูกพวกไป๋จื่อหมิงขวางไว้

นางยิ่งเอาชนะร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกไม่ได้ จึงถูกร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกแทงหอกทะลุไหล่

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้มเรียบเฉย “ขอโทษด้วย วรยุทธ์ที่ข้าฝึกเวลาลงมือจะค่อนข้างรุนแรง ยากจะออมมือ ขอท่านโปรดอภัย”

หวังฮุ่ยกัดฟันกรอด จ้องมองเยี่ยนจ้าวเกอ “เจ้า…เจ้าถึงกับ…”

เยี่ยนจ้าวเกอปรบมืออย่างไม่สนใจ “อาจารย์ของท่านคือประมุขอุดรแน่นอน แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าท่านมีความสามารถของอาจารย์ท่าน ยิ่งไม่ได้หมายความว่าในตอนที่เผชิญหน้ากับพวกท่าน ข้าต้องงอมือให้ยอมจับปล่อยให้พวกท่านจัดการ

“พวกท่านคิดบี้ลูกพลับนิ่ม[2] เช่นนั้นนี่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่” เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะเหอะๆ “ข้าเองก็ชอบบี้ลูกพลับนิ่มเช่นกัน”

หวังฮุ่ยหน้ามืด เกือบกระอักเลือดออกมา

พวกไป๋จื่อหมิงมองเยี่ยนจ้าวเกออย่างตกตะลึงเช่นกัน

ถึงแม้จะได้ยินมาว่าเยี่ยนจ้าวเกอมีพลังกล้าแกร่งจนไม่อาจหยั่งประมาณ จอมยุทธ์คนอื่นในระดับเดียวกันไม่มีใครสู้เขาได้

กระนั้นเมื่อได้เห็นเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหนึ่ง สังหารคู่ต่อสู้ที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามด้วยฝ่ามือเดียว การกระทบกระเทือนนี้ยังทำให้พวกไป๋จื่อหมิงรู้สึกสันหลังเย็นวาบ

โดยเฉพาะ พลังของบุรุษในอาภรณ์สีแดงผู้นั้น ที่ความจริงแล้วไม่ได้อ่อนแอ ตรงกันข้าม เขาที่เป็นลูกศิษย์ของประมุขอุดรมีพลังโดดเด่นถึงขีดสุดในหมู่จอมยุทธ์ระดับเดียวกัน!

ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับเยี่ยนจ้าวเกอ ก็ยังแพ้อย่างไร้ข้อกังขา

‘ไม่ใช่เขาอ่อนแอ แต่เพราะเยี่ยนจ้าวเกอผู้นี้แข็งแกร่งเกินไป…’ ไป๋จื่อหมิงสูดลมหายใจเย็นเยียบ ‘ประเดี๋ยวก่อน สภาวะฝ่ามือของเขาเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แต่ไม่ได้เกรี้ยวกราดและทรงพลัง ทำให้คนเกิดความรู้สึกไม่อาจป้องกันเหมือนของเขา’

หวังฮุ่ยคิดเสี่ยงชีวิต แต่ว่าตอนนี้ไกลออกไปกลับมีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งลอยมา ทำให้ฟ้าดินสั่นไหว

เมฆหมอกแหวกออก ลมกรรโชกแรง เรือยักษ์ลำหนึ่งปรากฏขึ้นในครรลองสายตาของทุกคน เป็นเรือนภาร่อนวายุนั่นเอง

เจิ้งหมิงยืนอยู่บนเรือ สีหน้าถมึงทึงยิ่ง

พวกเยี่ยนจ้าวเกอและไป๋จื่อหมิงมองเขาแวบหนึ่ง ก็ทราบว่ายอดฝีมือที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้ายซึ่งเขาสะกดรอย น่าจะรอดเงื้อมมือไปได้

เมื่อเห็นหวังฮุ่ย เจิ้งหมิงพลันถอนใจเสียงหนึ่ง

………………..

[1] อัคคีลวกมือ สุภาษิตจีน หมายถึง คนที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจ

[2] ลูกพลับนิ่ม หมายถึง คนอ่อนแอ