ภาค 8 ทะยานฟ้า โอบกอดจันทร์ บทที่ 729 ผลลัพธ์ของการเสี่ยงชีวิตสุดกำลัง

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เรือนภาร่อนวายุแม้จะแข็งแกร่ง แต่ถึงอย่างไรก็เป็นสิ่งของ ต่อให้จะมีพลังกล้าแข็ง แต่ก็ไม่ปราดเปรียวพอ

ลูกศิษย์ของประมุขอุดร รับสืบทอดม้วนคัมภีร์ร่างจริงแท้ของหงส์อมตะ อันเป็นวรยุทธ์ของประมุขอาคเนย์ หลอมร่างจริงแท้ของหงส์อมตะเพลิง ฝึกฝนจิตจริงแท้เบญจจริยา

ถ้าหากหลอมปราณขาวกุศลซ่อนสำเร็จ ฟ้าจะให้โอกาสรอดครั้งหนึ่ง ในสถานการณ์ที่คิดหนี ยากจะรั้งตัวไว้ได้

พลังของอีกฝ่ายจะต้องเหนือกว่าขั้นหนึ่งอย่างชัดเจน หรือไม่ก็มีวิชาพิเศษ จึงจะมีโอกาส

เจิ้งหมิงขับเคลื่อนเรือนภาร่อนวายุ อีกฝ่ายไม่อาจรับมือ ทว่าอีกฝ่ายก็ไม่คิดจะชิงชัยกับเจิ้งหมิง ต้องการหนีอย่างเดียว สุดท้ายเขาก็ยังหนีรอดไปได้

กลับเป็นทางหวังฮุ่ย ที่ถูกขัดขวางไว้เพราะเยี่ยนจ้าวเกอ

ไป๋จื่อหมิงกับผู้อาวุโสหอกระบี่ทะเลเหนือต่างรู้สึกโชคดี กลับต้องยอมรับว่า ถ้าหากไม่ใช่เพราะเยี่ยนจ้าวเกออุดทางไว้พอดี พวกหวังฮุ่ยอาจจะหนีไปแล้วก็ได้

หวังฮุ่ยเห็นเรือนภาร่อนวายุ ก็เงยหน้าส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้ว จนปัญญาโดยสิ้นเชิง

ศิษย์ร่วมสำนักที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้ายสามารถเอาตัวรอดจากเรือนภาร่อนวายุได้ นางกลับไม่มีความสามารถนี้

เจิ้งหมิงปรบมือ บนเรือนภาร่อนวายุพลันมีแสงอัสดงสายหนึ่งพุ่งลงมา ม้วนหวังฮุ่ยขึ้นไป

หวังฮุ่ยไม่ขัดขืนอีก แต่อมองเยี่ยนจ้าวเกอไม่วางตา เหมือนกับกำลังบันทึกร่างของเขาไว้ในห้วงสมอง

เยี่ยนจ้าวเกอเก็บวังฝูงมังกร แล้วปีนขึ้นไปบนเรือนภาร่อนวายุพร้อมกับพวกไป๋จื่อหมิง

ทั้งสองฝ่ายคำนับกัน เจิ้งหมิงเอ่ยว่า “ทั้งสามท่านลงมือด้วยความยุติธรรม ข้าซาบซึ้งยิ่ง จะไม่สร้างความลำบากให้แก่พวกท่าน ถ้าหากประมุขอุดรเอาเรื่อง ท่านอาจารย์จะทรงรับไว้อีก”

พวกเยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า ต่างกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านเกรงใจไปแล้ว”

เจิ้งหมิงมองเยี่ยนจ้าวเกอ พูดว่า “สหายเยี่ยนครั้งนี้พบเจอกันโดยบังเอิญหรือว่าได้รับคำเชิญมา”

เยี่ยนจ้าวเกอพูดพลางยิ้ม “เพียงแค่บังเอิญ แต่ยังดีที่ช่วยเหลือได้”

เจิ้งหมิงพยักหน้า “อีกเดี๋ยวข้าจะคุมเป้าหมายที่จับได้ในครั้งนี้กลับเขาโถงทอง ขอให้ท่านอาจารย์ตัดสิน สหายเยี่ยนอยากจะตามข้าไปพบท่านอาจารย์ที่เขาโถงทองหรือไม่?”

ไม่รอให้เยี่ยนจ้าวเกอตอบ เจิ้งหมิงก็กล่าวเสริมว่า “ถ้าหากอยากจะอยู่ในทะเลหวงเจียต่อก็ไม่เป็นไร ศิษย์พี่ใหญ่ของข้ามาถึงที่นี่แล้ว ข้าจะแนะนำให้ท่านรู้จัก เมื่อมีเขาคอยดูแล ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวว่าคนของประมุขอุดรจะมาหาเรื่องอีก”

ในขณะที่เขาพูด สายตาก็มองไปยังผู้อาวุโสจากหอกระบี่ทะเลเหนือคนนั้น

ผู้อาวุโสจากหอกระบี่ทะเลเหนือสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ท่านเจิ้งกำลังจะบอกว่าหลินฮั่นหัว ‘ราชากระบี่ภูผาเงา’ ท่านหลินมาถึงแล้วหรือ?”

ลูกศิษย์อันดับหนึ่งของประมุขอาคเนย์ ยอดฝีมือที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด ขั้นสะพานเซียนระยะกลาง ‘ราชากระบี่ภูผาเงา’ หลินฮั่นหัว

ในยามปกติ ภารกิจทั่วไปของเขาโถงทองต่างมอบให้เขาจัดการ นอกเสียจากว่าจะเป็นเรื่องราวที่สำคัญเป็นพิเศษ ไม่เช่นนั้นจะไม่รบกวนประมุขอาคเนย์

อีกทั้งยังลือกันว่า หลินฮั่นหัวมีเบื้องหลังล้ำลึก ไม่ได้แค่มีสถานะเป็นลูกศิษย์ของประมุขอาคเนย์เท่านั้น

ถึงแม้ว่าหลินฮั่นหัวจะออกเดินทางในบางครั้ง ไม่ได้อยู่ในเขาโถงทองเพื่อซุ่มฝึกฝนเช่นประมุขอาคเนย์ แต่ก็มาที่ทะเลหวงเจียน้อยครั้ง

การมาเหยียบทะเลหวงเจียของหลินฮั่นหัวเมื่อครั้งล่าสุด เป็นตอนที่ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องที่เป็นแขกต่างแดนได้ตั้งรากฐานสร้างแผ่นดินบนทะเลหวงเจียเมื่อร้อยกว่าปีก่อน

หลังจากทั้่งสองฝ่ายสนทนาเป็นการลับ หลินฮั่นหัวก็เป็นตัวแทนประมุขอาคเนย์ อนุญาตให้พวกเสวี่ยนเหวินอ๋องตั้งหลักที่ทะเลหวงเจีย

เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง

ปัจจุบันเรื่องราวได้พิสูจน์แล้วว่า พวกเสวียนเหวินอ๋องและผู้วิเศษเซิงมีเจตนาร้ายแอบแฝงมาหลายปี อีกทั้งยังได้สะท้อนว่าการตัดสินใจในตอนนั้นของหลินฮั่นหัวมีจุดบกพร่อง

ชายหนุ่มรู้สึกยากจะคาดเดาความคิดเห็นที่ราชากระบี่ภูผาเงาผู้นี้มีต่อตัวเขา

“ได้ยินชื่อของท่านหลินมานาน หากมีวาสนาได้พบย่อมประเสริฐยิ่ง” เยี่ยนจ้าวเกอพูดพลางใคร่ครวญ

คนอื่นๆ ย่อมยินดีถึงขีดสุด

เรือนภาร่อนวายุกลับลำ แล่นไปยังที่ไกลออกไป เยี่ยนจ้าวเกอสังเกตทิศทางเล็กน้อย กลับเห็นเรือนภาร่อนวายุมุ่งหน้าไปยังหอสักการะย่อยสำนักความมืดที่ตนได้ทิ้งเครื่องหมายไว้ก่อนหน้านี้

เยี่ยนจ้าวเกอประหลาดใจเล็กน้อย “ราชากระบี่ภูผาเงาเป็นแขกของสำนักความมืดหรือ?”

เจิ้งหมิงถอนใจ “ไม่ใช่เช่นนั้น ฆารวาสเด็ดดาว ผู้อาวุโสกวนลี่เต๋อจู่ๆ ก็มายังทะเลหวงเจีย โจมตีที่อยู่ของสำนักความมืดด้วยสภาวะดุร้าย”

“ได้ยินมาว่าถูกสำนักความมืดปั่นหัวเพราะเรื่องสุสานจักรพรรดิประกายกาฬ จึงกลับมาแก้แค้นเนื่องจากอับอายกลายเป็นโทสะ”

เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินเช่นนี่น สีหน้าพลันปรากฏความประหลาดใจเล็กน้อย

เจิ้งหมิงว่า “ผู้อาวุโสกวนบอกอย่างชัดเจนว่ามาเพื่อแก้แค้นเท่านั้น ส่วนทุกสิ่งที่สำนักความมืดได้จากสุสานจักรพรรดิประกายกาฬ เขาไม่ขอมีส่วนร่วม”

“ศิษย์พี่ใหญ่พอดีอยู่ที่ทะเลหวงเจีย จึงรีบไปไกล่เกลี่ย เพื่อปกป้องการสืบทอดของสำนักความมืด ทว่าที่อยู่ของสำนักความมืดถูกทำลายไปแล้ว ยอดฝีมือในสำนักตายไปนับไม่ถ้วน”

“ผู้อาวุโสกวนจากไปแล้ว สำนักความมืดกลับแทบพินาศ ศิษย์พี่ใหญ่จึงรั้งอยู่ ตอนนี้น่าจะยังไม่ไปไหน” เจิ้งหมิงเอ่ย

เยี่ยนจ้าวเกอถาม “โจวฮ่าวเซิงเจ้าสำนักโจวยังอยู่หรือไม่?”

เจิ้งหมิงพยักหน้า “เจ้าสำนักโจวได้รับบาดเจ็บสาหัส ถ้าหากไม่ใช่เพราะศิษย์พี่ใหญ่สอดมือ เกรงว่าจะถูกผู้อาวุโสกวนฆ่าตายคาที่ไปแล้ว”

ชายหนุ่มถอนใจ นี่น่าจะเป็นเพราะพวกโจวฮ่าวเซิงเพิ่งออกจากสุสานจักรพรรดิ กวนลี่เต๋อก็มาถึงแล้ว

บางทีกวนลี่เต๋อหมายขัดขวางพวกเขาไว้ด้านนอกโลกซ้อนโลก ถึงเวลานั้นจะได้ไปทั้งคนทั้งของ ไม่มีใครรับรู้

ต่อมาขวางไว้ไม่สำเร็จ จึงเข่นฆ่ามาถึงทะเลหวงเจีย

พวกโจวฮ่าวเซิงจากสำนักความมืดในตอนนั้นละทิ้งข้อกริ่งเกรงทั้งหมดสู้ตายสุดกำลัง ตอนนี้ผลข้างเคียงเริ่มแสดงผลแล้ว

ถ้าไม่ใช่เพราะหลินฮั่นหัวไปถึง สำนักความมืดเกรงว่าจะถูกลบชื่อออกจากทะเลหวงเจียไปแล้ว

ในสุสานจักรพรรดิประกายกาฬ สำนักความมืดไม่ได้อะไรที่มีค่ามามากนัก เพราะถูกสำนักแสงสว่างตามทันในภายหลัง สุดท้ายก็โดนกดดันให้ล่าถอยออกจากสุสาน

ไม่อย่างนั้นหลัวจื้อเทา เจ้าสำนักแสงสว่างที่ในตอนนั้นมีตะเกียงประกายกาฬและกงจักรสุริยันจันทราอยู่ในมือ เกรงว่าจะฆ่าพวกเขาส่วนใหญ่ทิ้งไว้ที่นั่นตลอดกาลไปแล้ว

เพียงแต่เรื่องราวแปรผันมากมาย หากพวกโจวฮ่าวเซิงรู้เรื่องที่เกี่ยวข้องกับกงจักรมหาประกายกาฬ ก็ไม่รู้เช่นกันว่าจะทำหน้าตาอย่างไร?

ผู้อาวุโสจากหอกระบี่ทะเลเหนือผู้นั้นกล่าวอย่างประหลาดใจอยู่ด้านข้าง “ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าสำนักความมืดสร้างหอสักการะหลักขึ้นมาใหม่ ยังไม่ทันเสร็จก็ถูกคนทำลาย กลับไม่ทราบว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ต่างคาดเดากันไปต่างๆ นานา คิดไม่ถึงว่าฆรวาสเด็ดดาวจะลงมือ ราชากระบี่ภูผาเงาก็มาด้วยเช่นกัน”

เยี่ยนจ้าวเกอไตร่ตรองครู่หนึ่งก่อนจะถามว่า “ไม่ทราบว่าตอนนี้สำนักแสงสว่างเป็นอย่างไรบ้าง?”

อีกฝ่ายได้สติเพราะคำถามของเขา สีหน้าแปลกประหลาดกว่าเดิม “จะว่าไปก็ประหลาด สำนักแสงสว่างไม่เคลื่อนไหวอะไรเลย หากเป็นยามปกติ คงฉวยโอกาสบุกไปล้างสำนักความมืดแล้ว”

เพราะว่าประมุขอาคเนย์ไม่ยินดีให้คนนอกมาตีชิงตามไฟ บุกรุกสุสานจักรพรรดิประกายกาฬ ดังนั้นแม้กวนลี่เต๋อจะบอกว่าแค่มาแก้แค้น แต่หลินฮั่นหัวก็สอดมือได้อย่างเต็มที่

ส่วนความขัดแย้งระหว่างสำนักความมืดและสำนักแสงสว่าง ประมุขอาคเนย์กับหลินฮั่นหัวสองศิษย์อาจารย์จะไม่ก้าวก่าย

ผู้อาวุโสจากหอกระบี่ทะเลเหนือผู้นั้นรู้สึกงงงันอยู่เงียบๆ เยี่ยนจ้าวเกอกลับทราบว่า พวกหลัวจื้อเทา เจ้าสำนักแสงสว่างในตอนนี้ติดอยู่ในกระแสปั่นป่วนของมิติเวลา ยังไม่ได้กลับออกมา

ตอนแรกเป็นโอกาสดีในการบุกสำนักแสงสว่าง แต่น่าเสียดาย สำนักความมืดที่เป็นพันธมิตรโดยธรรมชาติกลับประสบภัยพิบัติ น่าอนาถเสียยิ่งกว่าสำนักแสงสว่าง

เยี่ยนจ้าวเกอนวดขมับของตัวเองเบาๆ กล่าวในใจ ‘จะเสี่ยงดีหรือไม่?’

………………..