เล่มที่ 31 เล่มที่ 31 ตอนที่ 930 เจ้าใช่หลานเยวี่ยหลีหรือไม่?

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

รอบบริเวณเรือนแห่งนี้ยังมีเรือนอื่นๆ อีก เจ้าของเรือนได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวทางนี้อย่างรวดเร็วเช่นกัน ทว่าดูเหมือนพวกเขาจะคุ้นชินกับสถานการณ์เช่นนี้ จึงไม่มีผู้ใดออกมาห้ามปราม

บางคนถึงกับดับไฟในห้องของตนเอง

ในตอนนี้ ไม่ได้มีเพียงซูจิ่นซีที่จำสตรีผู้นั้นได้ อู๋จุนก็จำได้เช่นกัน

เขาเบาเสียงลงเล็กน้อย

“เฮ้ย นั่นคุณหนูจิ่วที่พวกเราไล่ตามมามิใช่หรือ? เด็กคนนี้ดูคล้ายหลานเยวี่ยหลีคนนั้นมากจริงๆ ทว่าเหตุใดวิธีการทำร้ายคนถึงได้โหดร้ายทารุณเช่นนี้ พวกเขายังเป็นคนอยู่หรือไม่? ”

ซูจิ่นซีส่ายศีรษะ “ข้าจะรู้ได้อย่างไร? ” เมื่อสิ้นเสียงพูด สีหน้าของซูจิ่นซีพลันเปลี่ยนไป เพราะขณะที่นางกำลังพูด นางสังเกตเห็นว่าหูของแม่นางผู้นั้นขยับ

เป็นดั่งที่คาดไว้ ซูจิ่นซียังไม่ทันได้เคลื่อนไหวใดๆ แส้ในมือของแม่นางผู้นั้นก็หยุดชะงัก สายตาเฉียบแหลมมองมาทางซูจิ่นซีและอู๋จุน

“ผู้ใด? ”

ซูจิ่นซีและอู๋จุนเกือบจะชะงักพร้อมกัน โดยเฉพาะอู๋จุน

ตามเหตุผลแล้ว ระยะทางระหว่างพวกเขาและแม่นางผู้นั้นห่างไกลกันมาก นอกจากนี้ เมื่อครู่ทั้งสองคนก็จงใจพูดเสียงเบา ระยะทางไกลถึงเพียงนี้ นอกจากซูจิ่นซีจะใช้อาคมกำไลปี่อั้น หรือยอดฝีมือที่มีวรยุทธ์ขั้นสูง ย่อมไม่มีทางได้ยินคำพูดของพวกเขาเป็นแน่

ยิ่งไปกว่านั้น ทั่วทั้งอาณาจักรเทียนเหอ ยอดฝีมือเช่นนี้แทบนับจำนวนได้เลย เขาไม่คาดคิดเลยว่าแม่นางผู้นี้จะได้ยินเสียงพูดของพวกเขา

ดูจากรูปร่าง หน้าตา และส่วนสูง นางคงมีอายุราวสิบปี หากบอกว่าฝึกพลังเทพก็ไม่มีทางเป็นไปได้ หรือว่านางมีพลังพิเศษอันใด?

เมื่อแม่นางผู้นั้นเห็นซูจิ่นซีและอู๋จุน นางก็ไม่มีปฏิกิริยาอันใดอยู่ครู่หนึ่ง ทั้งยังพูดย้ำอีกครั้ง

“พวกเจ้าคือผู้ใด? นึกไม่ถึงว่าดึกดื่นค่ำคืน กลับกล้าบุกรุกจวนอี้อ๋องของข้า หากยังไม่ลงมา ข้าจะตะโกนเรียกคน”

ซูจิ่นซีและอู๋จุนจึงได้สติ พวกเขาสบตากันและได้คำตอบที่เห็นพ้องต้องกัน จากนั้นจึงลุกขึ้นและเหาะลงมาจากชายคา

หลังจากลงสู่พื้น ซูจิ่นซียังไม่ทันได้พูด อู๋จุนก็ชิงเปิดปากพูดขึ้นก่อน

เขาเดินเข้าไปใกล้แม่นางผู้นั้น “นางหนู! เป็นอันใดหรือ? เปลี่ยนสถานที่แล้วก็ไม่รู้จักอาจุนของเจ้าแล้วหรือ? ”

แม่นางผู้นั้นถอยหลังหนึ่งก้าว พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย “บังอาจ! เจ้าคือผู้ใด? รู้จักไม่รู้จักอันใด? บุกรุกจวนอี้อ๋องกลางดึก พวกเจ้าคิดจะทำอันใดกันแน่? ”

ดวงตาดำขลับงดงามของอู๋จุนกลอกไปมา เขาแย้มยิ้มชั่วร้ายอีกครั้ง

“ได้ยินมานานแล้วว่าสถานะของเจ้าไม่ธรรมดา ไม่คาดคิดว่าจะเป็นคนของจวนอี้อ๋อง สถานะของเจ้ายอดเยี่ยมเช่นนี้ บิดาหน้าไม่อายผู้นั้นของเจ้ารู้หรือไม่? ”

“อย่าบังอาจหยาบคายกับเสด็จพ่อของข้า! ”

แม่นางผู้นั้นเบิกตาโพลง พลันยกแส้ในมือขึ้นแล้วฟาดไปที่ใบหน้าของอู๋จุนอย่างแรง

ต้องบอกว่าเด็กผู้นี้ลงมือโหดเหี้ยมยิ่งนัก หากอู๋จุนหลบช้าอีกนิด แส้เส้นนั้นคงแยกร่างของอู๋จุนออกเป็นสองส่วน หรือทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างไม่ต้องสงสัย

อู๋จุนอ้าแขนออกราวกับเมฆสีแดง หลบแส้ของแม่นางผู้นั้นไปทางด้านหลัง เมื่อมองอีกครั้ง ใบหน้าของเขาก็ไม่ปรากฏรอยยิ้มกว้างอีกต่อไป ทว่าเขาค่อยๆ หรี่ดวงตาเฉี่ยวคมลง พลังของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าแม่นางผู้นั้นแม้แต่น้อย

ทั้งสองสบตากันครู่หนึ่ง อู๋จุนค่อยๆ เคลื่อนนิ้วมือลงไปที่เอวตนเอง ทันใดนั้นก็เกิดเสียง ‘ฟึบ’ ของแส้หงหลิงที่ตอบสนองดังออกมา เขาวาดแส้เป็นเส้นโค้งสวยงามกลางอากาศ

จากนั้นก็ไม่ได้หยุดมือ และฟาดแส้ไปที่ศีรษะของแม่นางผู้นั้น

เดิมทีคิดว่าแม่นางผู้นั้นจะหลบได้เหมือนอู๋จุน ทว่าพวกเขาไม่มีทางคาดคิดได้เลยว่าขณะที่แส้สีแดงฟาดลงไป สีหน้าของนางกลับเปลี่ยนไปในทันที นางยืนนิ่งเหม่ออยู่กับที่ราวกับท่อนไม้ โดยไม่รู้ว่าจะเคลื่อนไหวหลบอย่างไร

นางไม่มีวรยุทธ์…

ในเวลานี้ หากอู๋จุนต้องการดึงพลังกลับมาคงไม่ทันแล้ว

สาวใช้ที่คุกเข่าอยู่รอบๆ เมื่อเห็นเช่นนี้ ไม่มีผู้ใดสามารถหยุดได้ พวกเขาทั้งหมดต่างสูดลมหายใจลึก

โดยเฉพาะอู๋จุน ดวงตาเฉี่ยวเบิกกว้างจนเกือบจะกลายเป็นลูกองุ่น

ในขณะที่ทุกคนคิดว่า แส้ของอู๋จุนคงฟาดลงบนร่างของแม่นางผู้นั้นอย่างแน่นอน และร่างของนางคงแยกออกเป็นสองส่วน ทันใดนั้น ร่างเงาสีดำก็ดึงแม่นางผู้นั้นหลบไปอีกด้าน

แส้ฟาดลงกับพื้นเกิดเสียงดัง ‘เปรี๊ยะ’ กระเบื้องหินสามแผ่นแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทิ้งรอยแตกลึกบนพื้น

เมื่อเห็นเงาร่างสีดำชัดเจน ใบหน้าดำทะมึนของอู๋จุนก็เปลี่ยนเป็นซีดขาว เขารีบทิ้งแส้หงหลิงในมือลงบนพื้นและวิ่งไปหาร่างนั้น

เสียงของเขาปรากฏความกลัวและโมโหตนเองเล็กน้อย

“แม่นางพิษน้อย โง่เง่า! เจ้าไม่อยากมีชีวิตแล้วหรือ? รีบมาให้พี่จุนดูหน่อย เจ้าบาดเจ็บที่ใดหรือไม่? ”

เขาพูดอย่างเป็นกังวล พลางตรวจสอบทั่วทั้งร่างของซูจิ่นซีไปด้วย

ซูจิ่นซีมองท่าทางของอู๋จุนโดยไม่พูดสิ่งใด เมื่อแววตาหยุดที่เหงื่อเย็นเฉียบบนหน้าผาก นางจึงเลิกคิ้วเล็กน้อย และดึงแขนของตนเองออกจากมือทั้งสองข้างของอู๋จุนด้วยใบหน้าเรียบเฉย

“ดูท่าทางไม่ได้เรื่องของเจ้า! ฝีมือหวดแส้ของเจ้าเมื่อครู่ คิดจะทำร้ายข้าได้หรือ? เจ้าประเมินตนเองสูงเกินไปแล้ว! ”

เดิมทีอู๋จุนต้องการพูดอันใดบางอย่าง ทว่าทันทีที่อ้าปาก คำพูดยังไม่ทันหลุดออกมาจากลำคอ เมื่อได้ยินประโยคหลังของซูจิ่นซี เขาก็สำลักกลับลงคอไปทันที

หลังจากเหม่อลอยอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็กะพริบดวงตาเฉี่ยวปริบๆ “ไม่ใช่เช่นนั้น แม่นางพิษน้อย ที่เจ้าพูดหมายความว่าอย่างไร? แส้เมื่อครู่ พี่จุนใช้พลังแปดส่วน พี่จุนรู้ว่าวรยุทธ์ของเจ้าร้ายกาจ ทว่าเจ้าดูถูกพี่จุนเช่นนี้ไม่ได้! พี่จุนเสียใจยิ่งนัก! ”

น่าสงสารที่ซูจิ่นซีไม่สนใจอู๋จุน ทว่านางมุ่งความสนใจไปที่ร่างของคุณหนูจิ่วแห่งจวนอี้อ๋องผู้นั้น

แม่นางจิ่วตกใจอย่างมาก สีหน้าของนางซีดขาวราวกับกระดาษ แก้มและหน้าผากเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อเย็นเฉียบ ร่างกายสั่นเทาไม่หยุดราวกับตะแกรงร่อน หากไม่ได้สาวใช้สองคนช่วยพยุง พูดได้เลยว่านางคงล้มลงไปกับพื้นแล้ว

ซูจิ่นซีมองขึ้นลงหนึ่งครั้งพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย อารมณ์ภายในจิตใจสับสน

แม้คนผู้นี้จะมีใบหน้าเหมือนหลานเยวี่ยหลี ทว่านิสัยไม่เหมือนหลานเยวี่ยหลีแม้แต่น้อย

ตอนที่ซูจิ่นซีเห็นหลานเยวี่ยหลีครั้งแรกที่หอโอสถสกุลซู เมื่อครั้งที่ซูอวี้กับซูจวิ้นแข่งขันชิงตำแหน่งผู้นำสกุลซู

ตอนนั้นนางอายุเพียงแปดปี รูปร่างผอมเพรียว ทว่าไม่ได้อ่อนแอและอ่อนปวกเปียกเช่นนี้ ตอนนั้นนางต้องเผชิญคำถามจากคนจำนวนมาก สีหน้าของนางในตอนนั้นไร้ซึ่งการเปลี่ยนแปลง

ไม่ใช่เพียงการพบกันครั้งแรก หลายครั้งต่อมา หลานเยวี่ยหลีได้สร้างความประทับใจต่อซูจิ่นซีอย่างลึกซึ้ง มิฉะนั้นนางคงไม่มองว่าแม่นางหลานเยวี่ยหลีผู้นี้ดีพอ

อีกอย่าง นางถูกฮูหยินมี่และหลานเยวี่ยหรูวางยาพิษ แม้จะได้รับความเจ็บปวดทรมานราวกับคมมีดเชือดเฉือน ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย ทว่านางยังคงตั้งมั่นและมองโลกในแง่ดี ครั้งนั้น ซูจิ่นซีประทับใจเป็นอย่างมาก

หลานเยวี่ยหลีแห่งแคว้นจงหนิงผู้นั้นกับแม่นางผู้นี้ที่อยู่เบื้องหน้า เทียบกันได้อย่างไร?

แม้ในใจจะพิจารณาดูแล้ว ทว่าซูจิ่นซีก็ยังถามอย่างจริงจัง

“ข้าเคยรู้จักเด็กสาวผู้หนึ่งที่มีหน้าตาเหมือนกับเจ้ามาก เป็นแม่นางผู้เป็นที่ชื่นชอบของผู้คน! ”

เมื่อเห็นว่าแม่นางผู้นั้นสนใจในคำพูดของตน ซูจิ่นซีจึงกล่าวต่อ “นางชื่อหลานเยวี่ยหลี แล้วเจ้าเล่า? เจ้ามีชื่อว่าอันใด? ”

แม้ไม่ได้ถามตรงๆ ทว่าความหมายง่ายๆ ของซูจิ่นซีคือ นางใช่หลานเยวี่ยหลีหรือไม่?