บทที่ 1947 รายงานการระบุตัวตนความเป็นพ่อแม่ลูก
อีกประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา ผู้อาวุโสใหญ่ก็รีบเข้ามาพร้อมกับรายงานในมือ
หลังจากเห็นรายงานในมือของผู้อาวุโสใหญ่แล้ว ไม่รู้เพราะอะไร เยี่ยหวันหวั่นถึงรู้สึกประหม่าขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ
ถึงแม้ตอนนี้เยี่ยหวันหวั่นจะมั่นใจว่าถังถังต้องเป็นลูกของเธอกับซือเยี่ยหานแน่ๆ แต่…ถ้าหากไม่ใช่ขึ้นมาละ จะทำยังไง…
“ผู้นำ แผ่นทดสอบในห้องปฏิบัติการออกมาแล้ว” เมื่อเห็นเยี่ยหวันหวั่นไม่พูดอะไรอยู่นาน ผู้อาวุโสใหญ่จึงเอ่ยขึ้นมา
“รอเดี๋ยวก่อน แล้วผลออกมาดีหรือไม่ดี?” เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้วถามผู้อาวุโสใหญ่
เมื่อได้ยินเยี่ยหวันหวั่นถามดังนั้น ผู้อาวุโสใหญ่ก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง ผลจะออกมาดีหรือไม่ดี? เขาจะไปรู้ได้ยังไงว่าดีหรือไม่ดี แม้แต่ตัวเองที่เป็นแม่แท้ๆ ยังระบุไม่ได้เลยว่าเป็นใคร…
“เอ่อคือ…ผู้นำ ผมไม่รู้จริงๆ ว่าผลมันดีหรือไม่ดี” ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวยิ้มๆ
“งั้นก็บอกผลมาเลย” เยี่ยหวันหวั่นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยอย่างไม่ลังเล
เมื่อได้ยินดังนั้น ผู้อาวุโสใหญ่ก็พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ดูจากผลตรวจ พบว่าเซลล์จากตัวอย่างเลือดทั้งสองมีความคล้ายคลึงกันมาก”
เดิมทีเยี่ยหวันหวั่นได้เตรียมใจสำหรับผลที่แย่ที่สุดไว้แล้ว แต่เมื่อฟังผู้อาวุโสใหญ่พูดจบ ความวิตกกังวลและอารมณ์แปรปรวนทั้งหมดก็มลายหายไป เหลือเพียงความประหลาดใจเท่านั้น
กล่าวคือ…ผลการทดสอบความเป็นพ่อแสดงให้เห็นว่า ซือเยี่ยหานเป็นพ่อที่แท้จริงของถังถัง!
แต่ยังไม่ทันจะได้ประหลาดใจ แค่ชั่วพริบตาภายในใจของเยี่ยหวันหวั่นก็ระเบิดความโกรธแค้นขึ้นมาอีกครั้ง
ซือเยี่ยหานสมองมีปัญหาหรือว่าตาบอดกันแน่ เขากับเธอมีลูกด้วยกันแล้วทั้งคนเขายังไม่รู้ด้วยซ้ำ?!
แม้ว่าในปีนั้น เมื่อรู้ว่าตัวเองตั้งท้องเธอก็หลบหน้าซือเยี่ยหานเพื่อไม่ให้เขารู้ แต่การที่เขาไม่รู้ก็เป็นความผิดของเขาด้วย!
ตอนนี้พิจารณาอย่างละเอียด ถังถังกับซือเยี่ยหานเหมือนกับแกะออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกัน ทั้งจมูก ตา ปาก แม้กระทั่งนิสัย ถังถังก็คือซือเยี่ยหานตัวน้อย!
“ไม่ได้ๆๆ…” เยี่ยหวันหวั่นรู้สึกกลัดกลุ้มใจ เมื่อเห็นว่าถังถังเหมือนพ่อของตัวเองขนาดไหน ลักษณะนิสัยล้วนเหมือนกัน อีกหน่อยพอโตขึ้น จะรับมือยังไง จะหาสะใภ้ให้เธอได้ไหมนั่นอีกเรื่อง แต่ต่อให้หาแฟนได้ ก็คงจะทำให้ลูกสะใภ้โกรธจนควันออกหูเหมือนกัน เธอจะฝึกฝนทักษะการจีบสาวให้ถังถังตั้งแต่เด็กๆ ลูกของเธอต้องห้ามเดินตามรอยของซือเยี่ยหานเด็ดขาด!
“ผู้นำ ผู้นำ…ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”
ผู้อาวุโสใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านข้าง เห็นเยี่ยหวันหวั่นมีหลากหลายอารมณ์ขึ้นลงในช่วงเวลาสั้นๆ ก็อดไม่ได้ที่จะถาม
“ไม่เป็นไรๆ ผู้อาวุโสใหญ่ ครั้งนี้ลำบากนายแล้ว กลับไปทำธุระของนายต่อเถอะ” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยกับผู้อาวุโสใหญ่
“โอเค ถ้าผู้นำมีเรื่องอะไรก็โทรหาผม ไม่ก็ให้คนติดต่อผมมาก็แล้วกัน” เมื่อผู้อาวุโสใหญ่กล่าวจบก็หันหลังจากไป
ในตอนนี้ เยี่ยหวันหวั่นทนไม่ได้แล้วกับเรื่องจริงที่ว่า ลูกชายสุดที่รักของตัวเองถูกใช้ประโยชน์จากตัวปลอม
เก็บไว้ในใจมานาน ดูเหมือนว่าจะถึงเวลาที่ตัวเองต้องเคลื่อนไหวแล้ว ไม่ว่าจะฟื้นคืนเนี่ยอู๋โยวกลับมาอีกครั้งได้หรือไม่ นั่นเป็นความสำคัญอันดับที่สอง อย่างน้อยอันดับแรกเธอต้องเปิดโปงตัวปลอมเสียก่อน นี่คือเรื่องที่ด่วนที่สุด
ตอนแรกเยี่ยหวันหวั่นอยากหาใครสักคนเพื่อปรึกษา แต่พอมาคิดอย่างรอบคอบแล้ว ที่นี่คือพันธมิตรอู๋เว่ย เธอสั่งให้พวกเขาไปเผา ปล้น ฆ่าก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าให้พวกเขาคิดวางแผน กับตัวเองคิดกลอุบายมาสักอย่าง เธอคิดว่าลืมมันไปซะดีกว่า
เยี่ยหวันหวั่นนั่งลงบนเก้าอี้ในสำนักงาน แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตั้งใจจะโทรหาซือเยี่ยหาน
แต่คิดไปคิดมา สุดท้ายเธอก็วางสาย
ปัจจุบันพันธมิตรอู๋เว่ยกำลังถูกกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์เพ่งเล็ง ไม่แน่ว่าเธออาจจะถูกดังฟังทางโทรศัพท์ อีกอย่าง ดูเหมือนตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะให้ซือเยี่ยหานรับรู้
—————————————————-
บทที่ 1948 ด้วยความสวยของฉัน
หลังจากทราบผลรายงานความเป็นพ่อลูกแล้ว สภาพจิตใจของเยี่ยหวันหวั่นก็ยุ่งเหยิงเป็นอย่างมาก
เธอจำได้ว่าตอนนั้นตัวเองเคยพูดขำๆ ไว้ว่า คงจะมีแค่ยีนของเธอกับซือเยี่ยหานเท่านั้น ที่จะสามารถให้กำเนิดทารกที่น่ารักแบบถังถังได้ คิดไม่ถึงเลยว่าคำพูดนี้จะกลายเป็นจริง
น่าเสียดายที่เธอทำได้แค่ดีใจอยู่เงียบๆ
ด้านหนึ่งเป็นเพราะตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งที่จะบอกซือเยี่ยหาน อีกด้านหนึ่งเธอคิดว่ามันค่อนข้างจะน่ากลัว ถ้าไปบอกซือเยี่ยหานว่าถังถังเป็นลูกของพวกเขา เท่ากับการไปบอกซือเยี่ยหานว่าตัวเองก็คือเนี่ยอู๋โยว…
ถ้าบอกเขาว่าตัวเองคือเนี่ยอู๋โยว ถ้าอย่างนั้นความสัมพันธ์ของเธอกับจี้หวง…
อ๋า ก่อนที่จะเปิดเผยความจริงคงต้องหาวิธีปลอบขวัญล่วงหน้าถึงจะดี
“เอาละ นายลงไปได้แล้ว” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย
“ครับ ถ้าผู้นำมีคำสั่งอื่นๆ อีก ก็เรียกหาผมได้ตลอด” ผู้อาวุโสก้าวถอยหลังและจากไปอย่างสุภาพ
ผู้อาวุโสใหญ่เพิ่งจะจากไปไม่นาน เป่ยโต่วก็วิ่งหน้าตาตื่นพรุ่งพรวดเข้ามาในห้อง
“พี่เฟิง! พี่มันสุดติ่งกระดิ่งแมวไปเลย! พี่ทำได้ไงอะ? ได้ยินมาว่าพี่ทำภารกิจระดับ S กับภารกิจระดับ S+ สำเร็จทั้งสองงานเลยเหรอ!”
“ไอ้พวกกระต่ายตื่นตูม” เยี่ยหวันหวั่นกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เป่ยโต่วกล่าวต่ออย่างตื่นเต้น “จะไม่ให้กระต่ายตื่นตูมได้ไง นั่นมันเส้นผมของนายแห่งอาชูร่าเชียวนะ! จริงๆ แล้วการที่พี่แทรกซึมเข้าไปในอาชูร่าครั้งก่อนก็เพื่อสิ่งนี้เหรอ?”
“เส้นผมนั่นยังพอเข้าใจได้ แค่อาศัยความใจกล้าหน้าด้านนิดหน่อยก็ได้มาแล้ว แต่สินค้านั่นจริงๆ แล้วเป็นยังไงกันแน่ แม้แต่พันธมิตรอู๋เว่ยของพวกเรายังไม่สามารถลักลอบขนส่งออกไปได้ ทั้งรัฐอิสระก็ไม่มีใครทำได้ พี่เฟิงพี่จ้างใครทำกันแน่เนี่ย!” เป่ยโต่วจี้ถามด้วยความสงสัยอย่างแรง
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก
อะไรคือบอกว่าเธอใจกล้าหน้าด้านนิดหน่อย? นี่เธอเข้าไปเอามาโต้งๆ เลยนะ!
อีกด้านหนึ่งชีซิงก็มีความสงสัยปรากฏอยู่เต็มใบหน้าเช่นกัน เขาคาดเดาอยู่นานสองนาน แต่ก็ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่พี่เฟิงไปขอความช่วยเหลือ
เมื่อนึกถึงสิ่งที่ใครบางคนแอบกระทำการลับๆ ให้เธอ เยี่ยหวันหวั่นก็อดไม่ได้จนต้องยิ้มหวานหยาดเยิ้มออกมา “ฉันจ้างอาชูร่าให้คอยคุ้มกันการขนส่งให้ฉันไง!”
เป่ยโต่วพูดไม่ออก
ชีซิงถึงกับอึ้ง
เป่ยโต่วหมดคำพูด “พี่เฟิง พี่ล้อกันเล่นใช่ไหมเนี่ย? อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนายแห่งอาชูร่าจะมารับงานนี้ ผมอยากรู้ว่าพี่เอาอะไรไปจ้างนายแห่งอาชูร่าก่อน!”
เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองเป่ยโต่วแล้วเชิดคางขึ้น “ใช้อะไรน่ะเหรอ ก็ใช้ความสวยของฉันไง ไม่ได้เหรอ?”
เป่ยโต่วบ่นพึมพำ “ถ้าเป็นเพราะว่าหื่น หรือยั่วยวนอะไรทำนองนั้นนะ ผมคิดว่า…ด้วยความหล่อของนายแห่งอาชูร่าแล้ว…งั้นเขาก็เสียเปรียบ…เขาไม่มีวันลดตัวมาทำอะไรแบบนี้แน่นอน!”
ไอ้เด็กเวรคนนี้ปากไม่มีหูรูดจริงๆ…
“ฮึ ไม่เชื่อก็ไม่ต้องเชื่อ”
อายุปูนนี้แล้วพูดความจริงดันไม่มีใครเชื่อซะงั้น
ตอนที่เยี่ยหวันหวั่นกำลังพูดคุยกับเป่ยโต่วและชีซิงอยู่นั้นเอง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
ที่หน้าจอปรากฏชื่อเจ้าของโรงงานน้ำส้มสายชูแห่งรัฐอิสระ!!!
เยี่ยหวันหวั่นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู หลังจากเห็นชื่อของคนที่โทรมา มุมปากของเธอก็เผยอขึ้นเล็กน้อย ดวงตาราวกับดอกท้อที่ผลิบานนับพันนับหมื่น
ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า ซือเยี่ยหานจะเป็นคนโทรหาเธอก่อน…
เบอร์ที่ซือเยี่ยหานทิ้งให้เธอนั้นค่อนข้างเป็นส่วนตัวและปลอดภัยกว่า ตราบใดที่ไม่พูดเรื่องที่เป็นความลับมากเกินไปตอนที่คุยกัน พูดคุยกันปกติก็ไม่มีปัญหาอะไร
“เอ่อ ผู้นำ ใครโทรมาอะ แล้วพี่ยิ้มอย่างกับ…เหมือนคนมีความรัก…” เป่ยโต่วเขย่งมองหน้าจอโทรศัพท์ของเยี่ยหวันหวั่นอย่างสงสัย “หืม? เจ้าของโรงงาน…น้ำส้มสายชู…แห่งรัฐอิสระ….?”
หลังจากเห็นชื่อของคนที่โทรมาบนหน้าจอแล้ว เป่ยโต่วก็เผยใบหน้าสับสน “แค่รับสายบอสของโรงงานน้ำส้มสายชู ทำไมต้องยิ้มถึงขนาดนี้ด้วยอะ? พี่เฟิง พี่จะซื้อน้ำส้มสายชูเหรอ?”
เยี่ยหวันหวั่นไม่สนใจเป่ยโต่ว กดรับสายอย่างมีความสุข “ฮัลโหล ที่รัก”
………………………………………..