บทที่ 1949 คิดถึงฉันแล้วใช่ไหม
เมื่อสิ้นเสียงที่เยี่ยหวันหวั่นพูดคำว่า “ที่รัก” ทั้งเป่ยโต่วและชีซิงต่างก็ขนลุกทั่วทั้งร่างทันที
“เอ่อ พูดกับเจ้าของโรงงานน้ำส้มสายชูจำเป็นต้องอ่อนโยนขนาดนั้นเลยเหรอ” เป่ยโต่วเกาหัว ใบหน้าบ่งบอกว่าไม่เข้าใจเป็นที่สุด
เยี่ยหวันหวั่นอารมณ์ดีเป็นพิเศษ จึงไม่ได้สนใจทั้งสองคน และพูดกับคนปลายสายต่อไป “ทำไมจู่ๆ ถึงโทรมาหาฉันละคะ?”
“ช่วงนี้เป็นไงบ้าง มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า” ชายหนุ่มที่ปลายสายถามด้วยเสียงที่ดุดันและจริงจัง แต่ยังไม่สามารถซ่อนความนุ่มนวล ที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงของเขาได้
“ไม่มีค่ะ ปกติดีทุกอย่างเลย ใช่แล้ว ยังไม่ได้ขอบคุณคุณเลย ขอบคุณสำหรับของขวัญนะคะ ฉันชอบมันมากเลย คุณเอาใจใส่ฉันที่สุดเลย” เยี่ยหวันหวั่นกล่าวขอบคุณ ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข
ซือเยี่ยหานรู้ว่าเยี่ยหวันหวั่นพูดถึงการช่วยเธอส่งสินค้าล็อตนั้น ตอนแรกเขารู้สึกหงุดหงิดตัวเองเล็กน้อย ที่เขาตามใจเธอมากเกินไป แต่ตอนนี้เมื่อฟังเสียงที่มีความสุขมากของเธอ ความรู้สึกเสียใจภายหลังนั้นดูเหมือนจะมลายหายไปจนหมดสิ้น
“อื้ม”
ชายหนุ่มที่ได้รับคำชมมากมายจากหญิงสาว เขามีความสุขมากอย่างเห็นได้ชัด แต่เขากลับสงวนท่าทีพูดแค่คำว่า “อื้ม” เท่านั้น
ส่วนสองคนนั้นที่อยู่ด้านข้างของเยี่ยหวันหวั่นรอเธอรับโทรศัพท์นั้น…
เป่ยโต่วเข้าใกล้ชีซิงแล้วกระซิบข้างหู “ของขวัญจากเจ้าของโรงงานน้ำส้มสายชูเหรอ? เจ้าของโรงงานน้ำส้มสายชูให้อะไรวะ? ให้น้ำส้มสายชูหนึ่งถังเหรอ?”
แม้ว่าชีซิงเองก็ไม่รู้ว่าใครเป็นจ้าของโรงงานน้ำส้มสายชู แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก
จนกระทั่ง…
จนกระทั่งเยี่ยหวันหวั่งลูบคางของเธอ ใช้เสียงนุ่มนวลพูดกับปลายสายอย่างออดอ้อน “จิ๊ ตอนนั้นฉันให้เบอร์คุณแต่คุณไม่เห็นจะสนใจฉันเลย ตอนนั้นกลับโทรมาหาฉันก่อน คิดถึงฉันแล้วใช่ไหมคะ?”
บทสนทนาในตอนแรกก็ดูปกติดี แต่พอฟังมาถึงตรงนี้ ชีซิงก็เงยหน้าขึ้น ส่วนใบหน้าของเป่ยโต่วก็เต็มไปด้วยความสยดสยอง
ให้เบอร์กับอีกฝ่าย? แล้วยังไปถามเขาอีกว่าคิดถึงตัวเองไหม?
บทสนทนานี้…ดูไม่ค่อยจะปกติแล้วนะ?
ไม่ๆๆ เย็นไว้ๆ พี่เฟิงพูดจาไม่ปกติแบบนี้กับทุกคนอยู่แล้ว พวกเขาต้องคิดมากไปเองแน่ๆ
“งือ ฉันคิดถึงคุณจังเลยค่ะ คิดถึงจนนอนไม่หลับ ฉันขอไปนอนบ้านคุณได้ไหมคะ?” เยี่ยหวันหวั่นนอนพาดกายอยู่บนโต๊ะ กล่าวอย่างเบื่อหน่ายและใช้น้ำเสียงที่นุ่มนวลสุดๆ
จริงๆ แล้ว…ห้องผีสิงโทรมๆ ของเธอนั้นมันแย่เกินไป…ตั้งแต่เธอกลับมาที่รัฐอิสระ ก็ไม่ได้นอนเต็มอิ่มเลยสักคืน!
นอกจากนั้น ครั้งที่แล้วที่เห็นซือเยี่ยหานปวดหัว เธอก็กังวลเกี่ยวกับอาการของเขาและทุ่มเทดูแลเขาเป็นอย่างดี ถ้าหากเขากลับไปเป็นแบบเดิม นั่นไม่เท่ากับว่าเธอเสียแรงเปล่าเหรอ!
เดิมทีเป่ยโต่วและชีซิงที่นิ่งเฉยอยู่ด้านหนึ่งมาตลอดก็คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ เยี่ยหวันหวั่นจะออกตัวแรง ทั้งสองคนถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก
นอนด้วยกัน…ตอนกลางคืนงั้นเหรอ?
พวกเขาได้ยินคำว่าอะไรนะ? นี่ไม่ใช่การเข้าใจผิดแล้วมั้ง?
พี่เฟิงไปกุ๊กกิ๊กกับเจ้าของโรงงานน้ำส้มชายชูตั้งแต่เมื่อไร?
เธอคบหากับจี้หวงไปพร้อมๆ กับนายแห่งอาชูร่า แล้วยังไปยั่วยวนหัวหน้าตระกูลซือ ตอนนี้ยังมีแรงไปหว่านเสน่ห์ใส่เจ้าของโรงงานน้ำส้มสายชูอีกเหรอ?
ปลายสายโทรศัพท์ แม้ว่าซือเยี่ยหานจะมองไม่เห็นในตอนนี้ แต่เขาพอจะนึกภาพหญิงสาวที่มีท่าทางอ่อนโยน กับประกายสุกใสในดวงตา ในวินาทีต่อมา เขาแทบจะตอบออกไปอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ว่า “ตกลง”
“อย่ากวนสิ” ซือเยี่ยหานเอ่ยขึ้นในที่สุด
เยี่ยหวันหวั่นเบ้ปากด้วยความไม่พอใจ “ว่าแล้วว่าคุณต้องพูดแบบนี้!”
เนื่องจากมีเป่ยโต่วและชีซิงอยู่ข้างๆ เยี่ยหวันหวั่นจึงไม่ได้พูดอะไรมาก แต่เธอยังคุยกับซือเยี่ยหานอยู่อีกครู่ใหญ่ ก่อนจะวางสายไปด้วยความอาลัยอาวรณ์
ส่วนตอนนี้เป่ยโตวกับชีซิงตัวแข็งทื่อจนกลายเป็นรูปปั้นไปแล้ว
เยี่ยหวันหวั่นเงยหน้าขึ้น “นี่พวกนายยังไม่ไปอีกเหรอ?”
เป่ยโต่วถามด้วยสีหน้าตกตะลึง “พี่เฟิง! พี่ไปแอ๊วผู้ชายมาอีกคนตั้งแต่ตอนไหน? เจ้าของโรงงานน้ำส้มสายชูในรัฐอิสระเป็นใคร?”
เยี่ยหวันหวั่นกล่าวพลางยิ้มกริ่ม “ว่างนักใช่ไหมเลยมานั่งเม้าท์ฉัน ไม่งั้นมาช่วยฉันทำภารกิจเป็นไง?”
——————————————————-
บทที่ 1950 เกิดเรื่องใหญ่แล้ว
เป่ยโต่วรีบหุบปากทันที “ไม่ๆๆ ผมยุ่งมาก! ยุ่งโคตรๆ เลยพี่!”
หลังจากหลบออกมาได้ เป่ยโต่วก็รู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก “เหล่าชี แกว่าเจ้าของโรงงานน้ำส้มสายชูในรัฐอิสระนี่เป็นใครกันวะ? ทำไมฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน ว่ารัฐอิสระมีเจ้าของโรงงานน้ำส้มสายชูสุดหล่อ?”
“อาจเป็นไปได้ว่าผู้นำพบเขาโดยบังเอิญมั้ง” ชีซิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วสงบนิ่งอย่างรวดเร็ว “มีคนที่สามารถทำให้ผู้นำเลิกระมัดระวังตัวได้ อาจจะเป็นเรื่องไม่ดีก็ได้นะ”
เป่ยโต่วลองคิดดูก็รู้สึกว่ามีเหตุผล ขอแค่คนที่พี่เฟิงของพวกเขาไปยุ่งเกี่ยวไม่ใช่คนที่มีปัญหา ทุกอย่างก็ควบคุมได้
นี่อาจจะเป็นความสนใจชั่วคราวของพี่เฟิงก็ได้ อีกไม่กี่วันเธอคงจะลืมไปจนหมด…
……
หลังจากที่จับตัวผู้อาวุโสจินมา เยี่ยหวันหวั่นก็พบว่ารอบๆ พันธมิตรอู๋เว่ย มีสายตาของคนจากกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์คอยจับจ้องอยู่
ตอนแรกคิดว่ารอให้เรื่องหน้าสิ่วหน้าขวานนี้ผ่านพ้นไปก่อน แล้วจะไปสอบสวนผู้อาวุโสจินด้วยตัวเอง แต่ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ เหตุการณ์วุ่นวายยังไม่รู้ว่าจะจบตอนไหน แม้แต่เยี่ยหวันหวั่นเองก็ยังคิดไม่ถึงว่า กลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์จะให้ความสำคัญกับผู้อาวุโสจินถึงขนาดนี้ จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่ยอมแพ้ ดูไม่ออกจริงๆ ว่ากลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์จะมีความชอบธรรมถึงเพียงนี้ เกรงว่าจากนี้ไปอาจจะต้องมีเรื่องกับพันธมิตรอู๋เว่ยแล้ว
หลังจากเห็นความดื้อรั้นของกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์แล้ว เยี่ยหวันหวั่นก็ทอดถอนใจ ไม่แปลกใจเลยที่กลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์เอาชนะรัฐอิสระได้ จนได้กลายเป็นบรรทัดฐานหลักของรัฐอิสระ ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล ถ้ามีการแลกเปลี่ยนกองกำลังเกิดขึ้น เกรงว่าพวกเขาคงไม่สนใจชีวิตผู้อาวุโสจินตั้งนานแล้ว
วันรุ่งขึ้น เยี่ยหวันหวั่นที่กำลังงีบหลับอยู่ในสำนักงาน ก็ถูกเสียงดังของเป่ยโต่วปลุกจนตื่น
“พี่เฟิง!” เป่ยโต่วกับชีซิงวิ่งหน้าตั้งเข้ามาในสำนักงาน โดยไม่แม้แต่จะเคาะประตู
เสียงโหวกเหวกโวยวายของเป่ยโต่ว ทำให้เยี่ยหวันหวั่นตกใจจนสะดุ้งตื่นทันที
“มีเรื่องอะไร!”
เยี่ยหวันหวั่นมองเป่ยโต่วกับชีซิง แล้วเอ่ยถามด้วยความงุนงง
“พี่เฟิง เกิดเรื่องแล้วพี่” ชีซิงรีบรายงาน
“ใช่ๆๆ พี่เฟิง เกิดเรื่องแล้ว เกิดเรื่องใหญ่แล้วพี่!!” เป่ยโต่วก็รีบตอบเช่นกัน
“ค่อยๆ พูดได้ไหมว่าเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้น ฟ้าถล่มเหรอไง” เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองเป่ยโต่วด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย
ตอนที่เยี่ยหวันหวั่นรู้ว่าเนี่ยอู๋โยวคือไป๋เฟิง และพันธมิตรอู๋เว่ยทั้งหมด ถูกสร้างขึ้นโดยนามแฝงไป๋เฟิงของเธอเอง เธอก็ตกใจในทันที และไม่สามารถทำใจยอมรับได้แม้แต่น้อย
ตัวเองในตอนนั้น จะไปหาคนเก่งๆ ตั้งมากมายมาร่วมพันธมิตรอู๋เว่ยได้ยังไง นี่ไม่ใช่สไตล์ของเธออย่างแน่นอน…
“ฟ้าถล่มเหรอ ไม่ต่างอะไรกับฟ้าถล่มเลยพี่!” เป่ยโต่วตอบด้วยเสียงหอบหายใจแฮ่กๆ
เมื่อได้ยินเป่ยโต่วเอ่ยดังนั้น เยี่ยหวันหวั่นก็หันไปมองชีซิง อย่างน้อยชีซิงก็ยังพอไว้ใจได้บ้าง
แต่ชีซิงก็หันมามองเยี่ยหวันหวั่นพลางพยักหน้า ราวกับยอมรับว่า เห็นด้วยกับคำพูดของเป่ยโต่วทุกประการ
“พี่เฟิง ฐานที่มั่นที่เราเอาผู้อาวุโสจินไปซ่อนไว้ ถูกกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์หาเจอแล้วพี่…” หลังจากนั้นไม่นาน ชีซิงก็อธิบาย
เมื่อชีสิ้นเสียงของชีซิง เยี่ยหวันหวั่นก็ถึงกับอึ้งกิมกี่ในทันที
“นายบอกว่ากลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ค้นพบฐานที่มั่นของเราแล้ว แล้วยึดฐานที่มั่นของเราได้แล้วใช่ไหม?!” เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้วแน่น
“ใช่ครับพี่เฟิง เรื่องเพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ เมื่อกี้เลย!” เป่ยโต่วกล่าวพลางทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก
นี่แม่งไม่ใช่แค่ฟ้าถล่มแล้ว นี่มันฟ้าถล่มแผ่นดินทลายชัดๆ!
ในแง่ชื่อเสียงและความแข็งแกร่งของกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ในรัฐอิสระ การที่พันธมิตรอู๋เว่ยลักพาตัวคนและขโมยของมา ไม่มีใครกล้าคิดถึงผลที่จะตามมาเลย!
ในใจของเยี่ยหวันหวั่นก็รู้ดีว่า ครั้งที่แล้วที่กลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์มาหาเธอ ทำให้พันธมิตรอู๋เว่ยและอาชูร่าเป็นศัตรูกัน การไปที่สำนักงานใหญ่ของอาชูร่าเพื่อสร้างปัญหา และตัวเองก็หน้าไหว้หลังหลอกกับเขา เท่ากับการโกงเงินและทรัพยากรทางการเงินของกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์
แต่ไม่ว่าจะพูดยังไง เธอก็เข้าไปยังอาณาเขตของอาชูร่าและไปก่อเรื่องมาจริงๆ ทางกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ แม้จะโกรธมากเพราะได้รับความเสียหาย แต่กลับไม่ได้พูดอะไร
แต่ครั้งนี้ต่างออกไป พันธมิตรอู๋เว่ยขโมยทรัพยากรของกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์มาเป็นจำนวนมาก แถมยังลักพาตัวผู้อาวุโสของสมาคมอีกด้วย…
…………………………………………………..