ตอนที่ 931: จักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปด (1)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 931: จักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปด (1)

เจี้ยนเฉินนั่งอยู่บนหลังของเสือที่น่าเกรงขามพร้อมทั้งมียุทธภัณฑ์ราชาที่อยู่ในมือของเขา เขาจ้องอย่างเย็นชาไปที่คนทั้งสามด้วยจิตสังหารที่หนาแน่นซึ่งพุ่งไปที่คนทั้งสามนั้น

“แม้ว่าข้าจะรู้ว่าพวกเจ้าจะทำแบบนี้ไม่เร็วก็ช้า แต่ข้าก็ไม่คิดว่าพวกเจ้าจะเป็นนักฆ่าจากศาลาเทพเจ้าอสรพิษ” เจี้ยนเฉินพูดอย่างเย็นชา เขาจำสิ่งที่คนทั้งสามพูดก่อนหน้านี้ได้แม่น

ก่อนหน้านี้ในศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ทั้งสามคนต้องการที่จะเข้าไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปดพร้อมกับเจี้ยนเฉินเพราะว่าพวกเขาวางแผนเรื่องนี้ไว้นานแล้ว ความตั้งใจของพวกเขาคือการเข้าใกล้เจี้ยนเฉินและทำภารกิจของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลให้สำเร็จ พวกเขาจะกำจัดเจี้ยนเฉิน นูบิส และซี่หวังเมื่อโอกาสที่เหมาะสมมาถึง

ถ้าพวกเขากำจัดกลุ่มของเจี้ยนเฉินได้ จอมยุทธของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลจะยอมจ่ายอย่างงามโดยการเติมพลังของเซียนราชาให้กับกลุ่มของโมจื่อ พวกเขาซ่อนพลังของเซียนราชา 16 ดาวเอาไว้อย่างดี และแสดงมันออกมาให้เห็นตอนก่อนหน้านี้เท่านั้น

คนที่สี่ที่เข้าร่วมกลุ่มของเจี้ยนเฉินก็ร่วมด้วยกับกลุ่มของโมจื่อ อย่างไรก็ตาม เขาได้ตายไปก่อนหน้านี้แล้ว

แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะทำให้คนทั้งสามตกใจที่ออกมาจากอาคมได้ พวกเขาสงบใจลงอย่างรวดเร็วเพราะยังไงพวกเขาก็เป็นเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 9 อยู่ดี ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยจิตสังหารในขณะที่หนึ่งในนั้นเหยียดหยามออกมาว่า “เจี้ยนเฉิน เจ้าโชคดีที่รอดมาได้แม้ว่าจะตกอยู่ในอาคมที่ทรงพลังขนาดนี้ เมื่ออาคมฆ่าเจ้าไม่ได้ ให้พวกเราทั้งสามจัดการเจ้าแทนเอง เจ้าต้องตายวันนี้”

พลังของเซียนราชาที่ยิ่งใหญ่พุ่งออกมาจากพวกเขาทั้งสามและควบแน่นกันเป็นรูปร่างสัตว์อสูรทะเล พวกมันพุ่งเข้าไปที่เจี้ยนเฉิน ในขณะที่พวกมันคำรามออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว

ครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาใช้พลังของเซียนราชามากกว่าครั้งก่อน ความกดดันที่มหาศาลพุ่งเข้าใส่เจี้ยนเฉินในขณะที่สัตว์อสูร 3 ตัวพุ่งผ่านอากาศมาก แม้แต่เจี้ยนเฉินยังยากที่จะหายใจ

เจี้ยนเฉินเคร่งเครียด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเผชิญหน้ากับการโจมตีจากเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 5 ดังนั้นเขาจึงคุ้นเคยดีกับพลังที่คนทั้งสามนั้นใช้ นอกเหนือไปจากนั้น เขายังบอกได้จากการโจมตีว่าคนที่ให้พลังกับคนทั้งสามนั้นเหนือกว่าชั้นสวรรค์ที่ 5 แม้ว่าพลังนั้นจะไม่ได้อยู่ในระดับผู้อาวุโสประจำศาลา แต่ก็อยู่ในระดับใกล้เคียง

เจี้ยนเฉินไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับการโจมตีที่ทรงพลังนั้นตรง ๆ เขาแตะไปที่หลังของเสืออย่างนุ่มนวลด้วยมือซ้ายของเขา มันกระโจนไปที่หมอกโลหิตข้าง ๆ มันเหมือนกับว่ามันได้รับคำสั่งบางอย่าง พวกเขากลับเข้าไปที่อาคมอีกครั้ง

พลังของเซียนราชาได้ผ่านที่ซึ่งเจี้ยนเฉินเคยยืนอยู่และปะทะเข้าอย่างแรงกับผนังด้านหลัง

บู้ม !

ทั้งโถงสั่นไหวเล็กน้อย การโจมตีของพวกทั้งสามสั่นไหวโถงได้ ดังนั้นจึงเทียบได้ว่าการโจมตีนี้แข็งแกร่งเท่ากับยุทธภัณฑ์จักรพรรดิที่ไม่มีเจ้าของ

ร่างสีขาวปรากฎขึ้นด้านหลังคนทั้งสาม เจี้ยนเฉินออกมาจากอาคมอีกครั้งด้วยความช่วยเหลือของเสือขาวและมาถึงที่ข้างหลังของคนทั้งสามอย่างเงียบเชียบ

เจี้ยนเฉินกระโจนออกมาจากหลังเสือขาวอย่างไม่ลังเลและพุ่งเข้าไปที่กลุ่มของโมจื่อ เขาแทงออกไป 3 ครั้งด้วยยุทธภัณฑ์ราชาของเขาที่ส่องแสงไปด้วยแสงสีดำจากพลังบรรพกาล

ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!

ก่อนที่คนทั้งสามจะทันได้ตอบโต้ กระบี่ที่แทงออกไป 3 ครั้งก็โจมตีไปที่ด้านหลังของหัวของพวกเขาอย่างแม่นยำ อย่างไรก็ตาม พวกเขาทั้งหมดอยู่ในชุดเกราะที่ควบแน่นอยู่และส่วนหัวก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น การโจมตีของเจี้ยนเฉินไม่สามารถทำอันตรายพวกนั้นได้

พลังจากอาวุธทำให้พวกเขาเซถลาไปข้าวหน้าหลายก้าว ในขณะที่รอยแยกเล็ก ๆ ได้เกิดขึ้นที่ด้านหลังของหมวกเกราะที่ควบแน่นเอาไว้ของพวกเขา

เจี้ยนเฉินพลาดที่จะทำลายเกราะป้องกันของพวกเขาด้วยการโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียว แต่เขาก็สร้างความเสียหายให้กับเกราะไปอย่างมาก

เจี้ยนเฉินไม่หยุดอยู่แค่นั้น มือของเขาก็กระตุกขึ้นมาอย่างรุนแรงและเขาก็แทงกระบี่ออกไปอีก ยุทธภัณฑ์ราชากลายเป็นภาพติดตาหลายภาพและห้อมล้อมพวกเขาทั้งสามเอาไว้

เสียงดังถี่กระชั้นกันเกิดขึ้นหลายเสียง เจี้ยนเฉินโจมตีไปที่พวกเขาทั้งสามมากกว่าสิบครั้งทันทีเหมือนห่าฝน รอยแตกเหมือนใยแมงมุมปรากฎขึ้นบนเกราะของพวกเขาและกระจายออกอย่างรวดเร็ว

ท่าทางของทั้งสามคนเปลี่ยนไป พลังของเซียนราชาพุ่งพวยออกมาจากพวกเขาทันที พวกเขาต้องการที่จะใช้มันเพื่อเผชิญหน้ากับเจี้ยนเฉินอีกครั้ง

เจี้ยนเฉินรู้ดีว่าพลังนี้นั้นน่ากลัวเพียงใด ดังนั้นเขาจึงไม่ต่อสู้กลับไปเลย เขาขยับมือ หลังจากนั้นวัตถุเซียนสูง 10 เมตรก็ลอยมาจากด้านหลังทันทีและป้องกันการโจมตีจากทั้งสามเอาไว้

การโจมตีที่สั่นได้แม้แต่ปราสาทได้กระแทกเข้าไปที่วัตถุเซียนแต่มันก็ไม่ได้ทำให้วัตถุเซียนไม่สั่นไหวเลย มันต้านการโจมตีได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

“ข้าอยากจะรู้ว่าเจ้าเหลือพลังอยู่มากแค่ไหนกัน” เจี้ยนเฉินพูดออกมาอย่างเย็นชา หลังจากนั้น เขาก็โจมตีต่ออย่างบ้าคลั่งพร้อมทั้งใช้วัตถุเซียนในการป้องกันตัวเองไปด้วย

พลังที่อยู่ในตัวของพวกเขาทั้งสามหมดไปอย่างรวดเร็วภายใต้การใช้งาน พวกเขาสูญเสียความสามารถในการต่อสู้กับเจี้ยนเฉินโดยไม่มีพลังจากเซียนราชา ดังนั้นพวกเขาจึงพลาดพลั้งอย่างรวดเร็ว วิญญาณของพวกเขาทั้งหมดถูกเจี้ยนเฉินกำจัดไป

หลังจากที่พวกเขาตาย เลือดในตัวของพวกเขาก็ถูกดูดไปอย่างรวดเร็วโดยโถง พวกเขากลายเป็นศพที่หดตัวลงอย่างรวดเร็ว

เจี้ยนเฉินเอาแหวนมิติออกมาจากพวกเขา ในขณะที่วัตถุเซียนหดลงและลอยเข้ามาในมือของเขา เจี้ยนเฉินมาถึงตรงหน้าเสือขาวและลูบไปที่ขนสีขาวหิมะของมันอย่างอ่อนโยน เขาพูด “เสี่ยวไป๋ มันอันตรายมากไปที่นี่ เจ้าควรจะกลับไปที่มิติของวัตถุเซียนและฝึกให้หนักเพื่อเพิ่มพลัง”

ในช่วงเวลานี้ เสือขาวได้ดูดซับสมบัติสวรรค์อยู่ตลอด ดังนั้นความแข็งแกร่งของมันจึงเพิ่มขึ้นอย่างมาก มันได้กลายเป็นสัตว์อสูรระดับ 6 แล้ว มันแข็งแกร่งเท่ากับเซียนสวรรค์วัฏจักรที่ 5 แล้วในตอนนี้ มันเติบโตด้วยความเร็วที่น่าตกใจมาก

เพราะว่า มันผ่านมาเพียงสองสามปีหลังจากที่มันได้เกิดมาเท่านั้น

เสือขาวไม่ได้ต่อต้านและกลับเข้าไปในวัตถุเซียนหลังจากที่คำรามเสียงทุ้มออกมา

เจี้ยนเฉินมาถึงตรงหน้านูบิสและถามอย่างห่วงใย ในขณะที่เขาจ้องมองใบหน้าที่ค่อนข้างซีดของนูบิส “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ? “

นูบิสจ้องอย่างมืดครึ้มไปที่ศพและขบฟันตัวเอง “ข้าไม่คิดมาก่อนเลยว่า พวกนั้นคือนักฆ่าที่ถูกส่งมาโดยศาลาเทพเจ้าอสรพิษ เจี้ยนเฉิน โชคดีที่เจ้ามาทันเวลา ไม่อย่างนั้น ข้า นูบิสผู้ยิ่งใหญ่ ก็คงต้องสละหนังของข้าทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ไปแล้ว”

เจี้ยนเฉินหัวเราะคิกคักเมื่อเขาได้ยินแบบนั้น เขามองไปรอบ ๆ ก่อนที่จะมองไปที่ประตูที่อยู่ใกล้ ๆ รูกว้าง 1 เมตรปรากฎอยู่ที่ประตูนั้น

“ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิน่าจะอยู่ในนั้น มันน่าจะไปที่ตำนานของจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดเหมือนกัน พวกเราไปกันเถอะ” เจี้ยนเฉินพูด ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปที่นั่นพร้อมกับนูบิส

เจี้ยนเฉินไม่ได้ให้ซี่หวังออกมา ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ เขามีประโยชน์ในตอนที่พวกเขาเข้ามาที่โถงศักดิ์สิทธิ์ครั้งแรกเท่านั้น ในตอนนี้พวกเขามาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว อันตรายนั้นมีมากมายกว่าเดิมมาก ไม่เพียงแต่ซี่หวังจะไม่มีประโยชน์เท่านั้น เขาอาจจะเป็นตัวถ่วงและอาจจะตายได้

เจี้ยนเฉินและนูบิสเดินไปที่ประตูที่เสียหายและมาถึงที่ทางเดินยาว

ทางเดินนั้นมืด โค้งและแคบ เจี้ยนเฉินและนูบิสเดินผ่านไปอย่างระมัดระวังและเงียบเชียบ ทางเดินเปิดกว้างขึ้นหลังจากที่พวกเขาเข้าไปได้หลายกิโลเมตรแล้ว

ตรงหน้าพวกเขามีโถงที่ตกแต่งอย่างสวยงาม มันกว้างขวางมากหลายร้อยเมตรทั้งความกว้างและความยาว มันรกรุงรังมากและมีชิ้นส่วนเครื่องประดับมากมายวางเกลื่อนกลาดอยู่รอบ ๆ พวกมันมีร่องรอยว่าผ่านกาลเวลามานาน ดูเหมือนกับว่ามีการต่อสู้ที่ดุเดือดเกิดขึ้นที่นี้เมื่อนานมาแล้ว

เจี้ยนเฉินมองไปรอบ ๆ ก่อนที่จะหยุดอย่างรวดเร็ว ร่างทั้งห้ายืนอยู่ห่างร้อยเมตรตรงหน้าของทั้งคู่

“พวกเขามาที่นี่เร็วขนาดนี้ได้ยังไง ? ” นูบิสเห็นพวกเขา เขาตกตะลึงมาก

คนทั้งห้านี้มาจากอีกสองกลุ่มที่เหลือ ไม่แปลกใจเลย ไทนิชก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย เขามาถึงตรงหน้าเจี้ยนเฉิน

ทั้งห้าคนก็เห็นเจี้ยนเฉินด้วย ทั้งหมดมองออกไปและจ้องเขม็งไปที่พวกเจี้ยนเฉินทั้งสอง

“ผู้คุมกฎเผ่าเต่า เจ้ามาช้าไปหน่อยนะ” ไทนิชพูดอย่างไร้อารมณ์กับเจี้ยนเฉิน

เจี้ยนเฉินและนูบิสเดินข้ามสิ่งของที่วางระเกะระกะไปที่อีกฝ่ายและพูดว่า “ข้าคิดว่าพวกเรามาที่นี่เป็นกลุ่มแรก แต่ดูเหมือนว่าพวกเราจะเป็นกลุ่มสุดท้าย” พวกเขาหยุดอยู่ห่างจากคนทั้งห้า 20 เมตร ในขณะที่พวกเขามองและสำรวจกันและกัน

“ผู้คุมกฎเผ่าเต่า ในตอนแรกข้าคิดว่าจะมีแต่พวกเรา 2 คนเท่านั้นที่จะมาถึงที่นี่ได้ แต่ข้าคิดผิดไป มันไม่ได้มีแต่พวกเรา 2 คนเท่านั้น ยังมีเพื่อนของพวกเราบางคนที่ปิดบังความแข็งแกร่งของพวกเขาเอาไว้” ไทนิชพูดอย่างเย็นชาในขณะที่เขาต้องไปที่คนอีกทั้งสี่คน

มีชายชรา 2 คน หญิงชรา 1 คน และชายวัยกลางคนอีก 1 คน พวกเขาทั้งหมดดูธรรมดามาก และไม่เป็นที่เตะตาคนอื่น ๆ เลย