ตอนที่ 932: จักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปด (2)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 932: จักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปด (2)

ชายวัยกลางคนอยู่ในกลุ่มเดียวกับไทนิช เขาได้เก็บงำความแข็งแกร่งของเขาเอาไว้และไม่ทำตัวเด่นอะไร ดังนั้น ไทนิชจึงไม่รู้ถึงความสามารถของเขาแม้ว่าจะอยู่กลุ่มเดียวกันมานาน

ไทนิชมองไปที่คนอื่น ก่อนที่จะจ้องลึกเข้าไปที่โถง ตาของเขาลุกโชนไปด้วยความสนใจ

รูปปั้นใหญ่ยืนอยู่ที่ส่วนลึกของโถง มันเป็นรูปปั้นของชายวัยกลางคนและมันก็ดูเหมือนมีชีวิต เหมือนเป็นคนจริง ๆ รูปปั้นเต็มไปด้วยเสน่ห์ รูปปั้นตั้งอยู่ตรงนั้นเหมือนเป็นส่วนหนึ่งกับรอบ ๆ โดยไม่มีข้อแตกต่างอะไรเลย

เมื่อจ้องไปที่รูปปั้น พวกเขาทั้งหมดรู้สึกกดดันไปถึงวิญญาณของพวกเขาอย่างมากโดยไม่รู้ตัว มันเหมือนว่าพวกเขากำลังยอมศิโรราบให้กับรูปปั้นนั้น

“นี่เป็นจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดจริง ๆ หรือ ? ” เจี้ยนเฉินยากที่จะสงบอยู่ได้ในขณะที่เขาจ้องไปที่รูปปั้น

อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินก็จำคำแนะนำจากผู้อาวุโสประจำศาลาฮงจากศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลได้ จากนั้นเขาก็มองไปรอบ ๆ ในขณะที่เขาคิด “ผู้อาวุโสฮงพูดว่านอกเหนือจากตำนานนี้ โถงศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในที่นี้ ถ้าข้าหาศูนย์ควบคุมได้ ข้าจะสามารถควบคุมโถงศักดิ์สิทธิ์นี้ได้ มันอยู่ไหนกันนะ ? “

“เจี้ยนเฉิน ทำไมยุทธภัณฑ์จักรพรรดิถึงไม่ได้อยู่ที่นี่ล่ะ ? มันไปไหนกัน ? ” ทันใดนั้นเอง เจี้ยนเฉินก็ได้ยินข้อความทางจิตใจจากนูบิส

เจี้ยนเฉินนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย สายตาของเขาเป็นประกายและเขาก็มองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง เขาไม่เห็นร่องรอยของยุทธภัณฑ์จักรพรรดิเลย

“มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง ? พวกเราเข้ามาที่ประตูที่ถูกทำลายโดยยุทธภัณฑ์จักรพรรดิและมาถึงที่นี่ ดังนั้น ทำไมถึงไม่มีร่องรอยของมันเลย ? ” เจี้ยนเฉินคิด เขารู้สึกไม่สบายใจ

ในตอนนี้เอง ไทนิชก็พูดออกมา “ถ้าข้าเดาไม่ผิด ตำนานของจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดต้องอยู่ในรูปปั้นนั้นเป็นแน่ เพราะว่ารูปปั้นนั้นเป็นเพียงสิ่งเดียวในนี้ที่ยังไม่ถูกแตะต้องเลย แต่มีคน 7 คนอยู่ที่นี่ ในขณะที่มีคนเดียวเท่านั้นที่สามารถเอาตำนานไปได้ มีใครมีความคิดดี ๆ ที่จะจัดการปัญหานี้บ้างหรือไม่ ? “

สายตาของทุกคนเริ่มที่จะเป็นประกายในขณะที่พวกเขาได้ยินแบบนี้ พวกเขามองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นทำอะไรพวกเขาตอนไม่ตั้งตัว

ไม่มีใครที่ไม่ถูกยั่วยวนด้วยตำนานของจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปด พวกเขาทั้งหมดเสียสละอย่างมากเพื่อที่จะมาให้ถึงที่นี่ พวกเขาจะยอมแพ้ง่าย ๆ แบบนี้ในตอนนี้ได้อย่างไร ?

ทั้งโถงตกอยู่ในความเงียบสงัดทันที ทั้งเจ็ดยืนอยู่เงียบ ๆ ในขณะที่บรรยากาศอึดอัด จิตสังหารเล็กน้อยค่อย ๆ แผ่กระจายไปทั่วทั้งโถง

“ให้ข้าตรวจดูว่าตำนานอยู่ในรูปปั้นหรือเปล่า” ในที่สุดบรรยากาศที่น่าอึดอัดก็ถูกทำลายลงไป หญิงชราชี้ออกไปและพลังของเซียนราชาก็พุ่งออกมาและโจมตีไปที่รูปปั้นอย่างรุนแรง

ไม่มีใครหยุดนางเอาไว้ กลับกัน พวกเขาทั้งหมดจ้องเขม็งไปที่รูปปั้น พวกเขาไม่แน่ใจว่ารูปปั้นที่จักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดทิ้งเอาไว้ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้จะมีตำนานอยู่หรือไม่ พวกเขาต้องการที่จะใช้หญิงชราเพื่อที่จะทดสอบความจริงของรูปปั้นนั้น

บู้ม!

รูปปั้นเปราะบางกว่าที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้มาก พลังของนางทำให้รูปปั้นแตกกระจายออกไปได้อย่างง่ายดาย ทำให้หินกระจายออกไปทุกทิศทาง

ทุกคนผิดหวังเมื่อพวกเขาเห็นแบบนั้น พวกเขาไม่เชื่อว่ารูปปั้นจะมีตำนานของจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดอยู่ เมื่อเห็นว่ารูปปั้นถูกทำลายได้ง่ายดายขนาดนั้น

อย่างไรก็ตาม แสงสีฟ้าครามก็ปรากฏขึ้นในตอนนี้ แสงปรากฏขึ้นที่ที่หัวของรูปปั้นเคยอยู่ บอลแสงสีครามมัว ๆ ลอยอยู่เงียบ ๆ

ทุกคนพุ่งความสนใจไปที่บอลแสง ไทนิชยังร้องตะโกนออกมาอย่างไม่ตั้งใจ “นั่นใช่ตำนานหรือเปล่า ? “

ใบหน้าของทุกคนตึงเครียดเมื่อพวกเขาได้ยินไทนิช ความละโมบลุกโชนในตาของพวกเขา แม้แต่เจี้ยนเฉินและนูบิสก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

นี่คือตำนานของเซียนระดับจักรพรรดิ มันเก็บทุกอย่างที่เซียนระดับจักรพรรดิได้เรียนรู้เอาไว้ รวมถึงความเข้าใจในกฎของธรรมชาติ การที่จะได้เป็นเซียนจักรพรรดิก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นถ้าใครได้ตำนานนี้ไป

“ไม่” ทันใดนั้นเอง ตาของเจี้ยนเฉินก็หรี่เล็กลง เขาจ้องเขม็งไปที่แสงและแสดงท่าทางไม่สบายใจออกมา พลังแห่งการรับรู้ของเขาทรงพลังมาก มากกว่าของไทนิชและคนอื่น ๆ มาก เขารู้สึกได้ถึงคลื่นวิญญาณที่อยู่ในแสงสีคราม มันอ่อนแอมากแต่มันก็ยังมีพลังงานอยู่มาก

“วิญญาณนั้นยังมีจิตสำนึก แสงสีครามนั้นเป็นแค่ผนึกเพื่อป้องกันไม่ให้คลื่นวิญญาณกระจายออกไปที่อื่นและถูกตรวจจับได้” ความคิดจู่ ๆ ก็ปรากฏขึ้นในหัวของเจี้ยนเฉิน ซึ่งทำให้เขาหน้าซีดเล็กน้อย

เขาได้บทสรุปที่น่าเหลือเชื่อหลังจากที่คิดทบทวนไปถึงทุกเรื่องที่แปลก ๆ ที่เกิดขึ้นในโถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปด จักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดยังมีชีวิตอยู่

เสียงลมหวีดหวิวดังออกมา ไทนิชและอีกทั้งสี่คนพุ่งไปที่บอลสีคราม พวกเขาเร็วเหมือนสายฟ้า

นูบิสไม่ลังเลเช่นกันแต่ในตอนที่เขากำลังจะเข้าไปร่วมวง เจี้ยนเฉินก็ยื่นมือออกไปและจับไหล่ของนูบิสเอาไว้ เขาใช้วิชาสื่อสารและพูดออกไป “อย่าไป มันไม่ง่ายเหมือนที่เห็น”

นูบิสเชื่อเจี้ยนเฉินอย่างสนิทใจหลังจากที่รู้จักเขามาหลายปี เขาหยุดวู่วามหลังจากที่เจี้ยนเฉินเตือนเขา

ไทนิชและคนทั้งสี่ไปถึงตรงหน้าแสงนั้นในพริบตาและเอื้อมมือออกไปพร้อมกัน

ทันใดนั้นเอง บางอย่างก็เกิดขึ้น แสงสีฟ้าได้หายไปและแทนที่ด้วยแสงสีแดงจ้า ก่อนที่พวกเขาจะทันได้ตอบโต้ มันก็พุ่งเข้าไปที่พวกเขาด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ ทันใดนั้นเองมันก็หายเข้าไปในหัวของพวกเขา

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ข้ารอวันนี้มานานแล้ว มันคงอีกไม่นานหรอกที่ข้าจะกลับมา ศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ศาลาเทพเจ้าอสรพิษ ศาลาวิญญาณสวรรค์ ข้าจะจัดการพวกเจ้าทันทีที่ข้าได้ร่างกายของพวกนี้ไป” เสียงหัวเราะที่ป่าเถื่อนและอำมหิตดังออกมากลางอากาศ

ทั้งเจี้ยนเฉินและนูบิสเคร่งเครียดเมื่อพวกเขาเห็นว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ใจของพวกเขาตกไปถึงตาตุ่มเพราะเสียงหัวเราะที่ป่าเถื่อนนั่น

“นี่เป็นเสียงของจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดงั้นหรือ ? จักรพรรดิของแผ่นดินยังไม่ตายงั้นหรือ ? ” เสียงของนูบิสสั่นเล็กน้อย ในตอนนี้ทั้งคู่ก็เข้าใจแล้ว โถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปดเป็นเพียงการจัดฉากเพื่อการฟื้นคืนชีพของจักรพรรดิเท่านั้น

ใบหน้าของเจี้ยนเฉินมืดครึ้มลงในขณะที่เขาพูด “ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้วว่าทำไมโถงศักดิ์สิทธิ์ถึงได้ดูดเอาเลือดจากสัตว์อสูรที่ดุร้ายไป มันเป็นการจัดฉากของจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปด เขามีแต่วิญญาณอยู่เท่านั้นในตอนนี้ และมันต้องต้องอ่อนแอมากเป็นแน่หลังจากที่หลับใหลมาหลายปี เขาจำเป็นต้องดูดพลังงานชีวิตที่อยู่ในเลือดของจอมยุทธและสัตว์อสูรเพื่อที่จะฟื้นฟูตัวเอง”

ท่าทีของนูบิสเริ่มกลัวในขณะที่เขาพูดออกมาอย่างเร่งรีบ “เจี้ยนเฉิน พวกเราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว พวกเราต้องหนี”

เจี้ยนเฉินส่ายหัวอย่างไร้พลัง “โถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปดเป็นกับดัก จริงจริงแล้ว ตำนานที่ว่าอะไรนั้นเป็นของปลอม ไม่แปลกใจเลยที่พวกเราหาทางออกไปจากที่นี่ไม่ได้เลยก่อนหน้านี้ บางทีอาจจะมีเพียงแต่ทางเข้ามาที่โถงศักดิ์สิทธิ์นี่เท่านั้นและไม่มีทางออกเลยก็เป็นได้ พวกเราหนีไปไหนไม่ได้แล้วตอนนี้”

ทั้งห้าคนคำรามและดิ้นพล่านอยู่กับพื้น ในขณะที่พวกเขากุมหัวตัวเองด้วยความทรมาน

“ฮ่าฮ่าฮ่า นี่เป็นร่างของผู้คุมกฎนี่ ข้าจะเอาร่างกายของเจ้า” เสียงอำมหิตดังออกมาจากโถงอีกครั้ง เสียงระเบิดดังขึ้นสองสามครั้ง หัวของคนอีกสี่คนถูกระเบิดออก วิญญาณของพวกเขาถูกกำจัด ในขณะที่แสงสีแดงในหัวของพวกเขาได้ไปรวมอยู่ที่หัวของไทนิชทั้งหมด

แสงสีแดงคือวิญญาณของใครบางคน

“จักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปด เจ้าคือจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปด เจ้ายังไม่ตาย ! ” ไทนิชตะโกนออกมาในขณะที่เขาต่อต้านความเจ็บปวดทรมานอยู่ เขาหน้าซีดและพยายามไม่ให้วิญญาณของเขาถูกกลืนกินเป็นเป็นส่วนหนึ่งของวิญญาณที่แข็งแกร่งกว่า

“จักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปด เจ้าอย่ามาบังอาจกลืนกินวิญญาณของข้า ! ” จิตสังหารลุกโชนอยู่ในตาของไทนิช พลังงานที่น่ากลัวกระเพื่อมขึ้นในตัวของเขาและเติมเต็มไปทั่วทั้งโถงด้วยกลิ่นอายแห่งการทำลายล้าง

โถงเริ่มที่จะสั่นไหวอย่างรุนแรง ในตอนนี้เอง ทั่วทุกที่ดูเหมือนจะสั่นไหวเล็กน้อย พลังที่มหาศาลาจากไทนิชดูเหมือนจะสามารถทำลายสถานที่แห่งนี้ได้ทั้งหมด

“บ้าเอ้ย นี่มันพลังของเซียนจักรพรรดิ เจ้ามีพลังของเซียนจักรพรรดิอยู่ในตัวของเจ้า” วิญญาณร้องออกมาด้วยความกลัว เขาเคยเป็นเซียนจักรพรรดิแต่ในตอนนี้เขาคือวิญญาณที่เปราะบาง เขาสามารถจัดการกับเซียนผู้คุมกฎแบบไทนิชได้อย่างง่ายดาย แต่เขาไม่มีพลังพอที่จะสู้กับพลังจากเซียนจักรพรรดิ แม้แต่พลังสายเดียวก็เพียงพอที่จะกำจัดวิญญาณของเขาไปได้แล้ว

ทันใดนั้นเอง จักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดก็ปฏิเสธที่จะอยู่ในร่างของไทนิชนานกว่านี้ วิญญาณบินออกมาทันที และพุ่งไปที่เจี้ยนเฉินและนูบิส

วิญญาณนั้นเร็วมากและมาถึงตรงหน้าเจี้ยนเฉินในพริบตา ก่อนที่เจี้ยนเฉินจะทันได้ตั้งตัว มันหายเข้าไปในหัวของเขา

ท่าทางของเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไปและเขาหน้าซีดลงทันที กล้าเนื้อของเขากระตุกขึ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับความเจ็บปวดอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม วิญญาณของเจี้ยนเฉินนั้นทรงพลังกว่าของไทนิชและคนอื่น ๆ ที่อยู่ในระดับเดียวกันมาก แม้ว่าการที่จักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดเข้าไปในหัวของเขาทำให้เขาเจ็บปวดอย่างทรมาน แต่มันก็อยู่ในระดับที่เขาสามารถทนได้

“เจี้ยนเฉิน เจี้ยนเฉิน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ? ” นูบิสตะโกนอยู่ข้าง ๆ เขา อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินไม่ได้ยินเขาเลย ใจของเขาอยู่ในทะเลแห่งสติสัมปชัญญะของเขาอยู่พร้อมกับวิญญาณของจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปด

ในตอนนี้ เจี้ยนเฉินลอยอยู่ในทะเลแห่งสติสัมปชัญญะของเขา ในขณะที่ชายหนุ่มที่ดูเหมือนอายุราว 20 ปียืนอยู่ตรงข้ามเขา ชายหนุ่มอยู่ในชุดสีแดงในขณะที่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งร้าย แม้แต่ม่านตาและผมของเขายังเป็นสีแดงเหมือนว่ามันย้อมไปด้วยเลือด

“เจ้าไม่ใช่จักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปด” เจี้ยนเฉินจ้องอย่างตึงเครียดไปที่ชายหนุ่ม เขาเคร่งเครียดมาก