ตอนที่ 2279 สงครามของซิวหลัว (2)

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

มารดาเผ่าแมงมุมซิวหลัวเห็นเช่นนั้นโกรธเกรี้ยวแต่กลับหัวเราะออกมาแล้วเอ่ยคำว่า “เยี่ยม” สองมือถูกันไปมาในเวลาเดียวกันก็ชูมือขึ้น เห็นเพียงผลึกลำแสงส่งเสียงอึกทึกดังขึ้น!

ลำแสงหลากสีสันจำนวนมากปรากฏขึ้นตรงหน้า ชั่วพริบตาก็พุ่งไปฝั่งตรงข้ามราวกับมีสติปัญญา ดูเหมือนว่าจะห่อหุ้มเซี่ยหรานและพวกทั้งสองเอาไว้

ยามนั้นทั้งสามคนก็ทำการต่อสู้กัน

แมงมุมซิวหลัวโตเต็มวัยสี่ตัวที่ยืนอยู่บนเมืองศิลาเห็นสถานการณ์เช่นนี้พลันมองสบตากันแวบหนึ่ง แล้วถ่ายทอดเสียงคุยกันสองสามประโยค จากนั้นก็ร้องคำรามต่ำๆ ออกมาพร้อมกัน แล้วนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงหัวเมือง พลางหลับตาทั้งสองข้างปากก็บริกรรมคาถา

ท่ามกลางเสียงบริกรรมคาถาหน้าผากของทั้งสี่คนพลันเปิดออก ลำแสงสีเขียวขนาดเท่าอ่างล้างหน้าพลันพุ่งออกมา แล้วม้วนวนรวมตัวกันกลางอากาศกลายเป็นแมงมุมยักษ์ตัวหนึ่ง

ขนาดของแมงมุมตัวนี้ดูเหมือนจะใหญ่กว่าที่ฮูหยินแปลงกายเท่าหนึ่ง แค่ร่างกายเลือนรางเล็กน้อย ดูเหมือนเทวรูปก็ไม่ปาน

เมื่อเงาลวงตาแมงมุมขนาดยักษ์ปรากฏกายขึ้นก็กลายเป็นเงาสีเขียวกลุ่มหนึ่งกระโจนออกมา

ในที่สุดแมงมุมซิวหลัวโตเต็มวัยทั้งสี่ก็ทนไม่ไหวเตรียมช่วยมารดาของตนอีกแรง

ม่อเจี่ยนหลีที่อยู่อีกด้านเห็นสถานการณ์เช่นนี้พลันมีสีหน้าเคร่งขรึม ไม่รอให้เขาเคลื่อนไหวใดๆ ร่างกลับเลือนรางสลายหายไปจากที่เดิมอย่างเงียบเชียบ

ครู่ต่อมาด้านหน้าเงาลวงตาแมงมุมพลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ไอกระบี่เย็นเยียบพุ่งแหวกอากาศมาแล้วสับลงมา

เงาลวงตาแมงมุมอ้าปากออกทันใด พ่นตาข่ายผลึกออกมา ม้วนวนแล้วขวางกระบี่ลำแสงเอาไว้

ทว่าลำแสงสีเขียวพลันหม่นแสงลง เงาลวงตาแมงมุมจำใจต้องหยุดอยู่กลางอากาศ

ยามนี้พลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ม่อเจี่ยนหลีกุมกระบี่สั้นปรากฏกาย พิจารณาเงาลวงตาแมงมุมแวบหนึ่ง แล้วโยนสิ่งที่อยู่ในมือขึ้นไปกลางอากาศโดยไม่ปริปาก

พริบตานั้นเสียงแหวกอากาศพลันดังขึ้น!

เงากระบี่เป็นชั้นๆ ปรากฏขึ้น แล้วกลายเป็นภูเขากระบี่กดลงไปยังฝั่งตรงข้าม

แมงมุมซิวหลัวโตเต็มวัยสี่ตัวที่กลายเป็นบุรุษและสตรีอยู่บนหัวเมืองเห็นเช่นนี้ อาคมในมือก็เปลี่ยนไป เงาลวงตาแมงมุมกระโจนออกมา คาดไม่ถึงว่าจะทะลวงผ่านไปโดยไม่สนใจภูเขากระบี่ แล้วกระโจนไปหาม่อเจี่ยนหลี

ม่อเจี่ยนหลีเห็นเช่นนี้ก็ใจหายวาบ สมบัติทรงอิฐผลึกหมุนวนอยู่ข้างกายแค่ขยับก็พุ่งมาตรงหน้า

มือหนึ่งยกขึ้นอีกครั้ง นิ้วหนึ่งชี้ไปยังฝั่งตรงข้าม

อิฐผลึกหมุนคว้าง เปล่งแสงสีฟ้าเจิดจ้า กลายเป็นลำแสงหยินหยางเจิดจ้ากดลงไปที่ฝั่งตรงข้าม

และพลันชี้นิ้วข้างหนึ่งไป ปลายนิ้วมีลำแสงสีดำสว่างวาบ บรรยากาศเบื้องหน้ามืดมน คาดไม่ถึงว่าจะเกิดพลังไร้รูปร่างราวกับทรุดลง

เสียง “ปัง” ดังขึ้น

เงาลวงตาแมงมุมยักษ์โบกขาหน้าทั้งสองไปมาด้านหน้า เงากรงเล็บปรากฏขึ้นเป็นสายๆ และเมื่อสัมผัสกับภาพหยินหยางลำแสงเย็นเยียบก็เปล่งแสงเจิดจ้าแล้วสับจนแหลกเป็นชิ้นๆ

แต่ครู่ต่อมาร่างอันใหญ่โตของเขาพลันปะทะเข้ากับพลังไร้รูปร่าง หลังจากที่ร่างกายหยุดชะงัก ก็เชื่องช้าอย่างไม่เป็นธรรมชาติ

ใบหน้าของม่อเจี่ยนหลีมีรอยยิ้มเย็นชาฉายวาบผ่าน ฉับพลันนั้นปากก็พ่นคำว่า “ระเบิด” ออกมา

ชั่วขณะนั้นลายหยินหยางก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบ กลายเป็นลำแสงสีฟ้าระเบิดออก

พลังที่เย็นเยียบกลุ่มหนึ่งม้วนวนออกมาจากด้านในทันที

เงาลวงตาแมงมุมสั่นเทาเล็กน้อย ผิวมีน้ำแข็งเย็นเยียบจับตัวเป็นชั้นๆ หลังจากผ่านไปพริบตาหนึ่งก็ถูกแช่แข็งอยู่ในน้ำแข็งยักษ์สีฟ้า

ม่อเจี่ยนหลีถึงได้เผยสีหน้ายินดีออกมา ชักนิ้วที่ชี้ออกไปกลับมา มือหนึ่งตะปบไปกลางอากาศอีกครั้ง ยันต์สีดำสนิทแผ่นหนึ่งปรากฏขึ้น และโยนไปทางเงาลวงตาแมงมุมแช่แข็งอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด

เสียง “ปัง” ดังสนั่นขึ้น

ยันต์สีดำสลายออกจากกลางอากาศ กลายเป็นเงาลวงตาอสูรประหลาดสีดำหัวมังกรตัวพายุ อ้าปากกว้างกระโจนลงมาด้านล่างอย่างโหดเหี้ยม

เงาลวงตาตัวนั้นไม่ได้กระโจนลงมาจริงๆ กลิ่นอายน่ากลัวที่ทำให้ผู้คนขวัญกระเจิงกดลงมา ไม่ใช่สิ่งที่ระดับมหายานธรรมดาๆ จะต้านทานได้

แมงมุมซิวหลัวโตเต็มวัยสี่ตัวสัมผัสได้จากจิตสัมผัส ในเวลาเดียวก็หน้าเปลี่ยนสี เบิกตาทั้งสองข้างขึ้นโดยมิได้นัดหมาย

ในเวลาเดียวกันเงาลวงตาอสูรประหลาดหัวมังกรตัวหงส์ก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป จมหายเข้าไปในก้อนน้ำแข็ง

แต่พริบตานั้นเงาลวงตาแมงมุมที่อยู่ด้านในก็ส่งเสียง “ปัง” ดังขึ้น กลายเป็นลำแสงสีเขียวสลายออก หลังจากกะพริบวาบอีกครั้งก็ปรากฏขึ้นด้านนอกก้อนน้ำแข็ง

เงาอสูรสีดำเปล่งแสงสว่างวาบผ่านก้อนน้ำแข็ง แล้วกระโจนไปกลางอากาศ หลังจากเสียงกรีดร้องประหลาดๆ ดังขึ้น ร่างกายก็สลายหายไป

ยามนี้ลำแสงสีเขียวหมุนคว้างอยู่ด้านนอกก้อนน้ำแข็ง แล้วกลายเป็นเปลวเพลิงลำแสงสี่ดวงพุ่งไปยังหัวเมืองโดยไม่ปริปาก

หลังจากที่พวกมันพลิ้วไหวก็ทยอยกันจมหายเข้าไปในร่างของแมงมุมซิวหลัวโตเต็มวัยสี่ตัวแล้วสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย ร่างของแมงมุมซิวหลัวโตเต็มวัยสี่ตัวสั่นเทา ดวงตาฉายแววตื่นเต้น

ครู่ต่อมาสายรุ้งยาวสี่สายก็ม้วนวนขึ้นไปบนหัวเมือง หลังจากหมุนวนรอบหนึ่งก็กระโจนไปหาม่อเจี่ยนหลี

การโจมตีที่ตั้งใจของม่อเจี่ยนหลีไม่ประสบความสำเร็จ จึงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นแมงมุมซิวหลัวโตเต็มวัยสี่ตัวจะกระโจนเข้ามาด้วยตัวเอง ทันใดนั้นก็จิตใจหนักอึ้งเล็กน้อย แต่ปากกลับเปล่งเสียงร้องยาวๆ ออกมา กระโจนลงมาแล้วกลายเป็นสายรุ้งสีขาวพุ่งเข้ามา

ด้านหลังมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น พยัคฆ์ขาวตัวหนึ่งและหงส์เพลิงสีแดงสดตัวหนึ่งปรากฏกายขึ้นเช่นกัน สายรุ้งสีขาวที่ตามมาติดๆ พุ่งไปหาแมงมุมซิวหลัวโตเต็มวัย และเปิดฉากต่อสู้กันทันที

เสียงอึกทึกดังขึ้นชั่วครู่ก็ดังก้องไปทั่วท้องฟ้า

แม้ว่าม่อเจี่ยนหลีและสัตว์เลี้ยงวิญญาณที่แข็งแกร่งสองตัวจะช่วยเหลือกัน แต่เทียบกับพละกำลังของแมงมุมซิวหลัวโตเต็มวัยสี่คนก็ยังเทียบไม่ได้

ทว่าเมื่อเห็นว่าไม่อาจต้านทานได้ ม่อเจี่ยนหลีก็โยนยันต์ลับสองแผ่นออกไปอย่างรวดเร็ว บ้างก็ปล่อยพลังการโจมตีมหาศาลออกมา บ้างก็กลายเป็นเงาลวงตาอสูรประหลาดที่มีกลิ่นอายแปลกประหลาดสองตัว

เช่นนั้นถึงได้ฝืนต้านทานการโจมตีของแมงมุมซิวหลัวโตเต็มวัยสี่ตัวเอาไว้ได้

ชายชราแซ่อี้หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย ฝ่ามือในแขนเสื้อเปล่งแสงวาววับ มีเหรียญสีเหลืองทองปรากฏขึ้นแล้วสำแดงออกไปอย่างเงียบเชียบ

แต่ในยามนี้เสียงพลันดังขึ้นที่ข้างหูของเขา

“คู่ต่อสู้ของสหายหานคือข้าน้อย ทางที่ดีอย่าเสียสมาธิจะดีกว่า”

สิ้นเสียงพลังแรงกดที่น่ากลัวก็กดลงมาจากด้านบน แม้ว่าจากพลังยุทธ์ของชายชราแซ่อี้ ก็ยังใจหายวาบ ยักไหล่อย่างไม่ต้องขบคิด แล้วหายวับไปจากหัวเมือง

ครู่ต่อมาบนหัวเมืองห่างออกไปหมื่นจั้งเศษมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ชายชราแซ่อี้ปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบเชียบ จ้องเขม็งไปยังฝั่งตรงข้ามด้วยดวงตาที่ไม่กะพริบราวกับพบกับศัตรูตัวฉกาจ

ห่างออกไปร้อยจั้งเศษ หานลี่ใช้สองมือไพล่หลังยืนอยู่ตรงนั้น แล้วพิจารณาชายชราแซ่อี้เช่นกัน แต่มีสีหน้าราบเรียบดุจสายธาร

“ดูแล้วเหล่าสหายคงวางแผนไว้อย่างรอบคอบ และเลือกคู่ต่อสู้เสร็จตั้งนานแล้ว ทว่านายท่านเลือกข้าน้อย หรือว่ามั่นใจว่าจะเอาชนะตาเฒ่าได้” ชายชราแซ่อี้แววตาเปล่งประกายแล้วเอ่ยอย่างแช่มช้า

“สหายพูดผิดแล้ว ไม่ใช่ข้าเลือกสหาย แต่คนอื่นๆ เลือกแล้ว เหลือนายท่านให้ข้าน้อยเท่านั้น ส่วนจะชนะหรือไม่ ย่อมต้องลองทดสอบดู ถึงจะรู้” หานลี่หัวเราะน้อยๆ ออกมา แล้วเอ่ยอย่างไม่รีบร้อน

“หึ เยี่ยมมาก ดูแล้วสหายคงมั่นใจมาก ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เจ้ากับข้าก็ใช้พละกำลังที่แท้จริงเถิด” ชายชราแซ่อี้มีสีหน้าเคร่งขรึม น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียม

เอ่ยจบเขาก็พลิกฝ่ามือข้างหนึ่ง ในมือมีตะเกียงโบราณสีเขียวปรากฏขึ้น แล้วร่ายนิ้วไป

ไส้ตะเกียงเปล่งแสงสว่างวาบ ชั่วขณะนั้นเปลวเพลิงสีม่วงอ่อนก็ปรากฏขึ้นลางๆ

ชายชราสะบัดแขนเสื้อไป ปากก็พ่นคำว่า “ขึ้น” ออกมา

ชั่วขณะนั้นกลิ่นอายป่าเถื่อนที่อธิบายเป็นคำพูดไม่ถูกก็ส่งมาจากเปลวเพลิง

เปลวเพลิงสั่นเทา ภาพลวงตาปรากฏขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ตะเกียงที่เหมือนกันเก้าดวงเปล่งแสงสว่างวาบออกมา

หลังจากหมุนวนรอบหนึ่ง พวกมันก็เรียงแถวเป็นตัวอักษรพิน แล้วหมุนวนอยู่กลางอากาศอย่างช้าๆ

ชายชราแซ่อี้ทำมือเป็นผนึกราวกับล้อรถ อาคมแปลกประหลาดหลากสีสันเก้าสายพุ่งมาอยู่บนตะเกียง

ลำแสงสีม่วงเจิดจ้า!

เปลวเพลิงเก้าดวงบินออกมาจากในนั้นพร้อมกัน แล้วหมุนวนเข้าใจกลาง กลายเป็นเปลวเพลิงสีม่วงขนาดเท่าศีรษะดวงหนึ่ง

พริบตานั้นเสียงกรีดร้องไพเราะก็ดังขึ้น วิหคสีม่วงขนาดสองสามฉื่อปรากฏขึ้นกลางเปลวเพลิง

ตัววิหคอ่อนช้อย ขนนกสีม่วงยาว ดวงตาสีแดงเพลิงคู่หนึ่งเปล่งประกายราวกับผลึกงดงาม คาดไม่ถึงว่าจะเป็นนกยูงสีม่วงที่มีสีสันงดงามตัวหนึ่ง

เมื่อวิหควิญญาณปรากฏตัวออกมา ก็เงยหน้าขึ้นส่งเสียงร้องอันไพเราะ ชั่วขณะนั้นผิวพลันมีลำแสงสีม่วงเจิดจ้า ชั่วครู่ก็ขยายใหญ่ขึ้นจนกลายเป็นสิ่งมหึมาขนาดสามสิบสี่สิบจั้ง

หลังจากเสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น นกยูงที่มีขนยาวๆ เต็มตัวก็ลุกไหม้กลางอากาศ กลายเป็นเปลวเพลิงสีม่วง กระพืออีกทั้งสองข้าง ชั่วขณะนั้นเมฆเพลิงสีม่วงก็พวยพุ่งขึ้นไปกลางอากาศเป็นอาณาเขตสองสามหมู่

หานลี่จ้องเขม็งไปที่ตะเกียงสีเขียว ใบหน้าเผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมา เมื่อนกยูงสีม่วงถูกเรียกกลับไป ร่างทั้งร่างก็ตกตะลึงงัน

“วิหคศักดิ์สิทธิ์มู่หลาน”

หานลี่พลันรู้สึกประหลาดใจ และใช้น้ำเสียงที่แผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยินเอ่ยพึมพำ

นกยูงสีม่วงนี้ไม่ว่าจะเรียกออกมาด้วยวิธีใด ก็ยังแผ่กลิ่นอายเดิมออกมา คล้ายกับวิหคศักดิ์สิทธิ์มู่หลานที่ถูกเรียกออกมาจากตะเกียงโบราณที่เคยพบที่แดนมนุษย์ในปีนั้น

แน่นอนว่าทั้งสองมีพละกำลังแตกต่างกัน ย่อมแตกต่างกัน

วิหคศักดิ์สิทธิ์มู่หลานในปีนั้นมีพละกำลังใกล้เคียงกับระดับเทพแปลงเท่านั้น แต่นกยูงสีม่วงกลับใกล้เคียงกับระดับมหายาน แม้ว่าจะเป็นหานลี่ก็ยังไม่กล้าดูแคลน

หานลี่ขบคิดในใจไม่หยุด ทว่าก็ไม่รอให้คิดอันใดมาก

ชายชราแซ่อี้ที่อยู่ไกลออกไปอ้าปากออกอีกครั้ง ลำแสงวิญญาณเปล่งแสงสว่างวาบ พ่นกระจกโบราณสีทองออกมา มือหนึ่งพลิกฝ่ามือ ในมือมีม้วนคัมภีร์สีเงินอ่อนปรากฏขึ้น

ชายชรากระตุ้นสมบัติสองชิ้นพร้อมกันอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด กระจกโบราณสีทองหมุนคว้างอยู่เหนือหัวของชายชรา อากาศด้านหลังมีเงาสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนเปล่งแสงสว่างวาบ กระจกสีทองที่เหมือนกันทุกระเบียบนิ้วปรากฏขึ้นเต็มไปหมด มีมากถึงพันบาน

และเมื่อคัมภีร์สีเงินลอยขึ้นจากบนมือ เสียง “พรึ่บๆ” ก็ดังขึ้น แล้วเปิดออกโดยอัตโนมัติ ด้านบนมีอักขระสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนทะลักออกมา แล้วทยอยกันรวมตัวกัน คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นนักรบชุดเกราะสีเงินที่มีใบหน้าไร้ความรู้สึกสิบแปดคน บ้างก็ถือดาบกระบี่ขวานยาว บ้างก็สะพายคันธนูยาวสีเงินเอาไว้ ทุกคนล้วนมีสีหน้าแข็งทื่อ ราวกับสร้างขึ้นจากน้ำแข็งทมิฬก็ไม่ปาน

“ไป สังหารผู้ที่อยู่ตรงข้าม!” ชายชราแซ่อี้ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ ใช้นิ้วชี้ไปยังหานลี่ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ใช้น้ำเสียงที่ใกล้เคียงกับการคำรามเบาๆ ร้องตะโกนออกมา

นกยูงสีม่วงได้ยินทันใดนั้นก็กระตุ้นเมฆเพลิงสีม่วง แล้วม้วนวนไปฝั่งตรงข้ามอย่างดุดัน

กระจกสีทองนับพันบานเปล่งแสงสว่างวาบ เสียงฟ้าผ่าดังขึ้น เปลวเพลิงสีทองทะลักออกมาหลายดวง ปกคลุมทั่วท้องฟ้าแล้วกดลงมา

นักรบชุดเกราะสีเงินสิบแปดคนขยับกาย แล้วบินไปทางหานลี่…