ตอนที่ 2280 สงครามของซิวหลัว (3)

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

หานลี่เห็นเช่นนี้ย่อมไม่สนใจจะขบคิดเรื่องวิหคศักดิ์สิทธิ์มู่หลาน หลังจากพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ก็สะบัดแขนเสื้อไปด้านหน้า เปลวเพลิงสีเงินกลุ่มหนึ่งพุ่งออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วกลายเป็นวิหคเพลิงสีเงินตัวหนึ่ง

เมื่อวิหคเพลิงตัวนี้ปรากฏตัวก็ส่งเสียงร้องต่ำๆ ออกมา ร่างกายขยายใหญ่ขึ้นเช่นกัน ชั่วพริบตาก็กลายเป็นวิหคที่มีขนาดไม่ด้อยไปกว่านกยูงยักษ์สีม่วงกระพือปีกทั้งสองแล้วพาเปลวเพลิงสีเงินม้วนวนพุ่งไปหาเมฆเพลิงสีม่วงฝั่งตรงข้าม

วิหคเพลิงขนาดยักษ์สองตัวไม่ทันได้สัมผัสกัน เมฆเพลิงที่ไม่เหมือนกันสองสีก็ปะทะเข้าด้วยกัน

วิหคเพลิงสองตัวเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วประชิดเข้ามาใกล้การต่อสู้พลางฉีกทึ้งกันไปมา

ท่ามกลางเสียงฉีกทึ้งที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ลูกบอลเพลิงที่เจิดจ้าสองสีที่ไม่เหมือนกัน พลันปรากฏขึ้นลางๆ ด้านล่างเมฆาเพลิง บ้างก็ส่งเสียงอึกทึกออกมาแล้วโจมตีเข้าด้วยกันบ้างก็ไล่ตามอยู่ด้านหน้าและด้านหลังอย่างเงียบเชียบ

เมฆเพลิงสีม่วงและเปลวเพลิงสีเงินพัวพันเข้าด้วยกัน แทบจะสะท้านแสงเจิดจ้าไปกว่าครึ่งท้องฟ้ากลิ่นอายร้อนฉ่าม้วนวนเข้ามาจากทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน

และในยามนี้ท้องฟ้าในจุดที่สูงยิ่งกว่าพลันมีลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบ เปลวเพลิงสีทองนับพันดวงปรากฏขึ้นเหนือหานลี่ และทุบลงมาอย่างรุนแรง

หานลี่ใช้มือหนึ่งร่ายอาคมอย่างไม่ต้องขบคิด ในตัวมีเสียงกระบี่วิหคดังขึ้น พริบตานั้นกระบี่เล่มเล็กสีเขียวเจ็ดสิบสองเล่มบินออกมาจากส่วนต่างๆ ในร่างกาย หลังจากหมุนวนกลางอากาศ ก็ทยอยกันกลายเป็นกระบี่ลำแสงที่เหมือนกันทุกระเบียบนิ้วเจ็ดสิบสองเล่ม

หานลี่สะบัดแขนเสื้อไปกลางอากาศอีกครั้ง ปากก็พ่นคำว่า “ทำลาย” ออกมา

ชั่วขณะนั้นกระบี่ลำแสงสีเขียวเหนือหัวพลันเปล่งเสียงหึ่งๆ ออกมา แล้วพุ่งไปกลางท้องฟ้า

ทุกดวงลำแสงสีทองมีลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ กระบี่ลำแสงสายหนึ่งสับออกเป็นสองส่วน จากนั้นลำแสงเย็นชาก็เปล่งแสงเจิดจ้า และถูกทำลายจนเป็นชิ้นๆ

ชายชราแซ่อี้เห็นฉากนี้อยู่ไกลๆ ก็มีสีหน้าเคร่งขรึม แต่ในมือกลับมีอาคมประหลาด กระจกนับพันบานด้านหลังสั่นเทาพร้อมกัน และเปล่งแสงสีทองเจิดจ้าออกมา

หานลี่ที่อยู่กลางอากาศมีลำแสงวิญญาณเปล่งแสงสว่างวาบ เสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น!

เปลวเพลิงลำแสงสีทองที่ถูกผ่าออกแตกเป็นชิ้นๆ และเปล่งแสงสว่างวาบ พลางกลายเป็นลำแสงสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งแหวกอากาศลงมา

“มาพอดี”

หานลี่ไม่เพียงไม่ตกตะลึง กลับหัวเราะร่าออกมา นิ้วหนึ่งชี้ไปยังกระบี่ลำแสงทั้งหมดที่อยู่กลางอากาศ

กระบี่ลำแสงทั้งหมดพลันสั่นเทา ทยอยกันหายวับไปจากที่เดิมอย่างเงียบเชียบ

ครู่ต่อมาเหนือศีรษะของหานลี่พลันมีลำแสงสีเขียวเปล่งแสงเจิดจ้า กระบี่ลำแสงสีเขียวปรากฏขึ้นจำนวนมาก และรวมตัวกันตรงใจกลาง กลายเป็นดอกบัวสีเขียวขนาดสองสามหมู่

ดอกบัวนี้หมุนวนเล็กน้อย ทันใดนั้นเงากระบี่ก็ทะลักออกมา ไอกระบี่ตัดสลับไปมาเป็นสายๆ ห่อหุ้มไว้อย่างหนาแน่น

ลำแสงสีทองจมหายเข้าไปในไอกระบี่ราวกับฝนลูกศร ทันใดนั้นก็ระเบิดลำแสงเจิดจ้าไม่หยุด ลำแสงสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนถูกต้านทานอยู่กลางอากาศ มีเพียงส่วนน้อยที่ทะลวงผ่านไอกระบี่ไป แต่พลันเปล่งแสงสว่างวาบกลับถูกดอกบัวกระบี่สีเขียวเก็บเข้าไปข้างในอย่างเงียบเชียบ และไม่มีเสียงใดๆ ดังขึ้นอีก

แต่ในยามนั้นเสียงแหวกอากาศพลันดังขึ้น!

เบื้องหน้าของหานลี่พลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ธนูยาวสีเงินความยาวสองสามฉื่อสามดอกพลันปรากฏขึ้น แล้วเปล่งแสงสว่างวาบทะลวงผ่านไปราวกับสายฟ้า

หานลี่ร้องอุทานว่า “เอ่” ออกมาเบาๆ แต่ใบหน้ากลับไร้ความรู้สึก ยกแขนข้างหนึ่งขึ้น นิ้วหนึ่งกลายเป็นสีม่วงทองพุ่งออกไปด้านหน้า

เสียงระเบิดดังขึ้นสามครั้ง!

นิ้วที่ร่ายออกไปคาดไม่ถึงว่าจะโจมตีไปที่ลำแสงสีเงินสามสายอย่างแม่นยำ หลังจากลำแสงหม่นแสงลง ธนูยาวสีเงินสามดอกก็หยุดชะงักปรากฏตัวขึ้น และกระตุ้นพลังมหาศาล พุ่งกลับไปด้วยความเร็วที่เหนือกว่าตอนแรก เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปจากกลางอากาศอย่างไร้ร่องรอย

ครู่ต่อมาไกลออกไปกลับมีเสียง “ปังๆ” ดังขึ้น นักรบชุดเกราะสีเงินสามตัวจากสิบกว่าตัวล้มจึงลงทันที และกลายเป็นดวงลำแสงสีเงินสลายหายไป

ชายชราแซ่อี้เห็นฉากนี้ก็หน้าเปลี่ยนสีทันใด และทันใดนั้นก็บริกรรมคาถาพลางม้วนวนแล้วชี้ไปที่ม้วนคัมภีร์สีเงินตรงหน้า

อาคมเป็นสายๆ เปล่งแสงสว่างวาบจมหายเข้าไปข้างในอย่างไร้ร่องรอย

ม้วนคัมภีร์สีเงินเปล่งแสงสว่างวาบทันใด อักขระยันต์ปรากฏขึ้นลางๆ

นักรบชุดเกราะสีเงินที่เหลือพลันขยายใหญ่ขึ้น จนมีขนาดมากกว่าเดิมสองสามเท่า แต่การเคลื่อนไหวกลับเปลี่ยนเป็นรวดเร็วราวกับสายฟ้า หลังจากกระโดดสองสามครั้งก็ปรากฏตัวข้างๆ หานลี่พร้อมกับอาวุธครบครัน และมุ่งเข้ามาอย่างไม่เกรงใจ

เห็นเพียงดาวกระบี่ขวานยาวเปล่งแสงสว่างวาบ กระบี่และดาบลำแสงเป็นสายๆ ม้วนวนเข้ามาหาหานลี่อย่างดุดัน

หานลี่มีสีหน้าไม่ดูแคลนเลยสักนิด หลังจากเอ่ยว่า “ฝีมือต่ำต้อย” มือหนึ่งก็โบกสะบัดไปด้านหน้า

รัศมีลำแสงสีเทากลายเป็นม่านลำแสงปรากฏขึ้นตรงหน้า

ดูจากท่าทางดุดันของกระบี่และดาบลำแสงที่สับลงมา ลำแสงสีเทาพลันเปล่งแสงสว่างวาบอย่างต่อเนื่อง แล้วจมหายเข้าไปข้างในราวกับโคลนที่จมลงสู่มหาสมุทร แล้วไม่มีความผิดปกติใดๆ อีก

ทว่ายามนี้ร่างของนักรบชุดเกราะสีเงินเหล่านั้นพลันเลือนราง ล้วนเคลื่อนย้ายมาปรากฏอยู่ใกล้กับหานลี่แค่คืบ อาวุธมีดต่างๆ เปล่งแสงสว่างวาบแล้วสับลงมา

ดาบกระบี่ขวานยาวยังไม่ทันประชิดตัว ลำแสงเย็นเยียบก็สับลงมาก่อน ท่าทางจะสับม่านลำแสงสีเทาออก

แววตาของหานลี่ฉายแววเย็นชา ไม่รอให้เขามีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ เบื้องหน้าพลันมีรัศมีสีเทาก่อตัวขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเหมือนร่างจริงดีดลำแสงเย็นเยียบเหล่านั้นออกไป

จากนั้นม่านลำแสงสีเทาพลันมีเสียงหึ่งๆ ดังขึ้น ชั่วพริบตาก็กลายเป็นระลอกคลื่นยักษ์สิบกว่าจั้งกดลงมา

นักรบชุดเกราะสีเงินเหล่านั้นมีปฏิกิริยาตอบสนองไม่เชื่องช้า ทันใดนั้นก็ขวางดาวแล้วถอยไปด้านหลัง

แต่ระลอกคลื่นยักษ์สีเทาพลันมีเงาลำแสงก่อตัวขึ้น พ่นเส้นไหมลำแสงจำนวนมากออกมาเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายไป ทะลวงผ่านร่างของนักรบชุดเกราะสีเงินเหล่านั้นด้วยความเร็วปานสายฟ้า จากนั้นก็หมุนตัวมัดนักรบชุดเกราะเหล่านั้นไว้อย่างแน่นหนา

คลื่นยักษ์สีเทากดลงมาม้วนเอานักรบชุดเกราะเหล่านั้นไว้ข้างใน ไม่มีแรงต้านทานใดๆ อีก

ชายชราแซ่อี้ที่อยู่ไกลออกไปเห็นเช่นนั้น ลำแสงโหดเหี้ยมพลันปรากฏขึ้น แล้วพลันอ้าปากออกพ่น โลหิตบริสุทธิ์เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในม้วนคัมภีร์ ชั่วขณะนั้นสมบัติพลันหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง

แทบจะในเวลาเดียวกันนักรบชุดเกราะสีเงินที่ถูกรัศมีลำแสงสีเทาพันรัดเอาไว้พลันร่างเปล่งแสง ระเบิดกลิ่นอายที่น่าตกตะลึงออกมา

ไอคลื่นสีดำม้วนวนอยู่ในลำแสงสีเทา ดูเหมือนว่าจะฉีกทึ้งม่านลำแสงเป็นชิ้นๆ

แววตาของหานลี่ฉายแววตกตะลึง ยื่นฝ่ามือออกมาจากแขนเสื้อ กางนิ้วทั้งห้าออกแล้วกดไปที่ลำแสงสีเทา

เสียง “ปัง” ดังสนั่นขึ้น

ในรัศมีลำแสงระเบิดพลังมหาศาลที่ไม่อาจต้านทานได้ออกมา ลำแสงหม่นแสงลง แล้วกลายเป็นลำแสงสีเงินสลายหายไป

หานลี่ถึงได้กวาดตามองไปยังที่สูงแวบหนึ่ง เห็นเพียงวิหคเพลิงกลืนวิญญาณและนกยูงสีม่วงยังคงถูกฉีกทึ้ง

ทั้งสองล้วนไม่ใช่ร่างเที่ยงแท้ ประกอบกับกระตุ้นเปลวเพลิงวิญญาณลึกลับ คิดจะตัดสินผู้แพ้ชนะ ดูแล้วคงไม่อาจทำได้ในระยะเวลาอันสั้น

หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลง หลังจากชักสายตากลับมา ก็มองไปยังชายชราที่อยู่ไกลออกไปด้วยสีหน้าเย็นชา

“วิธีการหยั่งเชิงเช่นนี้ สหายอย่าใช้เลย ในเมื่อนายท่านไม่อยากใช้อิทธิฤทธิ์ที่แท้จริง เช่นนั้นก็รับการโจมตีของผู้แซ่หานก่อนแล้วค่อยว่ากันเถิด”

สิ้นเสียงหานลี่พลันพลิกฝ่ามือข้างหนึ่ง แผ่นหลังมีลำแสงสีทองสว่างวาบ เทวรูปสีทองสามเศียรหกกรปรากฏขึ้น

เมื่อเทวรูปนี้รวมตัวกัน เศียรทั้งสามก็ลืมตาทั้งสองข้างขึ้น กรทั้งหกเลือนรางต่างโจมตีไปกลางอากาศ

เสียง “ปังๆ” ดังสนั่นขึ้น ระเบิดออกกลางอากาศราวกับฟ้าผ่า

ลำแสงสีทองหกดวงพุ่งออกมาจากเทวรูป หลังจากกะพริบวาบก็กลายเป็นลำแสงสีทองเส้นผ่าศูนย์กลางสองสามจั้ง

เสียงหวีดร้องดังขึ้น ลูกบอลลำแสงหกดวงกดลงมาที่ฝั่งของชายชราอย่างรุนแรง

ชายชราแซ่อี้เห็นเช่นนี้ก็แค่นเสียงด้วยความเย็นชา นิ้วกลับชี้ไปกลางอากาศอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด

แผ่นหลังของเขามีกระจกสีเทาจำนวนมากแขวนอยู่พร้อมกับส่งเสียงร้องหึ่งๆ ทันใด บานกระจกมีลำแสงสีทองสว่างวาบ พ่นเส้นไหมสีทองบางๆ ออกมา

เส้นไหมสีเทาที่หนาแน่นรวมตัวกันตรงหน้าชายชรา แล้วกลายเป็นตาข่ายเส้นไหมยักษ์

ชายชรากระตุ้นอาคม ตาข่ายยักษ์สั่นเทา แล้วห่อหุ้มลูกบอลลำแสงสีทองหกลูกเอาไว้ เส้นไหมสีทองแผ่ลำแสงเจิดจ้าออกมา ท่าทีจะห่อหุ้มลูกบอลลำแสงทั้งหมดเอาไว้

ทว่าพริบตาที่ตาข่ายยักษ์และลูกบอลลำแสงสัมผัสกัน หานลี่ที่อยู่ตรงข้ามกลับมีสีหน้าโหดเหี้ยม ปากก็พ่นคำว่า “ลำแสงถ้ำหยก” แล้วใช้นิ้วชี้ไปอีกครั้ง

ทันใดนั้นลูกบอลลำแสงสีทองหกดวงแค่พลิ้วไหว ก็เลือนรางแล้วรวมตัวกันกลายเป็นระลอกคลื่นสีทองเรืองรอง

เมื่อระลอกคลื่นปรากฏตัว ก็หมุนคว้างทันที อักขระยันต์ห้าสีจำนวนนับไม่ถ้วนลอยออกมาจากใจกลาง ในเวลาเดียวกันพลังแรงดูดมหาศาลก็ทะลักออกมา

แม้ว่าตาข่ายยักษ์สีทองจะลึกลับ แต่ก็ไม่อาจต้านทานพลังแรงดูดมหาศาลได้ เมื่อสัมผัสกันทันใดนั้นก็ส่งเสียงร้องคร่ำครวญแล้วถูกดูดเข้าไปข้างใน และยิ่งไปกว่านั้นยังเปล่งแสงสว่างวาบถูกสับออกเป็นชิ้นๆ

ชายชราแซ่อี้ตกตะลึงตบไปที่แผ่นหยกที่ห้อยอยู่ตรงบั้นเอว

สิ่งนี้ส่งเสียงร้องยาวๆ ออกมา แล้วกลายเป็นมังกรวารีสีขาวตัวหนึ่ง แยกเขี้ยวตะปบเล็บไปหาระลอกคลื่น

ระลอกคลื่นสีทองแค่มีเสียงสวดมนตร์ภาษาสันสกฤตดังมา อักขระยันต์จำนวนมากกว่าเดิมทะลักออกมา คาดไม่ถึงว่ามังกรวารีจะเปล่งแสงสว่างวาบแล้วดูดเข้าไปข้างใน

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ระลอกคลื่นพลันมีเสียงอึกทึกดังขึ้น ชั่วขณะนั้นหยกตรงหว่างเอวของชายชราพลันแตกเป็นผุยผงอย่างเงียบเชียบ

ชั่วครู่ชายชราแซ่อี้ก็หน้าเปลี่ยนสีไปจริงๆ

แต่เมื่อเห็นระลอกคลื่นสีทองไม่อาจต้านทานได้อีก หลังจากหมุนวนสองสามรอบก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าในจุดที่อยู่ไม่ไกลนัก เขากลับมาเยือกเย็น สองมือร่ายอาคมในเวลาเดียวกัน แผ่นหลังมีเสียงหึ่งๆ ดังขึ้น ฉับพลันนั้นรัศมีลำแสงหลากสีสันห้าชนิดก็พุ่งออกมา

รัศมีลำแสงห้าสีแค่หมุนคว้างก็กวาดอากาศตรงหน้าไป

เสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น ระลอกคลื่นสีทองกวาดรัศมีลำแสงไป คาดไม่ถึงว่าจะเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป

“ลำแสงเทวะห้าสี! เจ้าคือคนของเผ่าลำแสงเบญจธาตุจากเผ่าวิญญาณเหาะเหิน!” แม้ว่าหานลี่จะคาดเดาไว้นานแล้ว แต่เมื่อเห็นสถานการณ์ที่แปลกประหลาดนี้ก็อดที่จะตกตะลึงไม่ได้

“ฮ่าๆ คิดไม่ถึงว่าสหายจะดวงตาเฉียบแหลมนัก คาดไม่ถึงว่ามองปราดเดียวก็รู้รากฐานของตาเฒ่า ในเมื่อเป็นเช่นนั้นข้าน้อยก็จะไม่ปิดบังอันใด ให้นายท่านได้ลิ้มรสความร้ายกาจของลำแสงเทวะห้าสีเถิด” ชายชราแซ่อี้เห็นหานลี่เรียกอิทธิฤทธิ์ประจำกายของตนถูก ก็ประหลาดใจ แต่ทันใดนั้นก็เผยรอยยิ้มโหดเหี้ยมออกมา

จากนั้นก็เห็นเขาหมุนตัว

เสียงฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ดังขึ้น!

รัศมีลำแสงห้าสีม้วนวนออกมาทันใด นกยูงห้าสีขนาดสองสามจั้งปรากฏขึ้นเงยหน้าขึ้นกวาดตามองหานลี่อย่างเย็นชา ดวงตาทั้งสองเปล่งแสงวิบวับไม่หยุด คาดไม่ถึงว่าจะให้รู้สึกเย็นเยียบจนแทบจะถูกแช่แข็งไปทั้งร่าง…