อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1029 บุรุษงามสามคน
ไม่ว่าคนหรือสัตว์อสูร ต่างฝ่ายต่างเห็นกู้ชูหน่วนเป็นสิ่งหอมหวาน ปรี่มาหานางอย่างชิงนำหน้ากลัวรั้งท้าย กลัวว่านางจะถูกแย่งไป

กู้ชูหน่วนตกใจถอยหลังเนืองๆ

ไมตรีล้นหลานเช่นนี้ นางหรือจะรับไหว

หากยังไม่หนีอีก เกรงว่าต้องถูกพวกเขารุมทึ้งแน่

กู้ชูหน่วนไม่อาจคำนึงถึงดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีได้อีก มือหนึ่งตบๆ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ อีกมือหนึ่งตบๆ เจ้าเสือน้อย

“ยังจะยืนทื่อทำอะไรเนี่ย ท่าจะไม่ดีแล้ว ยังไม่รีบเผ่นอีก”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กับเจ้าเสือน้อยกลืนน้ำลายอึก รีบโกยอ้าวตามกู้ชูหน่วนติดๆ

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ยังถึงกับแบกกู้ชูหน่วนกับเจ้าเสือน้อยขึ้น แล้วนี่จึงจะสลัดฝูงคนทั้งหลายได้

ไม่รู้ว่าวิ่งนานเท่าไรกว่าเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จะหยุด มองทางที่เพิ่งวิ่งมาเมื่อครู่อย่างยังตื่นตระหนกอยู่

“ทำเอาเค้าตกใจหมดเลย คนพวกนี้จะบ้าไปแล้วกระมัง”

“โป๊ก”

กู้ชูหน่วนมอบมะเหงกให้พวกมันคนละหนึ่งอย่างไม่เกรงใจ

“พวกเจ้าสองคนจงใจใช่ไหม?”

“ปรักปรำ ข้าแค่ไม่อยากให้พวกเขาดูแคลนนายหญิงเท่านั้น ใครจะรู้ว่าพวกเขาจะมีปฏิกิริยาเกินเลยขนาดนี้”

กู้ชูหน่วน “…”

เจ้าเสือน้อยก็ผงกหัวงึกงักอย่างเห็นพ้องต้องกัน “นายหญิง ข้าว่าแบบนี้ดีออก ต่อไปพวกเขาจะไม่ใช้แววตาดูถูกมองนายหญิงอีก”

“พวกเจ้าทำเป็นเรื่องใหญ่โตอย่างนั้น แล้วนี่ข้าจะชิงดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีมาอย่างไร?”

สัตว์วิเศษทั้งสองพลันนึกขึ้นมาได้แบบความรู้สึกช้า ต่างฝ่ายต่างมองกันแบบงงงัน

“พวกเจ้าเป็นสัตว์วิเศษโบราณไม่ใช่หรือ? อย่างนั้นก็ไปเอาดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีมา ก่อนค่ำวันนี้ ไม่ว่าพวกเจ้าจะใช้วิธีการอะไร ก็ต้องส่งดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีมาอยู่ตรงหน้าข้าให้ได้”

“ห้ามบอกปัด ห้ามหาข้ออ้าง และห้ามล้มเหลวด้วย ไม่อย่างนั้นต่อไปพวกเจ้าโง่เง่าเต่าตุ่นสองตัวก็อย่าคิดตามข้าอีก”

“นายหญิง…”

“นายหญิง…”

“ฟ้าจะมืดแล้ว ยังไม่รีบไสหัวไปหาดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีมาอีก หรือว่ายังต้องให้ข้าแบกพวกเจ้าไป?”

เมื่อเห็นกู้ชูหน่วนโกรธจริง สัตว์วิเศษสองตัวจึงจากไปแบบขวัญหนีดีฝ่อ แต่เพิ่งจะเดินไปไม่กี่ก้าวก็น้อยเนื้อต่ำใจหันกลับมามองกู้ชูหน่วนที่ขมึงทึงอีก

แต่หลังจากพวกมันจากไป กู้ชูหน่วนก็ขมวดคิ้ว ใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ ไม่รู้ว่าพวกมันจะชิงดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีมาได้หรือเปล่าสิน่า

“ช้งเช้ง…”

ด้านนอกมีเสียงดังซอกแซก กู้ชูหน่วนจึงลุกขึ้นแล้วเดินไปตามเสียง

ตลอดทางที่ผ่าน พื้นดินเป็นหลุมเป็นบ่อ มีร่องรอยการต่อสู้ทุกหนทุกแห่ง ต้นไม้โบราณอายุพันปีจำนวนไม่น้อยถูกถอนรากถอนโคน

เมื่อเดินต่อ ก็เห็นหางจิ้งจอกสีขาวเป็นพวงๆ แต่ละพวงใหญ่เท่ากับผู้ใหญ่ ไม่รู้ว่าจิ้งจอกตัวนั้นตัวใหญ่ขนาดไหน

“จิ้งจอกตัวนี้คงไม่ใช่จิ้งจอกเก้าหางระดับเจ็ดกระมัง?”

กู้ชูหน่วนยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้

เมื่อเดินไปอีกระยะ กู้ชูหน่วนก็เห็นร่างจิ้งจอกตัวนั้นเข้าในที่สุด ตัวมันมีบาดแผลเต็มไปหมด ตายจมกองเลือดไปนานแล้ว

แต่ที่ทำให้นางคาดไม่ถึงก็คือ ข้างๆ ซากจิ้งจอกกลับมีคนสองคนล้มอยู่

เป็นสองคนที่นางทั้งคุ้นเคยทั้งแปลกหน้า

คนหนึ่งคือชายสวมหน้ากาก

คนหนึ่งคือเจ้าผีเสื้อ

ทั้งสองต่างบาดเจ็บหมดสติอยู่

ดูจากอาการ น่าจะเป็นเพราะหลังจากสู้ศึกเดือดกับจิ้งจอกระดับเจ็ดแล้ว พวกเขายังกัดกันเองอีก นี่ถึงทำให้บาดเจ็บหนักจะตายอยู่รอมร่อ

นอกจากพวกเขาแล้วยังมีขวานอีกด้ามหนึ่ง ขวานมีสนิมเล็กน้อย จับอยู่มือไม่รู้สึกถึงชี่ทิพย์ใดๆ และไม่ทราบว่าใช่ขวานผานกู่หรือไม่ด้วย

กู้ชูหน่วนแขยง แต่นางกลัวว่าหากขวานที่อยู่ในมือเป็นขวานผานกู่ของจริงเล่า นั่นจะไม่พลาดของวิเศษไปหรือ

กู้ชูหน่วนไตร่ตรองครู่หนึ่ง จากนั้นก็เก็บขวาน แล้วหามเย่จิ่งหานกับเวินเส้าหยีไปซ่อนไว้ในถ้ำที่เซียวหยู่เซวียนอยู่

กว่าจะเสร็จสรรพเรียบร้อย กู้ชูหน่วนก็เหนื่อยจนหอบแฮกๆ

แต่นางพอใจยิ่ง

บุรุษสามคน แต่ละคนมีบุคลิกเหนือผู้คน หล่อเหลาสุภาพ นอนเคียงกันจะดูอย่างไรก็ดีต่อสายตา