บทที่ 1112 มีเหล้าไหม!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

ดารานิรันดร์เป็นระดับขั้นอย่างหนึ่งของร่าง ขั้นของผู้เยี่ยมยุทธ์ที่แม้ก้าวเข้าไปครึ่งก้าวก็มีระดับอมตะแล้ว ถึงแม้ดารานิรันดร์ในจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นจะมีอยู่ค่อนข้างมาก แต่นี่ก็เป็นเพราะระดับพื้นฐานมีจำนวนมาก ส่วนใหญ่ล้วนเป็นระดับสามัญหรืออำพันสองระดับนี้ แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้…ระดับดารานิรันดร์ก็ยังเป็นการมีอยู่อันน่าสะพรึงที่ทำให้คนคนหนึ่งสามารถค้ำจุนหนึ่งดาราจักรได้เลย

แล้วนับประสาอะไรกับดารานิรันดร์ขั้นสูง

ตัวอย่างเช่นชงอี้จื่อ เขาเป็นดารานิรันดร์ระดับพิภพ สถานะของเขาก็คือเซียนเต๋าลำดับสองของสำนักอันดับหนึ่งของเต๋าเก้ารัฐแห่งจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์เต๋าฝั่งซ้าย จากตรงนี้จะเห็นได้ถึงพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งหายากของดารานิรันดร์ระดับสูงได้!

ส่วนระดับสวรรค์…นั่นมีเพียงตระกูลไม่รู้สิ้นเท่านั้นที่ครอบครองวิธีการเลื่อนขั้น ดารานิรันดร์ระดับสวรรค์คนหนึ่ง ถึงแม้จะมีพลังฝึกปรือจะอยู่เพียงดารานิรันดร์ชั้นกลาง แต่กับการสังหารชงอี้จื่อ…แม้จะไม่ได้ง่ายดาย แต่ก็ไม่จำเป็นต้องใช้พลังมากเกินไป

นี่ก็คือหนึ่งในเหตุผลพื้นฐานที่รักษาให้ตระกูลไม่รู้สิ้นแข็งแกร่งจากรุ่นสู่รุ่น

ส่วนทางหวังเป่าเล่อ ดารานิรันดร์ของเขาไม่อาจใช้กฎเกณฑ์ทั่วไปมาตัดสินแล้ว หากดูจากระดับ เขาเหนือยิ่งกว่าระดับสวรรค์ บรรลุถึงระดับเต๋านิรันดร์ที่มีอยู่ในตำนาน หากดูจากปริมาณ…เขาทำลายสิ่งกีดขวางนับล้าน รั้นให้ดาวเคราะห์เต๋าของตน…เลื่อนขั้นถึงระดับหลุมดำ!

ดังนั้นจึงยากจะตัดสินพลังต่อสู้ในตอนนี้ของเขาอย่างมาก ตัวหวังเป่าเล่อเองก็ไม่อาจเปรียบเทียบพลังได้ชัดเจน เขารู้แค่ว่า…ดารานิรันดร์ระดับแบบร่างแยกของชงอี้จื่อก่อนหน้านี้ ใช้แค่นิ้วเดียวก็สามารถจิ้มให้ตายหลายคนแล้ว!

“ข้าในตอนนี้ ถึงไม่อาจพูดได้ว่าใต้หล้าไร้พ่าย แต่อย่างน้อยผู้ที่สามารถสังหารข้าได้ก็มีน้อยนิด” หวังเป่าเล่อเงยหน้าขึ้น เต็มไปด้วยความทอดถอนใจ ยิ่งกว่านั้นคือมีความภาคภูมิใจแบบหนึ่งผุดขึ้นมาในใจเขาด้วย

ขณะที่หวังเป่าเล่อครุ่นคิดอยู่บนฟ้า กระดาษรูปมนุษย์ทั้งหมดที่สุสานดวงดาราด้านล่างก็ใจสั่นสะเทือน วังน้ำวนที่เกิดจากร่องรอยพลังหายนะซึ่งขดวนอยู่ด้านนอกทางเข้าสุสานดวงดาราและถูกดึงดูดมาเพราะการเลื่อนระดับของหวังเป่าเล่อ ตอนนี้มันหมุนวนทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นกะทันหัน สายฟ้าหลายสายก็เพิ่มมากขึ้นพร้อมกับการหมุนวนอย่างรวดเร็วของวังน้ำวนนี้ทันที!

พริบตาที่มันแผ่กระจาย สายฟ้าเหล่านี้ก็พลันพุ่งออกมา ราวกับสามารถตามหาทางเข้าที่ถูกต้องของสุสานดวงดาราได้ ชั่วแวบเดียวที่มันบินออกมา มองไปก็จะเห็นว่าจำนวนของสายฟ้าเหล่านี้มีมากเกินไปจนไม่อาจนับจำนวนได้ มันเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจากภายในวังน้ำวน แล้วพุ่งไปข้างในสุสานดวงดาราไม่หยุดยั้ง!

ภาพนี้ทำให้ชงอี้จื่อที่มองเห็นทั้งตกใจ ประหลาดใจ และสงสัย

ส่วนสิ่งมีชีวิตในสุสานดวงดาราก็มีอาการเช่นนี้ พวกเขาเห็นสายฟ้าสายแล้วสายเล่าพุ่งมาจากบนฟ้า ทุกสายคล้ายจะนำพากลิ่นอายแห่งการทำลายล้างมาด้วย เมื่อมันปรากฏขึ้นก็พุ่งไปยังแนวป้องกันวงแหวนปราณของสุสานดวงดาราทันที

เสียงดังกึกก้องระเบิดดังถึงขีดสุดทันทีตั้งแต่เริ่ม จนทำให้ท้องฟ้าไร้สีสัน วงแหวนปราณบิดเบี้ยว ฟ้าดินคล้ายจะพังทลายลงมา หวังเป่าเล่อเงยหน้ามองไปยังสายฟ้าเหล่านั้น

“หวังเป่าเล่อ นี่คือทัณฑ์สวรรค์ เจ้ารีบเตรียมตัวเร็ว วงแหวนปราณของจักรวรรดิดาวตกของข้าขวางไว้ได้ไม่นาน!!” ผู้อาวุโสรุ่นแรกคำรามเสียงต่ำ จักรพรรดิดาวตกที่อยู่ข้างกายก็ผนึกมุทราอย่างรวดเร็วเพื่อเสริมกำลังให้กับวงแหวนปราณ

พวกเขาไม่อาจให้ความช่วยเหลือโดยตรงได้ เพราะการทำเช่นนี้ไม่เป็นไปตามกฎและจะส่งผลต่อทั้งจักรวรรดิดาวตก ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาทำได้จึงมีเพียงอาศัยวงแหวนปราณซื้อเวลาครู่หนึ่งให้กับหวังเป่าเล่อ

“ไม่จำเป็นต้องขวาง ข้าในตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน” หวังเป่าเล่อเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง ท่วงท่าสง่าสูงส่งปรากฏขึ้นมาให้เห็นบนร่างอีกครั้ง ขณะที่กล่าวก็นำสองมือไพล่หลัง สีหน้าราบเรียบ เผยท่าทางของผู้แข็งแกร่งออกมา

ภาพนี้ทำให้จักรพรรดิองค์แรกและจักรพรรดิองค์ปัจจุบันมีสีหน้าแปลกประหลาด หลังจากหันมาสบตากัน ทั้งสองจึงเก็บพลังเทพไปพร้อมกันแล้วเปิดช่องว่างของวงแหวนปราณ เพียงชั่วอึดใจ…สายฟ้าที่ส่งเสียงกึกก้องมาจากด้านนอกวงแหวนปราณก็คล้ายจะมีสติปัญญา มันพุ่งเข้ามาตามช่องว่างทันที!

เป้าหมายของสายฟ้าเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับสุสานดวงดารา หลังจากมันเข้ามาในชั่วขณะนี้แล้ว ก็พุ่งตรงมายังหวังเป่าเล่อดังสะเทือนฟ้าดิน ความเร็วของมันทำให้พริบตาเดียวก็เข้ามาใกล้ และจำนวนมหาศาลของมันนั้น เพียงแค่ระลอกเดียวก็มีตั้งหลายหมื่นสายแล้ว!

มุมปากของหวังเป่าเล่อยกยิ้มจางๆ ขึ้นมา พริบตาที่สายฟ้าเหล่านี้มาถึง เขาก็ยกมือขวาชี้ไปข้างหน้า ทันใดนั้นดวงดาวเต๋านิรันดร์ด้านหลังตนก็เปลี่ยนแปลงทันที มันไม่ได้แผ่แสงและความร้อนออกมา มองไปมีเพียงหลุมดำขนาดมหึมาหลุมหนึ่งเท่านั้น

เสียงดังกึกก้อง ขณะที่สายฟ้าทุกสายพุ่งเข้ามาใกล้ด้านหน้าของเขา พวกมันก็บิดเบี้ยวพังทลายในพริบตา เฉียดผ่านข้างกายเขาแล้วถูกชักนำเข้าไปในหลุมดำทีละสาย จนโดนกลืนกิน

“แค่นี้หรือ” หวังเป่าเล่อเงยหน้า เอ่ยเสียงราบเรียบ

พริบตาต่อมาก็มีสายฟ้าหลายหมื่นสายกู่ก้องเข้ามาจากรอยแยก แต่ทั้งหมดล้วนพังทลายบิดเบี้ยวเมื่อเข้าใกล้หวังเป่าเล่อ ก่อนจะถูกหลุมดำด้านหลังดูดกิน เมื่อเห็นเช่นนี้ หวังเป่าเล่อก็ถอนหายใจเบาๆ ท่าทางเบื่อหน่ายเล็กน้อย จากนั้นเขาก็มองไปยังจักรพรรดิรุ่นแรก

“มีเหล้าไหม”

ผิวหน้าของจักรพรรดิรุ่นแรกกระตุก เขาคิดว่าการพบหวังเป่าเล่อครั้งนี้ อีกฝ่ายดูแตกต่างจากเมื่อก่อนมากนัก กลายเป็นว่า…ท่ามาก ทำให้เขาเกิดความรู้สึกอยากจะพุ่งเข้าไปต่อยสักหมัดอย่างอธิบายไม่ได้ ผ่านไปครู่ใหญ่จึงฝืนสะกดอาการอยากพุ่งเข้าใส่ลงได้ จากนั้นก็เอ่ยเสียงเรียบ

“นี่เป็นแค่ทัณฑ์อัสนีส่วนหน้าเท่านั้น ยิ่งมาหลังๆ ก็ยิ่งรุนแรง”

“งั้นหรือ” หวังเป่าเล่อแย้มยิ้มบางเบา ดูเหมือนว่าแม้แต่ทัณฑ์อัสนีที่อยู่นอกฟากฟ้าก็ยังรู้สึกว่าถูกดูหมิ่น เพียงพริบตาก็มีสายฟ้าเพิ่มมากเป็นหลายแสนเส้นพุ่งเข้ามาหาพร้อมกัน อีกทั้งสีสันก็เปลี่ยนไป อานุภาพน่ายำเกรงยิ่งกว่าเดิม ขณะที่มันฟาดลงมาก็ระเบิดอยู่รอบตัวของหวังเป่าเล่อจนหมด สุดท้ายก็แตกสลาย แล้วโดนหลุมดำของเขาดูดกลืน

หวังเป่าเล่อส่ายศีรษะ ก่อนสะบัดนิ้วมือที่เริ่มดำของตนในแขนเสื้อเงียบๆ สะกดกลั้นท่าทางเจ็บจนยิงฟัน แล้วเอ่ยช้าๆ

“ก็ยังไม่น่าสนใจ”

ทว่า ทันทีที่เอ่ยประโยคนี้ออกมา เสียงกึกก้องก็ดังสนั่นทั่วฟ้าทันที ที่นอกท้องฟ้า เพียงพริบตาก็มีสายฟ้าหลายแสนสายส่งเสียงอึกทึกเข้ามา ถ้าหากเป็นแค่การเพิ่มจำนวนก็แล้วไปเถอะ แต่สายฟ้าที่ปรากฏขึ้นมาตอนนี้กลับมีรูปร่างเป็นคมดาบ มองดูแล้วมีอานุภาพน่าตะลึง ท่ามกลางเสียงอึกทึก ชั่วพริบตามันก็หวีดร้องเข้ามาหาทางหวังเป่าเล่อผ่านทางรอยแยกเสียแล้ว

แววตาหวังเป่าเล่อแน่วแน่ขึ้นมาเล็กน้อย อดรู้สึกชาหนังศีรษะไม่ได้ ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตอบสนอง สายฟ้าเหล่านี้ก็ระเบิดขึ้นรอบตัวของเขาจนหมดสิ้น

เสียงตูมตามดังก้องทั่วฟ้า คมดาบสายฟ้าที่พังทลายจำนวนมากถูกหลุมดำดูดกลืนไป จนกระทั่งผ่านไปประมาณเจ็ดแปดอึดใจ เมื่อคมดาบสายฟ้าทั้งหมดสลายหายไป ก็เผยให้เห็นหวังเป่าเล่อที่ตอนนี้ยืนอยู่บนฟ้า เส้นผมตั้งตรงเล็กน้อย บนร่างมีจุดที่ชุดขาดรุ่งริ่งมากมาย

แต่สีหน้าราบเรียบของเขาและรอยยิ้มดุจเดิมก็ทำให้ท่าทางน่าสังเวชนอกกายคล้ายไม่ถือเป็นอะไร โดยเฉพาะเมื่อเห็นว่าตอนนี้ท้องฟ้าค่อยๆ สงบลงแล้ว แม้อวัยวะภายในของหวังเป่าเล่อจะปวดร้าวไปหมด แต่เขาก็รู้สึกว่าเวลาแบบนี้ควรคงท่วงท่าสูงส่งเอาไว้อย่างยิ่ง ดังนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าจึงเป็นเช่นเดิม เขาเงยหน้ามองทางเข้าด้านนอกรอยแตก และยังคงเอ่ยเสียงเรียบเหมือนเดิม

“ทัณฑ์อัสนีพวกนี้ไม่เลวเลย ฟาดจนข้ารู้สึกคันนิดหน่อย ยังมีอีกไหม”

จักรพรรดิรุ่นแรกคร้านจะเอ่ยแล้ว จักรพรรดิองค์ปัจจุบันที่อยู่ข้างกายก็มีสีหน้าแปลกประหลาด พวกเขาสองคนย่อมมองเห็นถึงอาการฝืนของหวังเป่าเล่อ แต่กระดาษรูปมนุษย์ตนอื่นๆ มองไม่เห็น ตอนนี้แต่ละคนจิตใจสั่นสะท้าน ยามมองไปที่หวังเป่าเล่อ ก็จะมีความคาดไม่ถึงออกมา แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้โห่ร้อง บนท้องฟ้าพลันมีเสียงฟ้าร้องดังกึกก้องสั่นสะเทือนไปทั่วโลกา!

ขณะที่เสียงก้องกังวานของฟ้าร้องดังขึ้นด้านนอกสุสานดวงดารา จุดที่หวังเป่าเล่อมองไม่เห็นก็มีวังน้ำวนแห่งความหายนะลอยไปรอบๆ คล้ายถูกยั่วโทสะเข้าให้ มันหดตัวอย่างรวดเร็ว และสุดท้ายก็กลายเป็นนิ้วอัสนีขนาดใหญ่หนึ่งนิ้ว

ทั้งกระบวนการนี้ แม้แต่พวกเซี่ยไห่หยางที่ไม่ได้รับผลกระทบก็ยังรู้สึกรับไม่ไหว ตัวสั่นสะท้านจนต้องพากันหลีกหนีโดยเร็ว แม้แต่ชงอี้จื่อก็ยังหนังศีรษะชาจนต้องถอยหลังทันที ตอนที่หันกลับมาด้วยความหวาดผวา เขาก็มองเห็นนิ้วอัสนีที่น่าตกตะลึงนิ้วนั่นพุ่งเข้าไปยังทางเข้าของสุสานดวงดาราครึ่งซีกแล้ว!

“ที่แท้แล้วข้างในเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทัณฑ์อัสนีก็ปรากฏขึ้นมาแล้ว ถึงขั้นยังมีร่างจริงอีก…” ชงอี้จื่อตกใจจนเนื้อกระตุก มองดูนิ้วอัสนีมหึมานั่นหายลับไปในทางเข้าสุสานดวงดารา คิดอยากจะไปดูสักหน่อย แต่เมื่อนึกถึงพลังผันผวนของนิ้วมือนั่น ชงอี้จื่อจึงล้มเลิกความคิดแสนอันตรายของตน

ส่วนตอนนี้ ภายในสุสานดวงดารา หวังเป่าเล่อที่เพิ่งจะวางท่าสูงส่งเมื่อครู่ก็เงยหน้าขึ้นไปมองด้วยท่าทางที่สูงส่งลึกล้ำ…ครั้นเห็นนิ้วอัสนีมหึมายื่นเข้ามาจากโลกภายนอก นิ้วมือนี้…แทบจะกินพื้นที่ท้องฟ้าไปครึ่งใหญ่ๆ ได้ แค่ชำเลืองมองแวบเดียว เขาก็ตัวสั่นงันงกรุนแรง วิกฤตถึงชีวิตอย่างแรงกล้าปะทุขึ้นมาในใจทันที

“บัดซบ…ไม่ถึงขนาดนี้กระมัง…” หวังเป่าเล่อตาตั้งโดยสมบูรณ์แล้ว

……………………