สีหน้าของหวังเป่าเล่อพลันเปลี่ยนไป เขามองดูนิ้วอัสนีมหึมาที่ปรากฏขึ้นบนฟ้าและกินพื้นที่ไปกว่าครึ่งนั่น ขณะตกใจจนเนื้อกระตุก ก็ยังมีความรู้สึกถึงวิกฤตชีวิตอันแรงกล้า
หวังเป่าเล่อรู้ดีว่าร่างจริงของตนเป็นไม้ดำสามฉื่อท่อนหนึ่งที่เหมือนจะเป็นอมตะไม่ดับสลาย จากภาพที่เขาเห็นตอนระลึกอดีตชาติ นิ้วอัสนีเล็กๆ นี่ไม่อาจสั่นคลอนร่างจริงของตนได้แม้แต่นิด
แต่…สั่นคลอนกระดานไม้ดำไม่ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะสั่นคลอนจิตที่ถือกำเนิดบนนั้นไม่ได้!
นี่เป็นสองความคิดที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง และวิกฤตถึงชีวิตในขณะนั้นก็ทำให้หวังเป่าเล่อรู้สึกว่า…นิ้วอัสนีที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของตนในตอนนี้สามารถทำลายตัวเขาจนหมดสิ้นได้เลย!
ทันทีที่เขาถูกทำลาย บางทีอีกไม่กี่ปีต่อมา กระดานไม้ดำอาจจะยังให้กำเนิดดวงจิตดวงใหม่ขึ้นมาได้ บางทีอาจจะเป็นตัวเขาเอง แต่ในแง่หนึ่งก็ไม่ใช่ตัวเขาอีกแล้ว
สิ่งนี้ทำให้หวังเป่าเล่อตื่นตระหนกมาก เขาคิดว่าอาจเป็นเพราะเมื่อครู่เขาทำตัวหยิ่งยโสเกินไป ไม่อย่างนั้นเหตุใดการที่ตนเลื่อนขั้นเป็นดารานิรันดร์ถึงได้มีทัณฑ์สายฟ้าที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเช่นนี้ปรากฏขึ้นด้วยล่ะ!
“บางทีอาจจะเกี่ยวกับผลข้างเคียงของขวดปรารถนา…” หวังเป่าเล่อนึกถึงคำอธิษฐานของตนที่ดาวเคราะห์ชะตา แต่ต่อมาผลข้างเคียงก็ไม่เคยปรากฏขึ้น ภาพตรงหน้าทำให้เขาคาดเดาได้โดยไม่ตั้งใจ
แต่การคาดเดาที่ใหญ่ยิ่งกว่านั้นคือ เป็นเพราะดาวเคราะห์เต๋าของตนเลื่อนขั้นเป็นนิรันดร์ เรื่องนี้กวาดมองไปทั่วทั้งจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นแล้วล้วนเป็นเรื่องที่มีอยู่แต่ในตำนาน หรือแม้แต่ในการคาดเดาถึงตัวเองของหวังเป่าเล่อ แม้ว่าดาวเคราะห์เต๋าของบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งตระกูลไม่รู้สิ้นท่านนั้นจะเลื่อนขั้นเป็นนิรันดร์เช่นกัน แต่ก็ไม่แน่ว่าจะเหมือนกับกรณีของเขาที่ทะลวงผ่านสิ่งกีดขวางเป็นล้านได้!
ถึงอย่างไร…การทะลวงไปถึงชั้นที่เจ็ดแปดหมื่นก็เป็นสิ่งที่ต้องใช้พลังทั้งหมดซึ่งสั่งสมจากตัวหวังเป่าเล่อในชาตินี้และสิบชาติก่อนถึงจะทำได้ ในแง่หนึ่ง นี่เป็นขีดสุดของสิ่งมีชีวิตแล้ว
ต่อให้มีคนครอบครองโอกาสวาสนาที่ดียิ่งกว่าเขา ก็ไม่มีวันจะทำได้เกินหนึ่งแสนชั้น สาเหตุที่หวังเป่าเล่อทำได้นั้น เป็นเพราะตัวกระดานไม้ดำอันน่าสะพรึงจนยากจะพรรณนานั่นต่างหาก
ดังนั้น…หากดูจากความน่าจะเป็นที่สูงยิ่งแล้ว หวังเป่าเล่อคิดว่าบางทีตนอาจจะเป็น…คนเดียวในโลกแผ่นหินที่ทะลวงฝ่าการกดดันสยบของโลกแผ่นหินระหว่างที่ดาวเคราะห์เต๋าเลื่อนเป็นนิรันดร์!
“เหมือนกับว่าข้างในของแผ่นหินมีพละกำลังจนทำให้แผ่นหินเกิดรอยร้าวขึ้นมา…และขวดปรารถนาก็ต้องมีส่วนผลักดันเรื่องนี้ด้วยแน่ๆ…ดังนั้นจึงทำให้ทัณฑ์อัสนีมาจนถึงระดับเช่นนี้!” หวังเป่าเล่อหายใจถี่ ความคิดในหัวหมุนวนเร็วรี่ เขาไม่สนใจท่วงท่าสูงส่งอะไรแล้ว
“แม่นางน้อย ช่วยข้าด้วย!”
ขณะที่ร่างกายถอยหลังฉับพลัน หวังเป่าเล่อก็ตะโกนร้องลั่น
“จักรพรรดิองค์แรก โปรดยื้อเวลาให้ข้าหน่อย!!” เมื่อเขาเอ่ยออกมา ก้นบึ้งจิตใจของหวังเป่าเล่อก็ท่องบทสวดเต๋าเงียบๆ ทันที
กระดาษรูปมนุษย์เหล่านั้นที่อยู่รอบๆ ตอนนี้ หลังจากมองเห็นนิ้วมือน่าตะลึงแล้ว พวกเขาก็หน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง จักรพรรดิดาวตกและจักรพรรดิองค์แรกท่านนั้นก็มีสีหน้าเคร่งขรึมอย่างยิ่ง
บุญคุณที่หวังเป่าเล่อมีต่อสุสานดวงดาราและความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่าย ทำให้พวกเขาไม่อาจเห็นคนจะตายต่อหน้าแล้วไม่ช่วยได้ อีกทั้งต่อให้พวกเขาสามารถชั่งน้ำหนักตัดสินใจได้ แต่ดวงจิตของสุสานดวงดาราที่เห็นชัดว่ามารวมตัวกันระหว่างฟ้าดินในตอนนี้กลับตัดสินใจแทนพวกเขาไปแล้ว
ถึงขนาดที่วงแหวนปราณบนฟ้ายังส่งเสียงครืนครางออกมา แล้วเริ่มปิดผนึกเพื่อต่อต้านนิ้วมือ!
ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิองค์แรกหรือว่าจักรพรรดิดาวตกก็ล้วนเข้าใจดีอย่างยิ่งว่าทันทีที่พวกเขาเข้าร่วมด้วย กลัวแต่ว่าทั่วทั้งสุสานดวงดาราจะต้องเกี่ยวโยงกับเหตุต้นผลกรรมขนาดใหญ่กับหวังเป่าเล่อ ทำให้เป้าหมายของทัณฑ์อัสนีขยายมาถึงสรรพชีวิตที่อยู่ในโลกของพวกเขา
เรื่องเช่นนี้ นอกจากจะเป็นทางเลือกสุดท้าย ไม่อย่างนั้นพวกเขาสองคนก็ไม่ยินยอมหรอก แต่เมื่อเห็นว่าไม่ช่วยเหลือไม่ได้ ก็ทำให้ภายในใจของพวกเขาทั้งสองร้อนรน ทว่าแทบจะภายในชั่วพริบตา ดวงตาของจักรพรรดิองค์แรกก็พลันสว่างวาบ เขาตะโกนลั่นทันที
“เป่าเล่อ ไปที่ทะเลกระดาษ ไปสถานที่ปิดผนึกวังน้ำวนนั่น!!”
ขณะที่เสียงของจักรพรรดิองค์แรกดังก้อง หวังเป่าเล่อก็กำลังทะยานถอยหลัง เมื่อได้ยินคำพูดนี้ การปิดผนึกของวงแหวนปราณบนฟ้าก็ต่อต้านกับนิ้วมือจนเกิดเสียงดังก้องกัมปนาท วงแหวนปราณ…ไม่อาจปิดลงได้ ส่วนนิ้วมือนั่นก็ตกลงมาอย่างกะทันหันท่ามกลางเสียงดังสนั่น ราวกับเป็นตัวแทนท้องฟ้าที่กดลงมาเพื่อบีบคั้นหวังเป่าเล่อ
ช่วงเวลาวิกฤต หวังเป่าเล่อคิดมากไม่ได้แล้ว บทสวดเต๋ายังท่องต่อไป เงาร่างก็หันหลังทันใด แล้วตรงไปยัง…ทะเลกระดาษเบื้องล่างจนเกิดเสียงหวีดหวิว ความเร็วว่องไวเสียจนแทบจะเข้าไปในทะเลกระดาษภายในพริบตา
ขณะเดียวกัน เมื่อเงาร่างของหวังเป่าเล่อเข้ามาในทะเลกระดาษ นิ้วมือยักษ์ที่ตกลงมาจากฟ้าก็ไม่ได้ลดความเร็วลง แต่ระยะของมันกลับหดลงอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็บรรจบกันกลายเป็นขนาดร้อยจั้ง และเป็นร่องรอยสายฟ้าที่มองไม่เห็นอีกต่อไปจนเหมือนกับนิ้วมือจริงๆ หนึ่งนิ้ว ก่อนจะพุ่งลงไปในทะเลกระดาษทันที!
เพิ่งจะตกลงมามันก็มีประกายสายฟ้าสัมผัสอยู่ตามขอบนิ้วแล้ว มันแพร่กระจายไปทั่วทั้งทะเลกระดาษโดยพลัน ขณะที่เสียงดังสนั่น ทั่วทั้งทะเลกระดาษก็คล้ายจะลุกเป็นไฟขึ้นมาเพราะสายฟ้าฟาด
จากไกลๆ จะเห็นทะเลกระดาษโหมซัด สีฟ้าดินเปลี่ยนผัน จนทำให้กระดาษรูปมนุษย์ทั้งหมดในที่นั้นรู้สึกหวาดผวาขึ้นมาอีกครั้ง ไม่กล้าเข้ามาใกล้ ส่วนหวังเป่าเล่อที่ตอนนี้ดำดิ่งอยู่ในทะเลกระดาษก็สัมผัสได้ถึงพลังของสายฟ้าที่แผ่มาจากผิวน้ำด้านหลังของตนเช่นกัน ร่างกายสั่นระริกเบาๆ โคจรพลังฝึกปรือเร็วยิ่งขึ้น
เพียงแต่…ถึงแม้เขาจะรวดเร็ว แต่นิ้วอัสนีที่ตามมาจากด้านหลังก็ยังไล่ตามมาอย่างไม่ลดละพร้อมความเร็วที่เพิ่มขึ้น เข้ามาใกล้กับหวังเป่าเล่ออย่างรวดเร็ว
จากแรกเริ่มที่อยู่ในระยะร้อยจั้งก็ลดมาถึงห้าสิบจั้งทันที จนกระทั่งลดมาถึงสามสิบจั้ง จิตใจของหวังเป่าเล่อก็หวาดผวาจนถึงขีดสุด เขาสวดบทสวดเต๋าในใจไปมากมาย แต่บิดาของหวังอีอีก็ยังไม่ปรากฏกายออกมา
สิ่งนี้ทำให้หวังเป่าเล่อร้อนใจยิ่งขึ้นไปอีก ขณะที่เขากำลังว่ายอยู่ในทะเล ตอนนั้นเองก็มองเห็นผนึกราวกับกระจกอยู่ที่ก้นบึ้งของทะเลกระดาษแล้ว เขามองเห็นศพหญิงสาวบนนั้น และมองเห็นทางเข้าวังน้ำวนที่อยู่ใต้ผนึกนั่นด้วย!
“จักรพรรดิองค์แรกให้ข้ามาที่นี่ จะต้องมีเหตุผล!” แววตาของหวังเป่าเล่อร้อนรน เขากัดฟันแน่น ขณะที่นิ้วมือข้างหลังเข้ามาใกล้สิบจั้งและแผ่เส้นสายฟ้าผันผวนคล้ายจะฉีกร่างของเขาออกมา ในใจของหวังเป่าเล่อก็ร้องคำราม ความเร็วเพิ่มขึ้นอีกครั้ง เขาทะยานเข้าไปใกล้กับผนึกทันที แล้วปรากฏตัวขึ้นที่…ผนึกราวกับกระจก
พริบตาที่มายืนอยู่ตรงนี้ เขาก็หันกายกลับทันใด มองไปยังนิ้วมืออัสนีมหึมาที่ตอนนี้เข้ามาแทนที่ภาพทั้งหมดในสายตาของเขาแล้ว ดวงตาของเขาเห็นเพียงภาพนิ้วมือที่กรีดร้องมาหา
ชั่วพริบตา…นิ้วมือก็เข้ามาใกล้กับผนึก พุ่งตรงมายังหวังเป่าเล่อโดยไม่หยุดชะงักแม้แต่นิดเดียว
แต่ขณะที่เห็นว่านิ้วมือจะสัมผัสกับหวังเป่าเล่ออยู่แล้ว ทันใดนั้น…แรงดึงดูดมหาศาลสายหนึ่งก็พุ่งขึ้นมาจากวังน้ำวนใต้ผนึกฉับพลันทันใด แรงดึงดูดนี้มีมหาศาลนัก ต่อให้ผ่านตัวผนึกออกมาก็ยังส่งผลกระทบถึงโลกภายนอก
ทำให้นิ้วอัสนีที่เข้ามาใกล้เขาสั่นสะเทือนรุนแรง มองด้วยตาเปล่าก็เห็นว่ามันเริ่มบิดเบี้ยวแล้ว สายฟ้าจำนวนมากถูกดึงออกมาจากนิ้วมืออย่างไม่อาจควบคุมได้ แล้วหลอมรวมกับผนึก ก่อนจะเข้าไปในวังน้ำวนที่อยู่ใต้ผนึก!
ภาพนี้คล้ายกับว่านิ้วอัสนีเป็นการฝุ่นผงที่รวมตัวกัน และตอนนี้กำลังปลิวว่อนอยู่กลางสายลม!
หวังเป่าเล่อเบิกตาโต มองเห็นนิ้วมือที่ก่อนหน้านี้ยังทรงพลังไร้ใดเปรียบ แต่ตอนนี้กลับถูกดูดออกไปอย่างรวดเร็วจนควบคุมไม่ได้ หัวใจของเขาก็เต้นกระหน่ำเร็วรี่ทันที
“ความอุดมสมบูรณ์มาพร้อมอันตราย!!” ดวงตาเป็นสีแดงก่ำในพริบตา มือของหวังเป่าเล่อผนึกมุทราสะบัดออกไปโดยแรง ทันใดนั้นหลุมดำดารานิรันดร์ที่อยู่ด้านหลังของเขาก็ปรากฏขึ้นกะทันหัน มันแผ่แรงดึงดูดแบบเดียวกันออกมา
เสียงอึกทึกกึกก้องดังสนั่นโดยพลัน นิ้วมือที่กำลังถูกผนึกดูดก็กระจายออกมาบางส่วน แล้วถูกแรงดึงดูดของหวังเป่าเล่อดูดกลืนไปทันที
ภายในพลังของทัณฑ์สวรรค์แฝงไว้ซึ่งกฎเกณฑ์จำนวนนับไม่ถ้วน ทั้งยังมีกลิ่นอายของฟ้าดิน เพียงแค่ดูดซับเข้าไปนิดเดียว หวังเป่าเล่อก็ตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าแล้วดูดกลืนต่ออย่างรวดเร็ว เช่นนี้…การสลายตัวของนิ้วมือทัณฑ์อัสนียังคงอยู่ประมาณสิบกว่าลมหายใจ แล้วเลือนรางจนเล็กลงภายใต้การดูดกลืนร่วมกันของหวังเป่าเล่อและผนึก จากนั้นค่อยสลายวับประดุจเถ้าและควัน หายไปโดยสมบูรณ์!
เพียงแต่เมื่อเทียบปริมาณทั้งหมดกับปริมาณที่ผนึกดูดไปได้ ส่วนใหญ่ทางหวังเป่าเล่อดูดซับได้ไม่ถึงหนึ่งส่วน แต่แม้ว่าจะเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ก็ยังทำให้เขาผ่านช่วงบ่มเพาะหลังจากเพิ่งก้าวสู่ระดับดารานิรันดร์ได้อย่างรวดเร็ว แล้วยืนอย่างมั่นคงอยู่ที่ระดับนี้ได้โดยสมบูรณ์!
“นี่มันของบำรุงนี่!” หวังเป่าเล่อดีใจอย่างยิ่ง เมื่อเห็นวิกฤตคลี่คลายก็กำลังจะจากไป แต่ในตอนนี้เอง…เหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นกะทันหัน!
กลิ่นอายเข้มข้นสายหนึ่งจู่ๆ ก็ควบแน่นจากวังน้ำวนใต้ผนึก คล้ายกับกลายเป็นดวงตาเย็นชาคู่หนึ่ง หลุดออกมาจากวังน้ำวน แล้วหลุดจากผนึก มองตรงมายังหวังเป่าเล่อ!
หวังเป่าเล่อตัวสั่นเทิ้ม
………………………