ตอนที่ 1989 สามดาบของมารกระดูก

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

“มารกระดูกเทพสวรรค์! นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไร?”

ตรงหน้าพวกเขานั้นมันมีมารกระดูกอยู่เพียงแค่หนึ่งตน

แต่คลื่นพลังงานที่มารกระดูกตนนี้ปล่อยออกมามันกลับทำให้ทุกผู้คนหน้าซีดเผือด พลังเช่นนี้มันจะเป็นอะไรไปได้นอกจากมารกระดูกระดับเทพสวรรค์?

ไม่มีใครคาดคิดว่าเดินทางผ่านความยากลำบากมาตั้งยาวนานเมื่อมาถึงฝั่งกลับจะต้องเจอมารกระดูกเทพสวรรค์รอคอยอยู่

ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดกระดูกจักรพรรดินี้มันถึงตั้งอยู่มานานแสนนานอย่าที่ไม่มีใครเอามันไปได้

‘แกรก!’

‘แกรก!’

‘แกรก!’

มารกระดูกเทพสวรรค์นั้นค่อยๆ ก้าวเข้ามาหาพวกเขาทั้งหลายแต่ละย่างก้าวที่มันย่ำมานั้นเหมือนมันได้เหยียบย่ำเข้ามาในจิตใจของพวกเขาทำให้ผู้คนทั้งหลายหวาดกลัวและตื่นตระหนกกันอย่างมาก

คลื่นพลังที่ปกคลุมฟ้าดินนี้มันทำให้พวกเขาทั้งหลายแทบจะหายใจไม่ออก

“หนีเร็ว!”

ในที่สุดก็มีผู้คนที่อดทนไม่ไหวพุ่งตัวหันหลังหนีไป

เด็กแห่งโชคชะตาผู้นั้นใช้พลังที่เหลืออยู่ในร่างทั้งหมดออกมาส่งร่างพุ่งไป

แต่เย่หยวนนั้นไม่ได้ขยับตัวแม้แต่น้อย เขาทำเพียงแค่มองดูมารกระดูกตนนี้

และในเวลานั้นเองที่ทางมารกระดูกก็ได้ยกกรงเล็บขึ้นมาฟาดปล่อยคลื่นแสงส่องผ่านทะลุอากาศไปใส่ตัวของเด็กแห่งโชคชะตาที่กำลังหนีไปคนนั้น

‘ฉัวะ!’

เด็กแห่งโชคชะตาผู้นั้นร่างกายแหลกระเบิดออกอย่างที่ไม่เหลือแม้แต่เศษซากใดๆ

ทุกผู้คนที่เห็นเช่นนั้นต่างทำได้เพียงสูดหายใจเข้าลึกอย่างตื่นตะลึง

แข็งแกร่ง!

สุดแข็งแกร่ง!

นี่มันคือกำลังของมารกระดูกเทพสวรรค์มันเป็นพลังที่ทำให้ผู้คนทั้งหลายไม่คิดจะขัดขืนเสียด้วยซ้ำ

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียก็ไม่มีโอกาสหนีได้

ส่วนเรื่องร่วมแรงกันกำจัดมารกระดูกเทพสวรรค์นี้ลง… มันย่อมไม่มีใครคิด! เพราะต่อให้ทุกผู้คนในตอนนี้ร่วมมือกันอย่างสุดชีวิตมันก็คงเทียบไม่ได้กับเสี้ยวขี้ฟันของมารกระดูกเทพสวรรค์ตนนี้

ในตอนนั้นเองที่เย่หยวนได้พูดขึ้น “ผู้อาวุโส เราทั้งหลายนี้ต่างมาเพื่อกระดูกจักรพรรดิ ข้าสงสัยเหลือเกินว่าเราต้องทำอย่างไรจึงจะสามารถเอากระดูกจักรพรรดิไปได้?”

มารกระดูกเทพสวรรค์ตนนั้นหันหน้ากลับมามองดูเย่หยวน

ผู้คนทั้งหลายที่ด้านข้างต่างสั่นสะท้านไปทั้งกายเมื่อได้ยิน เจ้าหมอนี่มันรนหาที่ตายหรือ? เวลาเช่นนี้ยังคิดอยากได้กระดูกจักรพรรดิใดอีก?

เมื่อถูกดวงตาที่กลวงโบ๋ของมารกระดูกเทพสวรรค์นั้นมองดูเย่หยวนนั้นก็รู้สึกกดดันไม่น้อย แต่เขาไม่ได้หวาดกลัว

เพราะเขานั้นสัมผัสได้ว่ามารกระดูกเทพสวรรค์ตนนี้มันมีสติสัมปชัญญะ!

เพราะหากตัวมารกระดูกนี้เป็นเพียงแค่มารกระดูกทั่วๆ ไปแล้ว มารกระดูกเทพสวรรค์นี้คงไม่มีทางปล่อยพวกเขาทั้งหลายให้มีชีวิตมาได้ถึงเวลานี้

เพราะการฆ่าสังหารพวกเขาทั้งหลายนั้นมันง่ายดายเพียงแค่ขยับนิ้วสำหรับมารกระดูกเทพสวรรค์ตนนี้

เพราะฉะนั้นเย่หยวนจึงได้คิดถามออกไป

เบ้าตาดำมืดสนิทของมารกระดูกนั้นจ้องมองดูเย่หยวนและไม่ได้พูดใดๆ ออกมาเช่นกัน มันจึงทำให้บรรยายกาศโดยรอบอึดอัดหนักหน่วงตาม

แต่ในที่สุดมารกระดูกเทพสวรรค์ตนนั้นก็ได้ขยับกรามล่างส่งเสียงแหบแห้งออกมา “ตราบเท่าที่พวกเจ้า… สามารถรับสามดาบจากข้าได้ พวกเจ้า… สามารถ… เอาซากร่างนายท่านไปได้”

‘ซี้ด!’

ทุกผู้คนที่ได้ยินต่างต้องกลืนลมหายใจเข้าลึก

รับสามดาบของเจ้า… ใครจะไปรอดได้กัน?

อย่าว่าแต่สามดาบ แม้แต่ดาบเดียวมันก็ไม่มีทางจะรอดพ้นไปได้!

นี่มันจะล้อเล่นกันเกินไปแล้ว

เย่หยวนมองดูที่มารกระดูกตนนั้นก่อนจะถามขึ้นอีก “หมายความว่าหากเราไม่อาจรับสามดาบนั้นได้ เราจะไม่อาจไปจากที่นี่ได้ด้วย?”

คำพูดนี้ทำให้พวกเขาทั้งหลายเบิกตากว้างนึกย้อนกลับไปถึงเจ้าคนที่ถูกฆ่าสังหารลงเมื่อสักครู่ด้วยความรู้สึกเย็นเยือกไปทั้งกาย

แต่เจ้ามารกระดูกนั้นกลับส่ายหัวออกมา “ตราบเท่าที่พวกเจ้ารับหนึ่งดาบจากข้าได้ เจ้าก็ไปได้ และสามดาบที่ว่านี้ข้าจะกดพลังให้อยู่ในระดับเดียวกับพวกเจ้าทั้งหลายด้วย”

ตอนนี้ราวกับว่าเจ้ามารกระดูกนั้นได้สติตื่นขึ้นอย่างเต็มที่อีกครั้ง คำพูดใดๆ ที่มีก็ฟังพูดลื่นไหลไม่ต่างจากคนผู้มีชีวิต

เมื่อเหล่าเด็กแห่งโชคชะตาทั้งหลายได้ยินพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจยาว

เพราะหากมันเป็นดาบของเทพสวรรค์แล้วพวกเขาทั้งหลายย่อมไม่อาจจะทนทานใดๆ ได้

“เช่นนั้น… หากมีคนที่รับสามดาบของท่านผู้อาวุโสได้หลายคนเล่า?” เย่หยวนถามขึ้นอีกครั้ง

ครั้งนี้เจ้ามารกระดูกนั้นตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว “มาก่อนได้ก่อน”

นั่นทำให้ดวงตาของพวกเขาทั้งหลายเบิกกว้างก่อนจะมีใครคนหนึ่งเดินหน้าออกไป “ข้าขอรับการทดสอบก่อน!”

คนผู้นี้เองก็ไม่ได้อ่อนแอใดๆ ตัวเขาเองก็เป็นถึงยอดฝีมือเทพถ่องแท้ขั้นกลางคนหนึ่ง

พวกเขาทั้งหลายนั้นล้วนเป็นเด็กแห่งโชคชะตา มีฝีมือยืนเหนือผู้คนในรุ่นเดียวกันสิ้น

อย่างน้อยๆ พวกเขาก็ย่อมจะไม่แพ้คนในรุ่นเดียวกันแน่!

“เจ้าโง่!” โจวหยูอดไม่ได้ที่จะร้องด่าออกมา

มารกระดูกเทพสวรรค์ตนนั้นเองก็ไม่ได้พูดใดๆ มาก มันชักกระดูกซี่โครงของตนออกมาอันหนึ่ง

จากนั้นเจ้ากระดูกชิ้นนั้นมันกลับเปลี่ยนแปลงรูปร่างจนกลายเป็นดาบกระดูกที่ไม่สั้นไม่ยาวจนเกินไป

“สมบัติวิญญาณเทพสวรรค์!” เย่หยวนร้องขึ้นด้วยความตื่นตะลึง

คนอื่นๆ เองก็ย่อมจะเห็นภาพตรงหน้านี้เช่นกัน ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่มีใครสัมผัสได้แต่ไม่นึกไม่ฝันว่าในพริบตามารกระดูกตัววนี้จะสามารถสร้างสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ขึ้นมาได้

เหล่าเด็กแห่งโชคชะตาทั้งหลายต่างแสดงสีหน้าท่าทางคิดไม่ตกออกมา

“หากรับสามดาบได้สมบัติวิญญาณเทพสวรรค์นี้เองก็จะกลายเป็นของเจ้าด้วย ข้าจะปล่อยให้พวกเจ้าได้มีเวลาสามวันพักฟื้นพลัง สามวันจากนี้ข้าจะเริ่มทดสอบ”

เจ้ามารกระดูกนั้นพูดออกมาด้วยท่าทางเรียบเฉยก่อนจะนั่งลงในทันที

สามวันนั้นย่อมจะผ่านอย่างรวดเร็วทุกผู้คนนั้นต่างกลืนกินโอสถที่ตนมีรักษาบาดแผลและฟื้นคืนพลังปราณเทวะในร่างกลับมาได้จนเกือบสมบูรณ์

มารกระดูกและเด็กแห่งโชคชะตาผู้นั้นยืนเผชิญหน้ากันก่อนที่จะเป็นทางมารกระดูกที่เปิดปากพูดขึ้นมาก่อน “เอาล่ะ เทพสวรรค์ผู้นี้จะเริ่มลงดาบแล้ว”

สิ้นคำพูดเขาก็แทงดาบนั้นออกมาด้วยท่าทางสบายๆ

‘ฟุบ…’

อากาศที่ด้านหน้าส่งเสียงแหลมร้องพร้อมด้วยคลื่นพลังอันน่าเกรงกลัวที่พุ่งเข้าใส่เด็กแห่งโชคชะตาผู้นั้น

ทางเด็กแห่งโชคชะตาผู้นั้นเองก็ใช้วิชาของตนออกมาบ้าง!

หอกยาวของเขานั้นพุ่งออกมาราวรุ้งสายยาวที่พุ่งผ่านท้องฟ้าหลังฝนปะทะเข้ากับปลายดาบนั้นทันที

แต่มันกลับไม่ได้เกิดแรงปะทะใดๆ ขึ้นอย่างที่ทุกคนคาดคิด เพราะเจ้าหอกยาวในมือของเด็กแห่งโชคชะตาคนนั้นกลับแตกสลายกลายเป็นฝุ่นผงไป

จากนั้นร่างของเขาก็ระเบิดออกเหลือไว้เพียงเศษฝุ่นที่ไหลไปตามลม

ร่างกายของเขาผู้นี้มันหายไปอย่างไม่เหลือร่องรอย

ทุกผู้คนที่ได้เห็นเช่นนั้นต่างต้องเบิกตากว้าง รวมไปถึงเย่หยวนด้วย

แม้พวกเขาจะรู้ดีว่ามารกระดูกเทพสวรรค์นี้แข็งแกร่งมาก แต่ก็ไม่นึกไม่ฝันว่ามันจะเป็นช่องว่างที่ห่างไกลกันปานนี้

เพราะเด็กแห่งโชคชะตาผู้นั้นเองก็สู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพวกเขามา

พลังฝีมือของเขานั้นแม้จะไม่นับว่าเป็นสุดยอดในกลุ่ม แต่ก็ย่อมจะมิใช่คนที่อ่อนแอที่สุดกลุ่มอย่างแน่นอน

แต่เขาคนนี้กลับไม่อาจรับดาบเดียวของมารกระดูกเทพสวรรค์นี้ได้!

พลังของดาบนี้มันย่อมชัดเจนแล้วว่าเหนือล้ำกว่าที่เทพถ่องแท้สี่ดาวจะรับได้

ต่อให้เป็นเทพถ่องแท้ห้าดาวก็คงไม่อาจจะรับมันได้ง่ายๆ

และนี่มันยังเป็นแค่ดาบแรก เช่นนั้นแล้วดาบที่สองหรือสามมันจะรุนแรงปานใดกัน?

พวกเขาทั้งหลายนั้นรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาวูบใหญ่ด้วยความหวาดกลัวต่อพลังของมารกระดูกเทพสวรรค์ตนนี้

“ต่อไป!”

มารกระดูกเทพสวรรค์นั้นเองก็ไม่คิดที่จะรีรอใดๆ รีบเรียกผู้ที่จะเข้าทดสอบคนต่อไปทันที

แต่ครานี้มันไม่มีใครกล้าเดินออกมา

ไม่มีใครกล้าพอที่จะรับดาบนี้

“หากไม่มีเทพสวรรค์ผู้นี้ก็จะเลือกแล้ว” มารกระดูกเทพสวรรค์นั้นบอก

นั่นทำให้ใบหน้าของทุกผู้คนซีดลงทันทีก่อนจะเห็นว่ามารกระดูกเทพสวรรค์นั้นชี้นิ้วไปยังเด็กแห่งโชคชะตาผู้หนึ่ง

เด็กแห่งโชคชะตาผู้นั้นขนลุกชันไปทั้งร่าง ส่วนคนอื่นๆ ก็ได้แต่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เด็กแห่งโชคชะตาผู้ถูกเลือกนั้นยืนนิ่งอย่างที่ไม่อาจขยับเท้าได้

“ไม่รับการทดสอบก็ตายสถานเดียว” มารกระดูกเทพสวรรค์นั้นบอก

นั่นทำให้เด็กแห่งโชคชะตาผู้นั้นหน้าซีดขาวลง ตายสถานเดียวมันย่อมหมายความว่าอีกฝ่ายจะโจมตีมาด้วยพลังของเทพสวรรค์

หากเป็นเช่นนั้นแล้วมันย่อมจะไม่มีโอกาสรอดได้

คิดได้เช่นนั้นเขาจึงเตรียมใจเดินหน้าออกมา

จากนั้นผลลัพธ์ก็ไม่ได้แตกต่างจากที่ทุกผู้คนคิด ตัวเขาผู้นี้แตกสลายไปด้วยดาบเดียวอีกคน!

จากนั้นมารกระดูกเทพสวรรค์ก็ได้เลือกผู้คนขึ้นมาอีกไม่น้อยแต่กลับไม่มีใครที่จะรับดาบเดียวของเขานี้ได้เลย

เหล่าเทพถ่องแท้สี่ดาวทั้งหลายนั้นมันอ่อนแอเป็นเต้าหู้เมื่ออยู่ต่อหน้าดาบของมารกระดูกตนนี้

คนทั้งหลายที่ผ่านทัพมารกระดูกมาได้นั้นมันมีจำนวนเหลือราวสี่สิบคน

และในหมู่คนที่เหลือรอดมานี้ล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือของยอดฝีมือแต่ในพริบตาเดียวคนราวเจ็ดถึงแปดคนกลับต้องตายลง

มารกระดูกเทพสวรรค์ตนนี้มันราวกับมีนิ้วเพชรสั่งตาย

ชี้ไปที่ใคร คนผู้นั้นต้องตาย!

หลังจากมารกระดูกเทพสวรรค์ตนนั้นสังหารเด็กแห่งโชคชะตาลงอีกคนหนึ่งในที่สุดนิ้วของเขาก็ได้ชี้ไปยังโจวหยู

นั่นทำให้โจวหยูหน้าซีดเผือดลงทันทีแต่ก็ยังต้องทำใจมั่นเดินหน้าออกมา

…………………