ตอนที่ 1990 คำวิจารณ์ที่แตกต่าง

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

โจวหยูนั้นมีใบหน้าที่ซีดเผือดแต่ไม่มีใครรู้ว่าความซีดเซียวนี้มันมาจากความกังวลหรือความกลัวกันแน่

เมื่อเดินมาถึงหน้ามารกระดูกเทพสวรรค์นี้ โจวหยูก็รีบชักสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ของตนออกมาพร้อมหายใจเข้าลึก

จากนั้นเขาก็ได้ฟาดกระบองออกมาด้วยคลื่นพลังอันสุดแสนเหนือล้ำ พลังจากแนวคิดทั้งหลายได้ผสานออกมาในการโจมตีนี้ของเขา

“ช่างเป็นคลื่นพลังแนวคิดที่รุนแรง! ที่แท้นี่คือพลังฝีมือของเขาอย่างนั้นหรือ!”

“คนทั้งหลายก่อนหน้านี้มันไม่อาจเทียบกับโจวหยูผู้นี้ได้เลย!”

“บางทีเขาอาจจะรับดาบนี้ไว้ได้จริงๆ ก็ได้”

เมื่อเหล่ายอดฝีมือใช้ไม้ตายออกมาใครเก่งแท้เก่งเทียมมันก็จะเห็นกันได้อย่างชัดเจน

แม้ว่าตัวโจวหยูนั้นจะยังอยู่ในช่วงปล่อยพลังแต่คลื่นพลังแนวคิดจากร่างของเขานั้นมันก็ได้พุ่งทะยานสูงล้ำกว่าคนก่อนๆ หน้าทั้งหลายแล้ว

การโจมตีของเขานี้หากถูกคนระดับเดียวกันเข้ามันคงเป็นความตายอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ได้พึ่งพาเพียงแค่พลังของสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์

ก่อนหน้านี้ที่เขาปะทะกับเย่หยวน เขาไม่ได้ใช้พลังที่แท้จริงออกมาเลย

ส่วนทางมารกระดูกเทพสวรรค์นั้นก็ยังแทงดาบออกมาอย่างไร้อารมณ์ใดๆ พร้อมทำลายทุกสิ่งอย่างที่ขวางหน้า

โจวหยูตะโกนร้องก่อนจะฟาดกระบองออกมารับดาบนั้นไว้

ในมุมที่เจ้ากระบองนั้นเคลื่อนผ่านมิติรอบๆ นั้นมันจะมีรอยแตกร้าวขึ้น

‘หนึ่งกระบองถามสวรรค์!’

คลื่นพลังทั้งสองนั้นเข้าปะทะกันตรงๆ ก่อนจะระเบิดพลังออกมาทำให้ผู้คนที่อยู่ใกล้เคียงแทบปลิวกระเด็นออก

เสียงร่ำร้องหนึ่งดังออกมาจากปากของโจวหยูราวกับว่าตัวเขาได้ถูกค้อนทุบที่กลางอกร่างปลิวกระเด็นไปตกที่พื้นด้านหลังพร้อมกระอักเลือดคำโต

โจวหยูนั้นมีใบหน้าที่ขาวซีดอย่างมากเพราะด้วยอาการบาดเจ็บที่มี

แต่ทว่าจิตใจของเขานั้นมันกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ

เขานั้นรับดาบนี้ไว้ได้โดยที่ยังมีชีวิต การทำเช่นนี้ได้มันย่อมจะเหนือล้ำกว่าผู้คนแล้ว

จนถึงเวลานี้เขานั้นยังเป็นคนแรกและแค่คนเดียวที่สามารถรอดกลับออกมาได้

เขานั้นมีเหตุพอที่จะภูมิใจ!

แต่ในเวลานั้นเองทางมารกระดูกกลับพูดขึ้นมา “อ่อนแอ!”

น้ำเสียงของเจ้ามารกระดูกนั้นมันแสดงถึงความผิดหวังอย่างชัดเจน

โจวหยูที่ได้ยินเช่นนั้นก็แข็งค้างไปทั้งร่าง ความตื่นเต้นดีใจภูมิใจใดๆ ที่มีในวินาทีก่อนนั้นมันได้หายไปกับสายลม

นี่… นี่เรียกว่าอ่อนแอ?

เช่นนั้นแล้วต้องมีพลังถึงขั้นใดเจ้ามารกระดูกนี้จะเรียกว่าแข็งแกร่งเล่า?

ทุกผู้คนที่ได้ยินเช่นนั้นต่างสูดหายใจเข้าลึก คนที่เก่งกาจขนาดโจวหยูยังไม่อาจรับดาบเดียวนี้ของมารกระดูกเทพสวรรค์ได้อย่างปลอดภัย

แล้วเจ้าวิชาดาบนี้มันจะต้องยิ่งใหญ่เพียงใดกัน?

ในสายตาของพวกเขาทั้งหลายนั้นโจวหยูนั้นนับได้ว่าไร้เทียมทานแต่ทางมารกระดูกนี้กลับบอกว่าตัวเขานั้นอ่อนแอ

การวิจารณ์นี้มันทำให้ผู้คนที่ได้ยินแทบสิ้นสติ!

“ผู้อาวุโสท่านใช้วิชาของเทพสวรรค์นี้ออกมาต่อข้าและกลับมาบอกว่าข้าอ่อนแอ ข้า… ข้าไม่ยอมรับหรอก!” โจวหยูกัดฟันร้องบอก

สำหรับพวกเขาเหล่าเด็กแห่งโชคชะตาทั้งหลายแล้วความอับอายนั้นมันเป็นอะไรที่เหลือจะทนเสียยิ่งกว่าความตาย

เพราะฉะนั้นแม้โจวหยูจะรู้ดีว่ามารกระดูกเทพสวรรค์นี้เก่งกาจเพียงใด เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะเถียงคืนกลับไป

มารกระดูกเทพสวรรค์นั้นมองดูที่ตัวเขาและกล่าวขึ้น “ยอดอัจฉริยะในยุคของข้านั้นคงสามารถจัดการดาบแรกของข้านี้ลงได้อย่างง่ายดาย”

เมื่อคนทั้งหลายได้ยินคำพูดนี้พวกเขาต่างตกตะลึงแตกตื่นกันไปตามๆ กัน

วิชาดาบที่รุนแรงปานนั้นกลับสามารถถูกจัดการลงได้อย่างง่ายดาย?

ยอดอัจฉริยะในยุคนั้นมันต้องเก่งกาจแค่ไหนกัน?

พวกเขาทั้งหลายนั้นย่อมจะไม่มีใครคิดสงสัยในคำพูดนั้นเพราะมารกระดูกเทพสวรรค์นี้ย่อมจะไม่มีเหตุผลใดๆ ให้ต้องกล่าววาจาโกหกหลอกลวง

“ต่อไป”

มารกระดูกเทพสวรรค์นั้นไม่คิดสนใจความแตกตื่นของพวกเขาและชี้นิ้วกระดูกนั้นออกมายังซงหยู

เรื่องนั้นมันทำให้ซงหยูหน้าซีดเผือด ด้วยพลังฝีมือของเขามันย่อมจะไม่อาจรับดาบนั้นไว้ได้แน่

แต่จู่ๆ ก็มีเงาร่างหนึ่งเดินขึ้นมาบังหน้าของเขาไว้ “ผู้อาวุโส ขอข้าลอง”

เมื่อได้เห็นแผ่นหลังนี้ซงหยูก็เบิกตากว้างด้วยความตื้นตันแต่ก็อดไม่ได้ที่จะร้องขึ้น “พะ…พี่เย่”

เย่หยวนหันหน้ากลับมาหาตัวเขาด้วยรอยยิ้ม “วิชาดาบนี้มันน่าสนใจ ข้าอยากจะลองมันดูเสียหน่อย ขอข้าก่อนนะ”

ซงหยูนั้นรู้สึกตื้นตันอยู่เต็มหัวใจก่อนจะพยักหน้าออกมา “ระวังตัวด้วยพี่เย่!”

เย่หยวนพยักหน้าออกมาก่อนจะหันกลับไปหามารกระดูกเทพสวรรค์อีกครั้ง “ผู้อาวุโส เชิญลงมือ”

มารกระดูกนั้นเองก็ไม่กล่าวใดๆ และแทงดาบออกมาทันที

เมื่อได้เห็นดาบนี้ต่อหน้าเย่หยวนถึงได้รับรู้ว่ามันเป็นวิชาที่อันตรายมากมายเพียงใด

มารกระดูกเทพสวรรค์นั้นใช้วิชานี้ออกมาด้วยปราณเทวะระดับเทพถ่องแท้สองดาว แต่วิชานี้มันย่อมมากพอที่จะฆ่าสังหารเทพถ่องแท้สี่ดาวลงได้ง่ายๆ

ภายในระดับบ่มเพาะเดียวกันแล้วมันย่อมไร้เทียมทาน

เมื่อสัมผัสได้ถึงความเย็นเยือกนั้นเย่หยวนก็รีบชักดาบของตนออกมารับทันที

“ดาบ… สลัก… กลวง!”

พื้นที่แห่งการทำลายล้างถูกแผ่ขยายออกทันที

เหล่าเด็กแห่งโชคชะตาทั้งหลายที่เห็นต่างเบิกตากว้างอ้าปากค้าง

น่ากลัว!

เฟิงเสี่ยวเถียนที่ได้เห็นนั้นต้องเบิกตากว้างร้องขึ้นมาอย่างตื่นตะลึง “มาแล้ว! มันมาแล้ว!”

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเย่หยวนใช้วิชานี้ตั้งแต่ต้นจนจบ ความรู้สึกของเขาในตอนนี้มันไม่ได้ต่างไปจากตอนที่ได้เจอสาวงาม จิตใจของเขาสั่นเต้นรัวอย่างห้ามไม่ได้

เพราะนี่มันคือยอดวิชาดาบที่เหนือล้ำกว่าดาบใด!

ในครั้งก่อนนั้นตัวเขาได้เห็นเพียงแค่ตอนที่มันเข้าปะทะ ไม่ได้เห็นว่ามันถูกใช้ออกมาอย่างไร

แต่วันนี้เขาได้เห็นแล้ว

เขานั้นไม่อาจคิดฝันได้เลยว่าในโลกใบนี้มันจะยังมีคนที่ใช้สุดยอดวิชาดาบเช่นนี้ออกมาได้

หลังจากได้เห็นหนึ่งกระบองถามสวรรค์ของโจวหยูกับตาแล้วตัวเฟิงเสี่ยวเถียนก็รู้ได้ทันทีว่ามันต้องมีคนรับวิชานั้นไว้ได้ และก็มิใช่ใครที่ไหนนอกจากเย่หยวน

เดิมทีตัวเขานั้นยังไม่รู้ถึงไม้ตายของโจวหยู

เขารู้ดีว่าโจวหยูอาจจะมีพลังเทียบเคียงกับเย่หยวนได้ ด้วยความที่มีพลังบ่มเพาะเหนือล้ำกว่าเย่หยวนถึงสองดาว

แต่ตอนนี้เมื่อเขาได้เห็นหนึ่งกระบองถามสวรรค์ของโจวหยู เฟิงเสี่ยวเถียนก็มั่นใจเลยว่าโจวหยูไม่อาจเทียบเคียงเย่หยวนได้

เพราะตัวเขานั้นได้เห็นดาบสลักกลวงมาก่อนและรู้กับตาตัวเองว่ามันรุนแรงงดงามเพียงใด

หนึ่งกระบองถามสวรรค์นั้นไม่อาจจะทำเช่นนั้นได้

ตอนนี้มารกระดูกเทพสวรรค์ได้ใช้วิชาดาบนั้นของเขาออกมาด้วยพลังของเทพถ่องแท้สองดาว เมื่อต้องมาเผชิญกับเย่หยวนแล้วบางทีมันอาจจะไม่สามารถจัดการเขาลงได้

โจวหยูมองดูเย่หยวนที่ยืนอย่างมั่นคงด้วยใบหน้าแสนละอาย

ที่แท้นี่คือวิชาไม้ตายของเย่หยวน!

เทียบกันแล้วตัวเขานั้นไร้ค่าไปเลย!

“ไป!”

สองดาบนั้นเข้าปะทะกันในอากาศอย่างรุนแรง

‘เคร้ง!’

ดาบสลักกลวงนั้นปัดดาบของมารกระดูกเทพสวรรค์ลงอย่างง่ายดายพร้อมด้วยคลื่นพลังที่เหลือพุ่งทะยานเข้าใส่ร่างหลักของมารกระดูกเทพสวรรค์นั้นด้วย

แต่ในเวลานั้นเองที่ทางมารกระดูกเทพสวรรค์ได้ยกมือขึ้นมาปัดรับพลังนั้นจนหายวับไป

พลังของดาบสลักกลวงนั้นมันหายวับไปราวกับว่าไม่เคยมีอยู่

พลังของเทพสวรรค์นั้นมันช่างเหนือล้ำจริงๆ!

เหล่าผู้คนทั้งหลายได้แต่จ้องมองอย่างไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ

เพราะไม่มีใครคาดคิดว่าเรื่องราวเช่นนั้นมันจะเกิดขึ้นได้

จู่ๆ ทางมารกระดูกเทพสวรรค์ก็ได้เปิดปากพูดขึ้น “ไม่เลวเลย เจ้า… แข็งแกร่ง!”

ทุกผู้คนที่ได้ยินหน้าซีดเผือดลงทันที การประเมินนี้มันเหนือล้ำจนเกินไป!

แม้ว่าโจวหยูจะมีวิชากระบองที่เหนือล้ำแต่มารกระดูกเทพสวรรค์ตนนี้กลับบอกว่ามันอ่อนแอ

แต่ตอนนี้เขากลับพูดบอกออกมาว่าเย่หยวนนั้นแข็งแกร่ง!

“เย่หยวนคนนี้เก่งกาจได้ขนาดนี้เลย?”

“ตามจากคำวิจารณ์ของมารกระดูกเทพสวรรค์นั้น จะบอกว่าเย่หยวนนั้นเทียบเคียงกับยอดอัจฉริยะในยุคโบราณได้หรือ?”

“นี่หรือคือ… ยอดอัจฉริยะที่แท้?”

เมื่อได้ยินคำพูดนั้นเหล่าเด็กแห่งโชคชะตาทั้งหลายต่างได้แต่มองดูมันอย่างมึนงง

พวกเขาทั้งหลายนั้นต่างเกิดเติบโตมาพร้อมคำชมด้วยความที่มีฝีมือเหนือล้ำกว่าคนในรุ่นเดียวกันไปมาก

แต่ตอนนี้ความภาคภูมิใจใดๆ ของพวกเขามันกลับถูกคำพูดเดียวของมารกระดูกเทพสวรรค์นี้ลบล้างไป

คนเดียวที่ยังฉายแสงได้มันคือเย่หยวน!

โจวหยูได้แต่หรี่ตามองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่แทบอยากจะมุดดินหนีไปให้พ้น

เขานั้นมองว่าเย่หยวนเป็นศัตรูมาตลอด แต่เป็นเวลานี้เองที่เขาได้รู้แล้วว่าตนนั้นไม่ควรค่าพอจะเป็นศัตรูของเย่หยวนเสียด้วยซ้ำ

ใบหน้าของเย่หยวนนั้นขาวซีดลงไม่น้อย เพราะดาบนี้มันทำให้ปราณเทวะของเขาแทบเหือดแห้งสิ้น

“ขอบคุณผู้อาวุโสสำหรับคำชม!” เย่หยวนยกมือขึ้นคารวะ

“เจ้ายังอยากท้าทายต่อหรือไม่?” มารกระดูกถาม

เย่หยวนพยักหน้ารับ “ข้าขอท้าทายต่อ!”

………………..