บทที่ 1953 ให้เขาอธิบายมา
ในตอนนี้ เยี่ยหวันหวั่นกลับไม่รู้อยู่บ้างว่าควรจะเผชิญหน้ากับจี้ซิวหร่านอย่างไร
เมื่อก่อน เยี่ยหวันหวั่นเพียงคิดว่า ตัวเองมาสวมรอยเป็นผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ย รับบทเป็นไป๋เฟิง ส่วนไป๋เฟิงก็มีฐานะเป็นคู่หมั้นของจี้ซิวหร่าน ตัวเองแค่ต้องแสดงละครไปก็พอ
แต่มาถึงตอนนี้ เยี่ยหวันหวั่นเพิ่งมาตระหนักว่า เธอคือเนี่ยอู๋โยว ดังนั้นตัวเองกับจี้ซิ่วหร่าน มีสัญญาหมั้นหมายกันอยู่จริงๆ นี่เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องสมมุติ…
กล่าวโดยสรุปคือ หากว่ากันตามตรรกะบางอย่างแล้ว คนที่อยู่ตรงหน้าสิถึงจะเป็นตัวจริง…
พอคิดดูให้ละเอียดก็รู้สึกอยู่เสมอว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง หรือว่าในปีนั้นตัวเองจะหลงระเริงขนาดนั้นจริงๆ หลังจากมีสัญญาหมั้นหมายกับจี้ซิวหร่านแล้ว ก็ยังไปยั่วยวนซือเยี่ยหานอีก แต่ทั้งหมดนั้นไม่ใช่นิสัยของเธอเลยนะ
“เรื่องนั้น คุณรู้ใช่ไหมว่าตอนนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง” เวลานี้ เยี่ยหวันหวั่นจ้องมองจี้ซิวหร่าน พลางเอ่ยปากถาม
“ตอนนั้นงั้นเหรอ คุณหมายถึงอะไรล่ะ” จี้ซิวหร่านเอ่ยด้วยท่าทางยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม
“ทำไมฉันถึงออกมาจากรัฐอิสระ” เยี่ยหวันหวั่นเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเปล่งเสียงออกมา
“เรื่องแบบนี้ ควรจะเป็นผมที่ควรถามคุณไม่ใช่เหรอไง ทำไมคุณกลับมาถามผมล่ะ” จี้ซิวหร่านมองเยี่ยหวันหวั่น พลางเอ่ยอย่างช้าๆ
ไม่รอให้เยี่ยหวันหวั่นได้กล่าวต่อ จี้ซิวหร่านก็พูดขึ้นมาอีก “เห็นทีว่าความทรงจำของคุณจะยังไม่กลับคืนมาทั้งหมดจริงๆ คุณว่า ทำไมคุณถึงออกจากรัฐอิสระงั้นเหรอ ผมคิดว่าคุณไม่มีความจำเป็นต้องมาถามเรื่องนี้จากผมเลยจริงๆ ตอนอยู่ที่จีน คุณอาศัยอยู่กับใคร คุณก็ควรจะไปถามเขาสิถึงจะถูก ใช่ไหมล่ะ”
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก…
หลังจากได้ยินคำพูดนี้ของจี้ซิวหร่าน เยี่ยหวันหวั่นจึงเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว ในใจของจี้ซิวหร่านคิดว่าซือเยี่ยหานจะต้องเป็นคนที่พาตัวเองออกจากรัฐอิสระ แต่แบบนี้ก็เหมือนจะถูกต้องแล้ว เพราะซือเยี่ยหานเป็นคนพาเธอออกมาจากรัฐอิสระจริงๆ
“ถ้าผมเดาไม่ผิดล่ะก็ คงจะเป็นนายแห่งอาชูร่าที่พาคุณไปประเทศจีนสินะ แต่พอคุณกลับมาที่รัฐอิสระอีกครั้ง กลับสูญเสียความทรงจำเดิมไปหมดแล้ว ใช้ชีวิตอยู่ด้วยความทรงจำของคนอื่น ดังนั้น คุณคิดว่าเป็นใครกันล่ะที่ทำร้ายคุณ แล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นในปีนั้น” จี้ซิวหร่านจ้องมองเยี่ยหวันหวั่นด้วยดวงตาสงบนิ่งไร้ระลอกคลื่น “เมื่อก่อนผมก็เคยบอกคุณไปแล้วนี่ อยู่ให้ห่างจากนายแห่งอาชูร่าหน่อย”
ตอนนี้ ในที่สุดเยี่ยหวันหวั่นก็ฉุกใจขึ้นมา มิน่าจี้ซิวหร่านถึงตั้งตัวเป็นศัตรูกับซือเยี่ยหานขนาดนั้น ดูเหมือนจะมีการเข้าใจผิดกัน
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของจี้ซิวหร่าน ดูเหมือนว่าในความเข้าใจของจี้ซิวหร่าน เรื่องทุกอย่างล้วนเป็นซือเยี่ยหานที่ก่อขึ้น ซือเยี่ยหานเล่นไม่ซื่อ สับเปลี่ยนความทรงจำทั้งหมดของตัวเอง ทำให้เธอต้องใช้ชีวิตเป็นคนอื่น
“วันนี้ ผมจะเตือนคุณเป็นครั้งสุดท้าย ต่อไปนี้ อยู่ให้ห่างจากนายแห่งอาชูร่าหน่อย ส่วนเรื่องที่เขาทำกับคุณ ผมจะทำให้เขาต้องอธิบายออกมาเอง” จี้ซิวหร่านเอ่ย
เยี่ยหวันหวั่นบื้อใบ้ไปแล้ว เข้าใจผิดกันจริงๆ เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว!
“ไม่ใช่ๆ” เยี่ยหวันหวั่นรีบส่ายหน้า
“ไม่ใช่อะไร” พอได้ยินคำตอบ จี้ซิวหร่านก็เหลือบมองเยี่ยหวันหวั่นแวบหนึ่ง
“อาจจะมีการเข้าใจผิดกัน” เยี่ยหวันหวั่นรีบเอ่ยออกมา
เยี่ยหวันหวั่นเข้าใจแล้ว ในมุมมองของจี้ซิวหร่าน ปีนั้นเป็นซือเยี่ยหานที่พาเธอไปประเทศจีน ทำร้ายเธอ แต่หลังจากที่ความทรงจำบางส่วนกลับคืนมา เยี่ยหวันหวั่นนั้นรู้ดีว่าซือเยี่ยหานไม่ได้ทำร้ายเธอ แต่กลับช่วยเหลือเธอให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของสหพันธ์วิทยายุทธ์
ส่วนเรื่องการกลบฝังความทรงจำ ในตอนนั้นก็เป็นเพราะเธอที่ใช้ความตายบีบบังคับซือเยี่ยหาน อันที่จริงแล้วเดิมทีซือเยี่ยหานไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลยสักนิด หากว่าเอาเรื่องพวกนี้มาโยนใส่หัวของซือเยี่ยหานทั้งหมดก็คงอยุติธรรมกับซือเยี่ยหานเกินไป กลายเป็นโต้วเอ๋อร์รายที่สองแห่งย่าโจวไปเสียแล้ว…
——————————————————————————————-
บทที่ 1954 มีสัญญาหมั้นหมายติดตัวอยู่จริงๆ
แน่นอนว่าหากเยี่ยหวันหวั่นไม่ชี้แจงแถลงไข ความเข้าใจผิดระหว่างจี้ซิวหร่านกับซือเยี่ยหานก็ไม่มีทางคลี่คลายไปตลอดกาล
อย่างแรกคือ ด้วยนิสัยของจี้ซิวหร่าน เกรงว่าคงไม่มีทางไปสอบถามเรื่องพวกนี้จากซือเยี่ยหาน พูดกันอย่างลงให้สุดๆ แล้ว แม้ว่าจี้ซิวหร่านจะสอบถามซือเยี่ยหานอย่างซึ่งๆ หน้า แต่ด้วยนิสัยของซือเยี่ยหาน ไม่มีทางอธิบายอะไรออกมา โดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายคือจี้ซิวหร่าน
“ในเมื่อคุณรู้ตัวแล้วว่าตัวเองคือเนี่ยอู๋โยว งั้นก็น่าจะรู้สิว่าระหว่างคุณกับผม มีสัญญาหมั้นหมายติดตัวอยู่จริงๆ แต่พอหนีไปประเทศจีนกับซือเยี่ยหาน ก็หลงลืมทุกอย่างไปจนหมด คุณว่า มีอะไรใหเข้าใจผิดกันล่ะ” จี้ซิวหร่านเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
เยี่ยหวันหวั่นจ้องมองจี้ซิวหร่าน พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย พอได้ยินจี้ซิวหร่านพูดแบบนี้แล้ว ก็ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไรเลยจริงๆ
แต่กลับกันก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า สำหรับเรื่องราวในปีนั้นจี้ซิวหร่านน่าจะไม่รู้เห็นด้วยเลย หากว่าจี้ซินหร่านรู้อย่างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น จะไม่มีทางตั้งตัวเป็นศัตรูกับซือเยี่ยหานแบบนี้เด็ดขาด
“ความทรงจำของฉันกลับคืนมาบางส่วนแล้ว ในส่วนนี้ มีเรื่องที่กลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ตามฆ่าฉัน ปีนั้นซือเยี่ยหานช่วยฉันไว้ อีกอย่างก็เป็นฉันเองที่ขอร้องซือเยี่ยหาน ให้ปรับเปลี่ยนความทรงจำของฉัน” หลังจากเยี่ยหวันหวั่นเงียบไปครู่หนึ่งก็เปิดปากพูดขึ้นมา
สำหรับจี้ซิวหร่านแล้ว ควรบอกความจริงกับเขาไปก่อน ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว หากว่าวันไหนกลุ่มอำนาจจี้หวงเปิดฉากรบกับอาชูร่าขึ้นมาเพราะความเข้าใจผิด แบบนั้นก็พูดกันได้ไม่กระจ่างแล้ว
“คุณถูกกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ตามล่า…”
หลังจากได้ยินคำอธิบายจากเยี่ยหวันหวั่นแล้ว ในดวงตาของจี้ซิวหร่านพลันฉายแววประหลาดใจ
นอกจากจะถูกกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ตามฆ่าแล้ว ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นนายแห่งอาชูร่าที่ช่วยเธอไว้ ส่วนปัญหาเรื่องความทรงจำ กลับเป็นตัวเนี่ยอู๋โยวเองที่ร้องขอ…
ตอนนี้ จี้ซิวหร่านจมอยู่ในภวังค์ความคิด
“วันนี้ที่ฉันนัดคุณออกมา ความจริงแล้วแค่อยากจะถามว่า คุณรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นในปีนั้น แล้วทำไมกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ถึงต้องไล่ล่าฉัน เพราะความทรงจำของฉันกลับคืนมาแค่ส่วนเล็กๆ มีสาเหตุมากมายที่ตัวฉันเองก็ยังไม่รู้เหมือนกัน” เยี่ยหวันหวั่นมองจี้ซิวหร่าน พลางกล่าวช้าๆ
“คุณแน่ใจเหรอว่าเป็นกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ที่ตามฆ่าคุณ เรื่องนี้ ผมไม่รู้เลยจริงๆ” จี้ซิวหร่านกล่าว
“ฉันแน่ใจ” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า
“กลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์จะไม่อาจไปยั่วยุได้ง่ายๆ รอให้ผมตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัดเจนก่อนเถอะ” หลังจากผ่านไปนาน จี้ซิวหร่านก็มองไปที่เยี่ยหวันหวั่น แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
กลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ มีตำแหน่งสำคัญในรัฐอิสระ อำนาจก็แข็งแกร่งเป็นพิเศษ ลำพังแค่พันธมิตรอู๋เว่ย หากว่าคิดจะต่อกรกับกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ ก็เหมือนเอาไข่ไปกระทบหิน รนหาที่ตาย
“อืม ฉันเข้าใจแล้ว” เยี่ยหวันหวั่นตอบรับ
ถ้าเธออยากล้างแค้น คงลงมือไปตั้งนานแล้ว จะรอจนถึงตอนนี้เวลานี้ได้ยังไง
เยี่ยหวันหวั่นไม่ใช่คนโง่ ความแข็งแกร่งของสหพันธ์วิทยายุทธ์ เธอย่อมรู้อยู่แก่ใจ
“ลืมเรื่องนี้ไปก่อนเถอะ จะดีที่สุดถ้าคุณฟื้นคืนความทรงจำทั้งหมดได้ จะได้รู้ว่าตกลงแล้วปีนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ตามฆ่าคุณทำไม เข้าใจไหม” จี้ซิวหร่านเอ่ย
“ยังมีอีกเรื่องนะ”
หลังจากเยี่ยหวันหวั่นใคร่ครวญอยู่นาน จึงได้ตัดสินใจบอกเรื่องของผู้อาวุโสจินให้จี้ซิวหร่านทราบ
“โอ้…น่าสนใจนี่”
หลังจากได้รู้ว่าผู้อาวุโสจินสิ้นชีพด้วยน้ำมือของกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ จี้ซิวหร่านก็เริ่มใช้ความคิด
“อันที่จริง ผมนึกถึงความเป็นไปได้อยู่สองกรณี” นิ้วมือของจี้ซิวหร่านเคาะหน้าโต๊ะเบาๆ “ข้อแรก กลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ฆ่าผู้อาวุโสจินเพื่อปิดปาก ด้วยไม่ต้องการให้คุณได้รู้จากปากผู้อาวุโสจินว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นในปีนั้น”
“ข้อสองล่ะ” เยี่ยหวันหวั่นรีบเอ่ยถาม
………………………………………..