ตอนที่ 1061 ไป๋อู๋ห่ายมาถึงแล้ว

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

“ฆ่ามันซะ!” เหยียนเอ๋อร์ออกคำสั่งให้สังหารต่อหน้าทุกคน

ทุกคนมองไปที่หญิงสาวชุดขาวที่มีจิตสังหารผู้นั้น ราวกับว่าพึ่งรู้จักนางเป็นครั้งแรก

นี่คือใบหน้าที่แท้จริงของธิดาศักดิ์สิทธิ์ ก่อนหน้านี้พวกเขาถูกหลอกอย่างสมบูรณ์ และในขณะนั้นในใจของพวกเขาก็โกรธอย่างหาที่เปรียบมิได้

เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “เฉียนเยี่ย เรื่องต่อจากนี้ให้ข้าจัดการเอง”

พลังอันแข็งแกร่งของเหล่าองครักษ์ซวน เป็นเรื่องที่ไป๋เหยียนเอ๋อร์ไม่อาจจินตนาการได้

การที่จะสังหารมู่เฉียนซีที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของเฟิงอวิ๋นซิว นางคงได้แต่ฝันกลางวันเท่านั้น!

แสงสีแดงเพลิงได้ห่อหุ้มธิดาศักดิ์สิทธิ์ไป๋เหยียนเอ๋อร์เอาไว้

นายน้อยอวิ๋นซิวมีพลังวิญญาณธาตุสองชนิด หนึ่งในนั้นคือพลังวิญญาณธาตุไฟที่นางใฝ่ฝันถึง

เปลวเพลิงเริ่มแผดเผาผิวของนาง และไป๋เหยียนเอ๋อร์ก็กล่าวว่า “เจ้า…เจ้าจะฆ่าข้า…”

เฟิงอวิ๋นซิวบังคับให้ไป๋เหยียนเอ๋อร์ไปขอบเหวแห่งความตาย มู่เฉียนซีซ่อนตัวอยู่ในเงามืดและเตรียมพร้อมที่จะโจมตี ขอเพียงแค่หมิงจีออกมา ของขวัญชิ้นนี้ในมือของนางจะต้องมอบให้อย่างแน่นอน!

ทันใดนั้นแสงสีขาวก็ปรากฏขึ้นและชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีขาวก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าทุกคน

“ท่านเจ้าตำหนัก!”

“ท่านเจ้าตำหนักมาแล้ว”

“……”

มู่เฉียนซีรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย หมิงจีไม่ได้ออกมา แต่เป็นไป๋อู๋ห่ายที่มา

เมื่อไป๋อู๋ห่ายปรากฏตัวขึ้น ก็ได้ควบคุมเปลวเพลิงของเฟิงอวิ๋นซิวไว้

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมคนหนุ่มสาวอย่างพวกเจ้าถึงหุนหันพลันแล่นกันนัก?” ไป๋อู๋ห่ายขมวดคิ้วกล่าว

“ท่านพ่อ!” ไป๋เหยียนเอ๋อร์กล่าวอย่างน่าสงสาร

“ฮือ ฮือ ฮือ! ข้าไม่รู้ว่าข้าทำอะไรผิด? นายน้อยอวิ๋นซิวถึงทำกับข้าเช่นนี้”

นางใช้เสียงร้องไห้เล่าเรื่องราวให้ฟัง แต่ท่าทางเช่นนี้ในตอนนี้ กลับไม่สามารถทำให้ผู้คนเห็นอกเห็นใจนางได้เลย

แต่กับพ่อของนาง นางเป็นที่รักและน่าทะนุถนอม

ไป๋อู๋ห่ายกล่าว “ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีความผิด อย่าเพิ่งใช้อารมณ์เลย มู่หรงเฉียนเยี่ยลงมืออย่างโหดเหี้ยม ไม่เหมาะสมที่จะเข้าไปในตำหนักตงจี๋ คะแนนของเจ้าถูกยกเลิกทันที!”

เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “ท่านเจ้าตำหนักเข้าข้างไป๋เหยียนเอ๋อร์หรือ?”

“ข้าตัดสินอย่างยุติธรรมมาโดยตลอด นี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุด อย่างไรเสียข่งชัวก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่มู่หรงเฉียนเยี่ยกลับไม่เป็นอะไรเลย แต่หากอวิ๋นซิวอยากพบเพื่อนของตน ก็สามารถเชิญเขามาเป็นแขกในตำหนักตงจี๋ได้”

“เจ้าเด็กนี่กำเริบเสิบสานเช่นนี้ หากไม่เข้าใจกฎ การไม่เข้าไปในตำหนักตงจี๋ก็เป็นสิ่งสมควรแล้ว” ไป๋อู๋ห่ายมองไปที่มู่เฉียนซี

ในตำหนักตงจี๋ ผู้ที่ตัดสินใจได้ก็คือไป๋อู๋ห่ายเจ้าตำหนักผู้นี้ เขาได้จัดการเรื่องนี้ือย่างเด็ดขาดแล้ว

เฟิงอวิ๋นซิวอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่มู่เฉียนซีกลับดึงเขาไว้แล้วกล่าวว่า “วุ่นวายมามากข้าเองก็เหนื่อยแล้ว อย่าไปสนใจพวกเขาเลย!”

อย่างไรเสียการเข้าสู่ตำหนักตงจี๋ก็มิได้สำคัญ

มู่เฉียนซีดึงเฟิงอวิ๋นซิวไว้เช่นนี้อย่างไม่ไว้หน้าไป๋อู๋ห่ายและจากไปทันที

เฟิงอวิ๋นซิวรู้สึกจนปัญญา นิสัยบุ่มบ่ามของเขาไม่เหมาะกับตำหนักตงจี๋จริง ๆ

เมื่อมาถึงอาณาเขตของเฟิงอวิ๋นซิว ในที่สุดเขาก็สงบลง

มู่เฉียนซีหัวเราะพลางกล่าว “ข้ามาโบราณสถานแห่งเพลิงในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้ข่งชัวบาดเจ็บสาหัสเท่านั้น แต่ยังได้ของดีมาอีกด้วย!”

เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “ในเมื่อเฉียนเยี่ยได้ของดีมา ก็เก็บมันไว้ให้ดี ทรัพย์สินมีอย่าได้เปิดเผย”

มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าไม่อยากรู้จริง ๆ หรือ? ข้าให้เจ้าดูได้นะ มันเกี่ยวข้องกับกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์”

“จริงเหรอ?” แน่นอนว่าเมื่อได้ยินชื่อกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ เฟิงอวิ๋นซิวก็สงบสติอารมณ์ไม่ได้อีกต่อไป

มู่เฉียนซีหยิบแผ่นเหล็กสองแผ่นออกมา เฟิงอวิ๋นซิวตะลึงงัน “สองชิ้น? ในโบราณสถานแห่งเพลิงเจ้าพบชิ้นส่วนอีกหนึ่งชิ้นแล้วรึ?”

มู่เฉียนซีกล่าว “อืม!”

“เจ้าพบมันด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องเอามันออกมา ข้าจะแย่งเจ้าเอง”

“แย่ง? ถ้าเจ้าเอาชนะข้าได้ ข้าจะแบ่งให้เจ้าอย่างยุติธรรมดีหรือไม่?” มู่เฉียนซีไม่อยากยอมให้เขาโดยไม่มีเหตุผล

เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “เจ้าจริงจังหรือ?”

“จริงเสียยิ่งกว่าทองคำ ข้าอยากประมือกับนายน้อยอวิ๋นซิวมานานแล้ว”

“ข้าเองก็อยากเห็นความแข็งแกร่งของวิชากระบี่ของกู้ไป๋อีมานานแล้ว”

จากนั้นเฟิงอวิ๋นซิวก็เริ่มต่อสู้กับมู่เฉียนซี แต่เขาก็ไม่ได้รังแกมู่เฉียนซีมากนักด้วยการระงับความแข็งแกร่งของเขาให้อยู่ในระดับจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่หก

ตูม!

พวกซวนอีเพิ่งจะจัดการกับปัญหาที่มู่เฉียนซีได้ก่อขึ้นมา ไม่ทันไรเขาก็ได้พบว่าทั้งสองนั้นกำลังต่อสู้กันอยู่ในห้องโถง กลับมีผู้ที่กล้าจะลงมือกับนายน้อย!

เหล่าองครักษ์ซวนอยากจะเข้าไปปกป้องเจ้านายของพวกเขาทันที

แต่…

ซวนอีกล่าว “พวกเขาสองคนกำลังประลองฝีมือกัน นายท่านจงใจสะกดความแข็งแกร่งเอาไว้”

“ลูกพี่ เช่นนั้นท่านว่า นายท่านที่สะกดความแข็งแกร่งกับเจ้าหนูวิปริตนั่นใครจะเก่งกว่ากันล่ะ!”

“แน่นอนว่าต้องเป็นนายท่าน”

“ข้าพนันว่าเป็นเจ้าหนูวิปริตนั่น!”

“ข้าพนันว่านายท่านชนะ!”

คนพวกนี้มันช่างตรงกันข้ามกันจริง ๆ!

ในการเดิมพันอย่างลับ ๆ ซวนอีกล่าวขึ้นว่า “ข้าเองก็พนันฝั่งเจ้าหนูวิปริตนั่นเหมือนกัน!”

นี่เป็นครั้งแรกที่มู่เฉียนซีได้เรียนรู้ว่าผู้บำเพ็ญภูตธาตุคู่นั้นรับมือได้ยากเพียงใด พลังของทั้งสองปะทะเข้าด้วยกัน หลังจากที่ทั้งสองประมือกันอยู่หลายรอบ

มู่เฉียนซีกล่าว “ข้ายอมรับความพ่ายแพ้แล้ว พอเถอะ เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว! ผู้บำเพ็ญภูตสองธาตุนั้นไม่ธรรมดาจริง ๆ มันยากมากที่จะจัดการกับทั้งสองธาตุที่รวมเข้าด้วยกัน เมื่อข้ามีหินวิญญาณธาตุคู่แล้ว ข้าจะมาแก้แค้นเรื่องในวันนี้อย่างแน่นอน ”

ซวนอีและคนอื่น ๆ งงงวย ยอมแพ้แล้ว!

พวกเขาเคยพบเห็นทักษะกระบี่ของมู่เฉียนซีมาก่อน ถ้าหากว่าสู้กันเข้าจริง ๆ และหากนายน้อยสะกดพลังความสามารถเอาไว้ให้อยู่ในระดับเดียวกับเขา ถึงต่อให้ไม่แพ้ อย่างมากก็เกรงว่าคงทำได้เพียงเสมอ

แต่เขากลับยอมแพ้!

ใบหน้าของซวนอีหม่นคล้ำ เจ้าเด็กบ้า คืนหยกวิญญาณข้ามา!

เฟิงอวิ๋นซิวเองก็รู้ว่าเขาจงใจ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธความปรารถนาดีของเขา

มู่เฉียนซีกล่าว “การต่อสู้จริงไม่มีใครสามารถสะกดความแข็งแกร่งจนถึงระดับเดียวกันและต่อสู้กับคนผู้นั้นได้ ดังนั้นข้าจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าอยู่แล้ว ไม่แปลกที่ข้าจะแพ้”

เฟิงอวิ๋นซิวมองไปที่แผ่นเหล็กสองแผ่นตรงหน้านี้ มีสองแผ่นนี้ความคืบหน้าของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ก็ใกล้เข้ามาอีกขั้นหนึ่งแล้ว

“เมื่อผู้อาวุโสสูงสุดออกจากการเก็บตัวก็ไปหาเขา”

มู่เฉียนซีกล่าว “ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องให้ผู้อาวุโสใหญ่ออกจากการเก็บตัวแล้ว ของสิ่งนี้ดูเหมือนจะมีประโยชน์!”

มู่เฉียนซีหยิบต้นภูตไฟออกมา เฟิงอวิ๋นซิวมีพลังวิญญาณธาตุไฟ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกถึงธาตุไฟที่เข้มข้นบนต้นไม้ต้นนี้

เมื่อต้นภูตไฟถูกนำออกมา แผ่นเหล็กแต่ละแผ่นนั้นก็ได้ส่องแสงออกมา

แสงส่องสว่างนั้นได้สร้างเป็นรูปสองรูป เฟิงอวิ๋นซิวรีบจดจำภาพทั้งสองนี้อย่างรวดเร็ว

มู่เฉียนซีหักกิ่งไม้และมอบมันให้กับเฟิงอวิ๋นซิวก่อนจะกล่าวว่า “ข้าจะไม่มอบต้นภูตไฟนี้ให้กับเจ้า อย่างไรเสียเจ้าก็เป็นผู้บำเพ็ญภูตธาตุไฟ ปลูกเองเถอะ! สิ่งนี้มีประโยชน์มากมายสำหรับเจ้าในการยกระดับการบ่มเพาะของเจ้า?”

“เจ้าจะมอบมันให้ข้าหรือ?” เฟิงอวิ๋นซิวตะลึงงัน แม้เป็นกิ่งไม้แท่งหนึ่งแต่นั่นก็มีค่ามาก

เสี่ยวหงที่อยู่ในมิติแห่งพันธสัญญาตอนนี้ราวกับมีเลือดรินไหลออกมาอย่างปวดใจ ขาดกิ่งไม้ไปหนึ่งกิ่ง ขาดไปหนึ่งกิ่ง…

มู่เฉียนซีกล่าว “แน่นอน!”

“ศิลาวิญญาณเพลิงเหล่านี้ข้าจะเอาไปให้เจ้าปลูกต้นภูตไฟ! และยังมีส่วนที่เหลืออีก เจ้าเอาไปฝึกได้โดยตรง ถึงอย่างไรตอนนี้ข้าก็ไม่ใช่ผู้บำเพ็ญภูตธาตุไฟอยู่แล้ว มันใช้ไม่ได้”

“นายท่าน นี่เป็นเสบียงของข้า!” อู๋ตี้ประท้วง!

“มีต้นภูตไฟแล้ว ศิลาวิญญาณเพลิงมากมายเช่นนั้นในมิติเจ้าจะกินหมดหรือ? ถ้าเจ้ากินหมดจริง ๆ ข้าจะเก็บศพให้”

อู๋ตี้พึมพำ “นายท่าน ดูเหมือนว่าที่ท่านพูดจะมีเหตุผลอย่างมาก”

ศิลาวิญญาณเพลิงบางส่วน เมื่อมู่เฉียนซีนำศิลาวิญญาณเพลิงที่ถูกเรียกว่า ‘บางส่วน’ ออกมา ทั่วทั้งตำหนักใหญ่ของเฟิงอวิ๋นซิวก็เต็มไปหมด

เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “มากเพียงนี้?”

มู่เฉียนซียิ้มและกล่าวว่า “ช่วยไม่ได้ สิ่งเหล่านี้ในโบราณสถานแห่งเพลิงนั้นอุดมสมบูรณ์มาก”

ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยไปโบราณสถานแห่งเพลิงมาก่อน เขารู้ดีว่าโบราณสถานแห่งเพลิงนั้นไม่สามารถหาศิลาวิญญาณเพลิงได้มากมายขนาดนี้ การที่เฉียนเยี่ยได้รับหินวิญญาณเพลิงมามากมายขนาดนี้ มันต้องเป็นเพราะเขาแข็งแกร่งมากแน่ ๆ

เฟิงอวิ๋นซิวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรับมันไป และถามว่า “เฉียนเยี่ย เจ้ามีแผนอะไรต่อจากนี้?”