อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1031 ยังไม่ไสหัวไปอีก
“เป็นหนี้ต้องจ่าย เป็นคนร้ายก็ต้องชดใช้กรรม ผู้ใดสังหารคนในครอบครัวของเจ้าก็ไปแก้แค้นกับคนนั้น แต่เจ้ากลับฆ่าล้างชีวิตผู้บริสุทธิ์นับพันหมื่นในเผ่าของข้า ยุติธรรมหรือ?”

“ยุติธรรม? เวินเส้าหยี เจ้าพูดเรื่องความยุติธรรมกับข้า? ตระกูลเซียวของพวกเราซื่อสัตย์พลีชีพเพื่อแคว้นมาจากรุ่นสู่รุ่น ทั้งตระกูลมีสามร้อยกว่าชีวิตไม่เคยทำเรื่องเลวร้ายแม้แต่เรื่องเดียว แต่ต้องประสบกับการฆ่าทำลายของพวกเจ้าอย่างไร้ความปรานี ผู้หญิงคนพิการเด็กเล็กคนชรา แม้กระทั่งสัตว์เลี้ยงก็ไม่สามารถรอดชีวิตไปได้ พวกเจ้ายุติธรรมกับพวกเขาหรือ? เผ่าเทียนเฟิ่นของพวกเจ้าลงคำสาปแช่งที่ชั่วร้ายที่สุดในโลกกับเผ่าหยก ทำให้เผ่าหยกได้รับความเจ็บปวดทรมานกับคำสาปโลหิตหลายชั่วอายุคน พวกเจ้ายุติธรรมกับประชาชนนับพันหมื่นของเผ่าหยกเช่นนั้นหรือ?”

ดวงตาของเวินเส้าหยีแดงก่ำ ฟังอย่างถี่ถ้วน ก็ยังได้ยินเสียงฟันที่ดังกึกกึกของเวินเส้าหยีได้

กู้ชูหน่วนกุมทรวงอกของตัวเอง ไม่รู้ว่าทำไม ทรวงอกจึงได้ปวดเกร็งอย่างฉับพลัน

หากสิ่งที่ทั้งสองคนพูดเป็นความจริง เช่นนั้นความแค้นระหว่างพวกเขาก็ไม่มีทางที่จะแก้ไขได้จริงๆ

ความแค้นในการฆ่าล้างตระกูล จะแก้ไขได้เพียงแค่คำพูดเพียงสั้นๆได้อย่างไร

“แล้วเจ้าล่ะ เจ้ามีความแค้นอะไรกับเจ้าผีเสื้อกัน?” กู้ชูหน่วนหันหน้าไปถามเย่จิ่งหาน

เย่จิ่งหานมองไปทางอื่นด้วยความยโส ไม่สนใจกู้ชูหน่วน ใบหน้ามีเพียงแค่ความแค้น ที่ไม่น้อยไปกว่าเซียวหยู่เซวียนสักนิด

“เอาเถอะ ท่านไม่อยากพูดก็ช่าง ข้าก็ไม่อยากฟังหรอก ยังไงซะข้าก็ไม่ได้เป็นอะไร”

เซียวหยู่เซวียนกล่าวด้วยความเจ็บปวด “ยัยอัปลักษณ์ ช่วยข้าฆ่าเขา”

“เพื่อนรักของข้าให้ข้าฆ่าเจ้า เจ้าจะว่าอย่างไร?”

เวินเส้าหยีเบือนหน้าหนี ปิดตาลงด้วยความสงบ ท่าทางเหมือนปล่อยให้นางสังหารตามใจ

ลักษณะท่าทางของเขาสูงสง่า ดั่งเทพเซียนจุติไร้ราคี วันนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ยิ่งเพิ่มความงดงามของความเจ็บป่วยไปอีกเล็กน้อย ทำให้คนทำใจปลิดชีวิตเขาไปไม่ลงจริงๆ

กู้ชูหน่วนกล่าว “เสี่ยวเซวียนเซวียน ไม่ใช่ว่าข้าไม่ช่วยเจ้า แต่……ให้ข้าสังหารผู้ชายที่อ่อนแอไร้กำลังผู้หนึ่ง ข้าทำไม่ลงจริงๆ อีกอย่างรู้จักกันมาถึงวันนี้ ข้าก็ยังไม่เคยเห็นเขาทำเรื่องชั่วช้าร้ายแรงอะไรมาก่อน พวกเจ้าก่อนพักผ่อนสักนิด ข้าไปเก็บสมุนไพรปรุงยากลับมาสักหน่อย”

กู้ชูหน่วนจากไปแล้ว เพิ่งจะเดินได้ไม่กี่ก้าว ทั้งสามคนก็เริ่มทะเลาะกันขึ้นมาอีก แต่พวกเขาทั้งสามล้วนบาดเจ็บสาหัส แม้ว่าจะทะเลาะเบาะแว้งกันยังไงก็ไม่ใหญ่โต ทีแรกกู้ชูหน่วนคิดจะเข้าไปห้าม แต่คิดอีกที ความแค้นที่หยั่งลึกดั่งทะเลเลือดระดับนั้น นางห้ามได้ชั่วขณะหนึ่ง ก็ห้ามทั้งชีวิตไม่ได้”

จึงวางยาหลอนประสาทไปเสียเลย ทำให้ทั้งสามคนสลบไสล

แล้วถือโอกาสขณะที่ทั้งสามคนสลบไสล แยกพวกเขาทั้งสามออกจากกัน เลี่ยงไม่ให้พวกเขาทะเลาะกันอีกครั้ง อีกทั้งยังรักษาอาการบาดเจ็บให้พวกเขาทั้งสามทีละคนอีกด้วย

ด้านนอกถ้ำ เวินเส้าหยีฟื้นขึ้นมาคนแรก

เปิดตาขึ้นมาก็เป็นกู้ชูหน่วนอีกแล้ว

กู้ชูหน่วนโยนไม้เท้าให้เขาอันหนึ่ง

“ชีวิตน้อยๆของเจ้ารักษาไว้ได้แล้ว แต่ในเวลาอันสั้นหากว่าขับเคลื่อนกำลังภายในอีกครั้ง อาการบาดเจ็บสะเทือนไปถึงอวัยวะภายในทั้งหมดรวมทั้งไขกระดูกด้วย ถึงเวลานั้นไม่ต้องเอ่ยถึงวิทยายุทธทั้งตัวของเจ้า แม้แต่ชีวิตก็อาจจะรักษาไว้ไม่ได้ ถือโอกาสก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนความตั้งใจ เจ้ารีบจากไปซะเถอะ”

“เจ้าไม่ได้อยากเอาชีวิตของข้ามาตลอดหรอกหรือ? ทำไมถึงได้ปล่อยข้าไปอีก?”

“ถือซะว่า……เป็นการชดเชยบุญคุณความแค้นทั้งหมดละกัน ว่าไง?” กู้ชูหน่วนขยิบตาให้เขาอย่างมีลับลมคมใน

เวินเส้าหยีเบือนหน้าหนี พ่นคำหนึ่งออกมาอย่างเย็นชา “เป็นไปไม่ได้”

เขามีความสัมพันธ์ยังไงกับเย่จิ่งหาน?

แต่นางกลับเปลื้องเสื้อผ้าของเขาและเย่จิ่งหานออกหมด และให้กอดกันไว้อีก

ความอัปยศเช่นนี้ จะชดเชยไปง่ายๆได้อย่างไร

กู้ชูหน่วนเปลี่ยนสีหน้าทันที

“ถึงเวลานี้ เจ้ายังจะปากแข็งอีก ไม่กลัวว่าข้าจะฆ่าคนและทำลายศพรึไง?”

“ฆ่าข้าแล้ว เจ้าก็อย่าคิดว่าจะมีชีวิตรอด”

“มีชายรูปงามตายไปด้วยกัน ไปนรกก็ไม่โดดเดี่ยว ยิ่งไปกว่านั้น….ก็ไม่แน่ว่าคนของเจ้าจะสามารถทำอะไรข้าได้?”

“หึ……”

เวินเส้าหยีหัวเราะอย่างเย็นชาเสียงหนึ่ง ใบหน้าเชิดขึ้นด้วยความมั่นใจ

กู้ชูหน่วนเค้นเสียงออกมาจากซอกฟันประโยคหนึ่ง “ไม้เท้าก็ให้เจ้าไปแล้ว ยังไม่รีบไสหัวไปอีก จะอยู่ต่อให้ข้าปล่อยเสือออกมาต้อนรับเจ้าหรือไง?”