บทที่ 817 ความสงสัยของตระกูลหลิน

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

เมื่อได้ยินว่าแท้จริงแล้ว หลิงตู้ฉิงคือปรมาจารย์จิตรกร หลินหรูซวนก็รู้สึกหม่นหมองในทันที

นางไม่นึกเลยว่าเมื่อครู่นางดันท้าปรมาจารย์จิตรกรวาดรูปแข่งกับนาง

แต่แล้วหลังจากที่นางตกตะลึงอยู่สักพัก พอนางได้สตินางจึงตะโกนขึ้นว่า “ไม่ได้ถ้างั้นการแข่งขันรอบเมื่อครู่ถือว่าไม่นับ! ท่านหลอกให้ข้าแข่งวาดรูปกับท่านทั้ง ๆ ที่ท่านบ่มเพาะมันมาตลอดทั้งชีวิตของท่านไม่ได้!”

หลิงตู้ฉิงหัวเราะและตอบว่า “ข้าหลอกเจ้า? เป็นเจ้าเองรึเปล่าที่ท้าแข่งวาดรูปกับข้าเอง? แต่ก็เอาเถอะในเมื่อเจ้าไม่ยินยอม งั้นเรามาเปลี่ยนวิธีการประลองใหม่ แต่ถ้าเจ้าอ้างเรื่องที่ข้าวาดรูปเก่งกว่าเจ้าแล้วเจ้าไม่ยอมรับ งั้นข้าคงต้องบอกว่าหากเราแข่งกันเล่นพิณเจ้าเองก็เอาเปรียบข้าเหมือนกันที่เอาทักษะที่เจ้าถนัดที่สุดมาแข่งกับข้า”

หลินหรูซวนกรอกตา จากนั้นนางจึงพูดว่า “ถ้างั้นพวกเรามาแข่งกันปักลายผ้าก็แล้วกัน!”

หลิงตู้ฉิงกระพริบตาปริบ ๆ จากนั้นเขาก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าจนใจว่า “เอาล่ะหากเจ้าจะประลองด้วยวิธีการนี้ งั้นข้าคงต้องยอมให้เจ้าชนะแล้วล่ะ เอ้ารับไป! นี่คือสมบัติระดับราชวงศ์ของเจ้า!”

หลินหรูซวนมองดูแหวนหยกแบบที่ผู้หญิงใส่ ซึ่งเป็นสมบัติวิเศษระดับราชวงศ์ในมือนางด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ

นางอดไม่ได้ที่จะถามย้ำขึ้นอีกรอบ “นี่เจ้าให้ข้าจริง ๆ งั้นเหรอ?”

หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ถ้าเจ้าไม่อยากได้เจ้าจะคืนมันมาก็ได้นะ!”

“ไม่ ๆๆๆ! เจ้าแพ้ข้าแล้ว ดังนั้นมันเป็นของข้า!” หลินหรูซวนรีบตอบกลับพลางรีบเก็บแหวนไป

โดยปกติแล้วหลิงตู้ฉิงคงไม่มีสมบัติสำหรับผู้หญิงอยู่ในตัวของเขาแน่นอน แต่เนื่องจากเขาวางแผนว่าจะมาช่วยเหลือตระกูลของเขาสักหน่อย ดังนั้นเขาจึงเตรียมสมบัติระดับต่ำ ๆ ไว้มากมาย ซึ่งมีทั้งของผู้หญิงและของผู้ชายผสมรวมกัน

หลังจากได้รับสมบัติมาแล้ว หลินหรูซวนก็ข่มอาการดีใจของตัวเองไว้ไม่อยู่ นางหัวเราะร่าและพูดกับหลิงตู้ฉิงว่า “ข้าไม่กวนเวลาพักผ่อนของเจ้าแล้วก็ได้ เอาไว้พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าชมรอบ ๆ เกาะหนานชานเอง!”

เมื่อพูดจบนางก็จากไปในทันที

หลังจากออกจากเรือนรับรองที่หลิงตู้ฉิงอาศัย หลินหรูซวนก็รีบเดินตรงไปที่ตึกหลักทันที

ในห้องโถงใหญ่ของตึกหลัก ซึ่งกำลังมีคนกลุ่มหนึ่งคุยกันอยู่ เมื่อเห็นว่าหลินหรูซวนเดินเข้ามาผู้ที่ดูเป็นผู้นำของกลุ่มคนทั้งหมดก็ถามขึ้นว่า “หรูซวน เจ้ามีอะไรรึเปล่า?”

หลินหรูซวนหยิบแหวนหยกที่หลิงตู้ฉิ มอบให้นางขึ้นมา และพูดว่า “อู๋หมิงมอบมันให้กับข้า! ชายผู้นั้นจงใจมอบสิ่งนี้ให้กับข้า ซึ่งข้าไม่แน่ใจว่าเขามีแผนอะไรรึเปล่า”

อันที่จริงนางก็พอรู้ว่าหลิงตู้ฉิงแกล้งยอมแพ้นาง

“หืม?” คนทั้งห้องโถงต่างมองหน้ากันด้วยสีหน้างุนงง แม้แต่หลินหงเหวิน ซึ่งเป็นผู้นำก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าประหลาดใจ

หลินหงเหวินนั้นคือบรรพบุรุษของตระกูลหลิน ซึ่งระดับการบ่มเพาะของเขาในตอนนี้อยู่ที่ระดับนักบุญ ซึ่งนับได้ว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญที่มีความแข็งแกร่งเป็นอันดับต้น ๆ ของอาณาเขตหนานหัว และด้วยสภาพแวดล้อมที่ยากจนของอาณาเขตหนานหัว สมบัติวิเศษระดับราชวงศ์จึงมีค่าอยู่พอสมควร ดังนั้นเมื่อมีใครมอบมันให้กับคนอื่นได้ง่าย ๆ แบบนี้มันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ปกติ

หลินหรูซวนพูดขึ้นต่อ “พวกเราตกลงกันว่าจะประลองกันและถ้าเขาแพ้เขาจะมอบสมบัติวิเศษระดับราชวงศ์ให้กับข้า ซึ่งมันคือแหวนวงนี้ แต่ข้ามองออกว่าเขาแกล้งยอมแพ้ข้าเพราะในตอนแรกพวกเราแข่งวาดรูปกันและข้าแพ้เขาอย่างยับเยิน ซึ่งเขายอมรับว่าเขาเป็นปรมาจารย์จิตรกรและเขายอมรับว่าเขาเอาเปรียบข้ามากไปหน่อย และอนุญาตให้ข้าเปลี่ยนวิธีการประลองได้ ซึ่งเขาก็เลยเปลี่ยนเป็นปักลายผ้า จากนั้นเขาก็ยอมแพ้ข้าในทันทีโดยที่ข้ายังไม่ได้หยิบผ้าขึ้นมาปักลายเลยด้วยซ้ำ!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ คนอื่น ๆ ที่อยู่ในห้องโถงต่างก็แสดงสีหน้ามืดหม่น

“เหรินเจี๋ย เจ้าเป็นคนพาเขามา ไหนเจ้าลองอธิบายหน่อยสิว่าสหายของเจ้าผู้นี้เป็นใครมาจากไหน?” หลินเหวินปิงถามหลินเหรินเจี๋ย

ในเมื่อเห็นว่าเรื่องราวมันเริ่มแปลกประหลาดแบบนี้ หลินเหรินเจี๋ยจึงไม่อยากจะปกปิดอะไรอีกต่อไป

“ชายผู้นี้อยากจะมาที่เกาะของพวกเราเพื่อที่จะท่องเที่ยว ซึ่งข้าได้เจอกับเขากลางทะเลสาบและโน้มน้าวให้เขากลับออกไปซะ แต่แล้วจากนั้นเขาก็ตามข้ากับหรูซวนมาที่นี่โดยที่ข้าเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าเขาติดตามข้ามา…” หลินเหรินเจี๋ยตอบกลับด้วยความสัตย์จริง..

หลังจากได้ยินเรื่องประหลาดแบบนี้พวกเขาทุกคนก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่นมากขึ้นไปอีก

ปรมาจารย์จิตรกรปริศนา ซึ่งมาที่นี่โดยที่ถูกกล่าวห้ามแล้วแถมยังทำตัวใจกว้างอีกต่าง นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?

หญิงสาววัยกลางคนที่จู่ ๆ ก็หัวเราะขึ้นและถามหลินหรูซวนว่า “นี่เขาชอบเจ้ารึเปล่าเขาถึงมอบแหวนให้เจ้าแบบนี้?”

หลินหรูซวนตอบกลับหน้ามุ่ย “ท่านแม่ อย่าล้อข้าเล่นแบบนี้สิ!”

หลินหงเหวินโบกมือให้ทุกคนสงบลงและพูดว่า “ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วเขามาที่นี่เพราะเหตุผลอะไร แต่ในเมื่อเขาไม่ได้แสดงท่าทีเป็นปรปักษ์กับเรา ดังนั้นพวกเราก็ช่างเขาไปก่อน อย่าลืมว่าพวกเรายังมีเรื่องสำคัญของพวกเราเองที่จะต้องจัดการ”

“เหรินเจี๋ย เจ้ากับซวนก็จงไปต้อนรับคำสู้สหายน้อยผู้นั้นให้ดีและลองพยายามถามเขาดูว่าเขาต้องการอะไรกันแน่ หรือถ้าเขานิยมชมชอบในตัวสาวน้อยของพวกเราจริง ๆ เจ้าก็จงบอกให้เขาแสดงความจริงใจโดยการมาคุยกับพวกเราตรง ๆ!”

เมื่อพูดจบ หลินหงเหวินและคนอื่น ๆ ต่างก็หัวเราะด้วยสีหน้าหยอกล้อ

ในทางกลับกัน หลินหรูซวนนั้นกลับแสดงสีหน้าอับอายและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงโมโห “ท่านปู่ พวกท่านนี่ช่าง…ฮึ่ม!”

แต่แล้วเสียงหัวเราะของทุกคนก็หยุดลง เนื่องจากหลินเหวินปิงพึมพำขึ้นว่า “เป็นไปได้ไหมที่เขาคือคนที่ตระกูลกงส่งมา?”

หลินหงเหวินส่ายหัว “ไม่น่าจะเป็นไปได้ การส่งจิตรกรขอบเขตนภามาหาเรานั้นมันเป็นเรื่องที่ไม่มีประโยชน์อะไรเลยแม้แต่น้อย ด้วยระดับการบ่มเพาะแค่นั้นเขาไม่มีวันสร้างความเสียหายอะไรได้แน่นอน เอาล่ะเราหยุดคุยเรื่องนี้เอาไว้ก่อน เรากลับมาคุยกันที่ประเด็นเดิมก่อนดีกว่าว่าจะเอาอย่างไรดี ส่วนเหรินเจี๋ย เจ้าเองก็ดูแลคุณหนูตระกูลกงให้ดี ๆ ด้วยล่ะ! ประเด็นเรื่องของนางกับเจ้าเอาไว้เดี๋ยวพวกเราจะพยายามหาทางออกกันดู”

หลินเหรินเจี๋ยตอบกลับด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “ท่านปู่ ท่านพ่อ ท่านแม่ และทุกคนข้าขออภัยที่ข้าทำให้พวกท่านต้องลำบาก!”

หลินหงเหวินส่ายหัว “อันที่จริงเรื่องนี้มันไม่ควรจะเป็นปัญหาใหญ่อะไรเลย จะมีก็แต่ไอ้พวกตระกูลกงนั้นมันหัวดื้อกันมากเกินไป! ไม่ว่าจะยังไงเจ้าก็เป็นอนาคตของตระกูลเรา ดังนั้นพวกเราจะต้องช่วยเหลือเจ้าอย่างสุดความสามารถแน่นอน เอาล่ะเจ้าไปดูแลแขกก่อนเถอะ”

“ขอบคุณท่านปู่!” หลินเหรินเจี๋ยรีบขอบคุณ จากนั้นเขาเดินไปหาหลิงตู้ฉิงที่เรือนรับรองทันที

ในตอนนี้เขาอยากจะรู้มากว่าหลิงตู้ฉิงต้องการอะไรกันแน่ หรือว่าหลิงตู้ฉิงชอบพอในน้องสาวของเขาจริง ๆ และที่สำคัญไปกว่านั้นเขายังไม่เคยเห็นจิตรกรตัวเป็น ๆ มาก่อนเลยเขาจึงอยากรู้เป็นอย่างมากว่ามันเป็นยังไง

เมื่อถึงหน้าห้องของหลิงตู้ฉิง หลินเหรินเจี๋ยก็เคาะประตูและถามขึ้นว่า “พี่อู๋ ข้าเข้าไปได้ไหม?”

“เข้ามา!” หลิงตู้ฉิงตอบกลับ

เมื่อพวกเขาทั้งคู่พบหน้ากันอีกรอบ หลินเหรินเจี๋ยถามหลิงตู้ฉิงอย่างตรงไปตรงมาทันที “ข้าได้ยินว่าพี่อู๋เป็นปรมาจารย์จิตรกร?”

“จะพูดแบบนั้นก็ไม่ผิด” หลิงตู้ฉิงพยักหน้า

“พี่อู๋ ข้าขอถามท่านตรง ๆ ท่านมาที่นี่เพราะท่านอยากจะเที่ยวชมเกาะหนานชานจริง ๆ งั้นเหรอ?” หลินเหรินเจี๋ย ถามขึ้น

หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ข้ามาที่นี่เพราะข้าต้องการมาดูสิ่งต่าง ๆ จริง ๆ ส่วนเรื่องที่ข้าจะขโมยสมบัติอะไรของตระกูลเจ้า เจ้าคิดว่าตระกูลของเจ้าร่ำรวยขนาดนั้นเลยเหรอไง?”

หลินเหรินเจี๋ยไม่เคยเจอกับใครที่พูดตรงแถมยังแสดงสีหน้ามั่นใจได้ขนาดนี้มาก่อน มันจึงทำให้เขารู้สึกทำอะไรไม่ถูกไปอยู่พักหนึ่ง จากนั้นเขาตอบกลับว่า “ข้าไม่ได้หาว่าท่านจะขโมยสมบัติของตระกูลข้าสักหน่อย สิ่งที่ข้าหมายถึงก็คือระยะนี้มันมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเกาะเรา ซึ่งมันทำให้เราอดสงสัยไม่ได้ที่จู่ ๆ ก็มีคนแปลกหน้าพยายามเข้ามาที่เกาะของเราแบบนี้”

“อะไรคือบางอย่างเกิดขึ้น?” หลิงตู้ฉิงถามกลับ “ในเมื่อเจ้ารู้ว่าข้าเป็นปรมาจารย์จิตรกร ดังนั้นเจ้าควรจะเข้าใจว่ารูปวาดของข้ามันไม่ได้มีไว้แค่ดูเล่นเฉย ๆ ดังนั้นในเมื่อข้ามาเยือนสถานที่ของเจ้า หากมันพอมีอะไรที่ข้าจะช่วยพวกเจ้าได้ข้าก็จะลองดู”

“มันเป็นปัญหาของพวกเราเอง ข้าคงไม่กล้าให้ท่านมาแบกรับไว้ด้วยหรอก” หลินเหรินเจี๋ยปฏิเสธทันที “แต่ข้านั้นไม่เคยเจอกับปรมาจารย์จิตรกรตัวจริงเลย จะรังเกียจไหมหากข้าจะขอชมวิธีการวาดภาพของท่านให้เป็นขวัญตา?”

หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดกับหลินเหรินเจี๋ยว่า “มีภาพวาดภาพหนึ่งที่ข้าวาดก่อนหน้านี้ ซึ่งข้าวาดมันขึ้นจากการที่ข้าได้ไปเห็นเพลงกระบี่เพลงหนึ่งของอัจฉริยะด้านกระบี่ที่หาตัวจับได้ยาก เจ้าอยากลองดูมันไหมล่ะ?”

“ก็ถ้าท่านอนุญาต ข้าก็ยินดีที่จะดูมัน!” หลินเหรินเจี๋ยหัวเราะ

“ถ้างั้นก็เข้ามาเอาเลือดของเจ้าหยดลงไปบนภาพวาดนี้ แล้วเดี๋ยวเจ้าจะเห็นสิ่งที่อยู่ด้านในเอง!” หลิงตู้ฉิงกวักมือเรียก