ตอนที่ 848 สู้กับหัวปีศาจ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตอนที่ 848 สู้กับหัวปีศาจ
พริบตาที่หัวปีศาจแม่ทัพที่อยู่ตรงกลางเห็นร่างต้นของหัวบิน สีหน้าก็ตกตะลึงเล็กน้อยจากนั้นสายตาก็จับบนร่างหลิ่วหมิงอีกครั้ง ชั่วครู่ให้หลังถึงเอ่ยปากขึ้นช้าๆ

“เจ้าโจรกบฏคนนี้ถึงกับมีศีรษะเทพศีรษะหนึ่ง แล้วเหมือนจะมีแหล่งกำเนิดไอปีศาจเบาบางอีก! ดียิ่งรอข้าสังหารเจ้าแล้วกลืนกินมัน พลังจะต้องก้าวหน้าอย่างมากแน่นอน!”

ศีรษะแม่ทัพพูดจบก็หัวเราะบ้าคลั่ง ร่างกายหมุนรอบหนึ่ง ชั่วพริบตารอบร่างพลันปรากฏปราณดำเส้นหนากลบร่างของเขาไว้ด้านใน เสียงภูตผีคร่ำครวญดังออกมา

หลังปราณดำปั่นป่วนวูบหนึ่งก็ก่อตัวเป็นมนุษย์โครงกระดูกไร้หัวร่างหนึ่ง โครงกระดูกร่างนี้สีดำสนิททั้งร่าง มือเท้าครบถ้วน ผิวกระดูกเห็นลวดลายจิตวิญญาณอยู่เลือนราง

เมื่อหัวปีศาจแม่ทัพท่องมนตร์ประหลาดออกจากปาก มนุษย์โครงกระดูกก็ลุกขึ้นยืนสั่นๆ ร่างกายส่งเสียงดังแครกๆ ติดต่อกัน

จากนั้นดวงตาดุร้ายของหัวปีศาจแม่ทัพก็ฉายแสงสีแดง โครงกระดูกฉับพลันมีไอปีศาจน่าตะลึงสายหนึ่งทะลักออกมา พลังแข็งแกร่งไม่แพ้ร่างต้นของหัวปีศาจนั้น

หลิ่วหมิงขมวดคิ้ว ดวงตาทอประกายสีน้ำเงิน ครู่หนึ่งให้หลังคิ้วก็คลายออก มุมปากเผยรอยยิ้มหยันจางๆ ออกมา

“โจรกบฏ ตายเสียเถอะ!”

หัวปีศาจแม่ทัพหยุดท่องมนตร์แล้วหัวเราะบ้าคลั่ง อ้าปากพ่นปราณดำสายหนึ่งลงบนโครงกระดูก

การเคลื่อนไหวของโครงกระดูกไร้หัวว่องไวขึ้นในทันใด มือสองข้างปราณดำส่องสว่าง เคียวกระดูกสูงกว่าคนสีดำสนิทเล่มหนึ่งปรากฏออกมา จากนั้นร่างกายก็กระโจนอย่างไม่ลังเลสักนิดโถมเข้ามาหาหลิ่วหมิงอย่างรวดเร็ว

หลิ่วหมิงสีหน้านิ่งสงบประหนึ่งสายน้ำ สองแขนที่ทิ้งอยู่ข้างกายพลันกำหมัดแน่น ปราณดำม้วนออกมา แขนกลายเป็นหยกดำแกะสลักในทันที

เวลานี้โครงกระดูกไร้หัวพลันยกมือขึ้น ง้าวกระดูกกลายเป็นแสงสีดำสนิทสายหนึ่งฟันลงมาหาหลิ่วหมิง

ดวงตาหลิ่วหมิงฉายแสงสีน้ำเงิน แขนข้างหนึ่งเหวี่ยงต่อยหนึ่งหมัดรุนแรงขึ้นด้านบน

เงาหมัดสีดำสนิทใหญ่เท่าโม่พุ่งประจันเข้าใส่ง้าวกระดูก

เงาหมัดนี้ไม่เหมือนกับที่หลิ่วหมิงใช้ก่อนหน้านี้ ขนาดเล็กกว่ามาก แต่ลายมือแต่ละเส้นและข้อกระดูกบนเงาหมัดล้วนชัดเจนอย่างยิ่งประหนึ่งกำปั้นถูกขยายใหญ่

เมื่อทั้งสองสิ่งชนปะทะกัน ง้าวกระดูกก็ส่งเสียงดังปังแตกเป็นชิ้นๆ กลายเป็นเศษกระดูก

แม้บนเงาหมัดสีดำถูกเฉือนเป็นแผลลึกเส้นหนึ่งเช่นกัน แต่แสงสีดำส่องวูบหนึ่งก็ฟื้นคืนสภาพปกติ นอกจากนี้หลังเงาหมัดสั่นเล็กน้อยวูบหนึ่งก็พาเสียงหวีดหวิวต่อยเข้าใส่โครงกระดูกสีดำต่อ

หัวปีศาจแม่ทัพเห็นสถานการณ์ก็ใจสะท้าน รีบอ้าปากพ่นเคล็ดวิชาสีดำสายหนึ่งออกมา มันร่วงลงบนโครงกระดูกสีดำสนิทประหนึ่งบิน ปราณดำไหลวนพักหนึ่ง พริบตาเดียวก็กลายเป็นชุดเกราะสีดำสนิทประหนึ่งหมึกหุ้มโครงกระดูกไร้หัวไว้

ปราณดำก่อตัวขึ้นบนแขนของโครงกระดูกไร้หัวเกิดเป็นง้าวกระดูกเล่มหนึ่งอีกครั้ง ง้าวสะบัดรุนแรงทีหนึ่ง ปราณง้าวดุดันยาวหลายจั้งสายหนึ่งก็พลันปรากฏออกมาปะทะกับเงาหมัดสีดำ

เสียง “ปัง” ดังสนั่น!

แสงง้าวดำสนิทกับเงาหมัดสลายไปทั้งคู่ กลายเป็นปราณดำสายแล้วสายเล่าหายไปกลางอากาศ

โครงกระดูกไร้หัวถูกแรงที่เหลือกระแทกจนถอยหลังสองก้าวติดถึงตั้งร่างมั่นคงได้

“มองไม่ออกเลยว่าผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์ที่พลังไม่สูงอย่างเจ้าจะมีวิชาโจมตีที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ถึงกับโจมตีมารประสานใจนภาสังหารของข้าได้!” หัวปีศาจแม่ทัพเอ่ยเสียงเย็นชา

หลิ่วหมิงได้ฟัง แววเยาะหยันก็แล่นผ่านดวงตาไป เงาคนพร่าเลือนวูบหนึ่งหายไปจากที่เดิมอย่างเงียบเชียบ

หัวปีศาจแม่ทัพตกตะลึง ปากท่องมนตร์อย่างรวดเร็วให้โครงกระดูกสีดำพุ่งถอยกลับมา ง้าวกระดูกในมือฟาดขวางบังหน้าร่างเขาไว้

จากนั้นหัวปีศาจตวาดเบาๆ อีกคำหนึ่ง ศีรษะของเขาก็ส่งเสียงระเบิดดังกึกก้อง อสนีบาตสีน้ำเงินนับไม่ถ้วนลอยออกมาก่อตัวเป็นมังกรอสนีบาตหลายตัวล้อมร่างตนไว้ตรงกลางทันที เพิ่งทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ อากาศด้านหลังหัวปีศาจพลันไหวกระเพื่อม เงาคนสีดำร่างหนึ่งปรากฏขึ้นประหนึ่งภูตพราย

หัวมหึมาฉับพลันหันมาอ้าปากพ่นของเหลวสีเขียวใส่ กลิ่นเหม็นคาวชวนให้คนที่ได้กลิ่นอาเจียนลอยโชยมา

ของเหลวสีเขียวเร็วอย่างที่สุด โฉบแวบเดียวก็โจมตีลงบนหน้าอกของเงาคน

หัวปีศาจเห็นภาพนี้มุมปากก็แสยะหัวเราะคลุ้มคลั่ง ผลปรากฏว่าหัวเราะไปได้ครึ่งเดียว เสียงหัวเราะก็ชะงักหายไป

เงาคนที่ถูกของเหลวสีเขียวโจมตีกะพริบวูบหนึ่งก็กลายเป็นปราณดำก้อนหนึ่งกระจายหายไปกลางอากาศช้าๆ

ทันใดนั้นเงาคนเลือนรางก็โผล่มาอีกด้านหนึ่งของร่างหัวปีศาจ หลิ่วหมิงปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบเชียบ บนร่างเขาสวมชุดเกราะสีเงินชุดหนึ่งตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้

เสียง “ฟึบ” ดังขึ้นสี่ครั้ง!

หนวดสีเงินสี่เส้นดีดออกมาจากแผ่นหลังเขาประหนึ่งสายฟ้าแลบ กระแทกมังกรอสนีบาตสีน้ำเงินที่ขดอยู่รอบศีรษะยักษ์กระจุยอย่างง่ายดาย

หัวปีศาจแม่ทัพพรั่นพรึงจึงตวาดเสียงดังออกมา โครงกระดูกไร้หัวข้างกายเหวี่ยงง้าวกระดูก ประกายแสงสีดำบนง้าวสะท้อนวูบวาบ เคลื่อนไหวหลายกระบวนท่าต่อกันจนพริบตาเดียวกลายเป็นเงาง้าวสีดำสนิทหลายสิบเล่มถักทอเป็นตาข่ายง้าวสีดำสนิทขวางเบื้องหน้าหนวดสีเงิน

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ดวงตาก็ฉายประกายเย็นเยียบ สองมือขยับประหนึ่งวงล้อ

หนวดสี่เส้นบนแผ่นหลังฉายประกายสีเงิน สุดปลายพลันกลายเป็นกรงเล็บอสูร ด้านบนมีหนามแหลมชิ้นแล้วชิ้นเล่างอกออกมาทิ่มเข้าใส่ตาข่ายง้าวสีดำอย่างแรง

เสียง “ชิ้ง” ดังขึ้นทีหนึ่ง!

หลังเสียงประหลาดคล้ายโลหะดังขึ้น ตาข่ายง้าวสีดำก็ขาดกระจุยตาม!

แสงสีเงินสว่างวูบ หนวดสีเงินฉับพลันพุ่งกลับมาดั่งสายฟ้าแลบ หนวดสี่เส้นรัดโครงกระดูกไร้หัวไว้แน่นหนาแล้วหิ้วอยู่หน้าร่างหลิ่วหมิง

หัวปีศาจแม่ทัพหน้าถอดสี ปากท่องมนตร์ไม่หยุด โครงกระดูกสีดำพยายามดิ้นให้หลุด มันส่องแสงสีดำวูบวาบเหวี่ยงแขนขาไม่หยุด เสียงกระดูกดังกึกๆ พักหนึ่ง

“มารประสานใจนภาสังหารอันใด ก็แค่กระดูกชั่วร้ายไม่กี่ชิ้นรวมกันกลายเป็นโครงกระดูกร่างหนึ่งแล้วใช้พลังเวทของตนเซ่นสังเวยจนกลายเป็นสิ่งที่คล้ายกับร่างแยกเท่านั้น! ที่น่าหัวเราะก็คือเจ้ายังสลักลวดลายจิตวิญญาณส่งเดชจำนวนหนึ่งไว้บนนั้นอีก! วันนี้โครงกระดูกนี้จะเป็นอาวุธจิตวิญญาณก็ไม่ใช่ เป็นร่างแยกก็ไม่เชิง ทำจนกลายเป็นของครึ่งๆ กลางๆ ตัวหนึ่งเช่นนี้ เกรงว่าคงสำแดงพลังออกมาไม่ได้สักเท่าไร” หลิ่วหมิงมองโครงกระดูกสีดำที่พยายามดิ้นไม่หยุดเบื้องหน้าแล้วหัวเราะ เอ่ยขึ้นด้วยเสียงเย็นชา

“โจรกบฏเลิกพูดไร้สาระ!”

หัวปีศาจแม่ทัพได้ฟังพลันหน้าถมึงทึงด่าขึ้นเสียงดัง แต่คล้ายละล้าละลังอยู่บ้างไม่กล้าโจมตีอันใดมาอีกทันที

“แต่เรียกได้ว่าเจ้าทุ่มเทจิตใจกับการหลอมร่างแยกร่างนี้ ถึงขั้นไม่เสียดายผนึกพลังวิญญาณส่วนหนึ่งไว้ในตัวมัน คิดจะต่อศีรษะของตนเองไว้ด้านบนสินะ หากข้าทำลายโครงกระดูกร่างนี้เสีย ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น?” หลิ่วหมิงหัวเราะหยันทีหนึ่ง บนหัวไหล่ขวาแสงสีน้ำเงินก็สว่างขึ้นมา

เงาวัวสีน้ำเงินตัวหนึ่งลอยออกมา มันส่งเสียงคำรามแล้วอ้าปากกว้าง สูบไปทางโครงกระดูกไร้หัวเบื้องหน้า

ทันใดนั้นปราณดำมากมายพลันผุดออกมาจากโครงกระดูก โถมเข้าไปในปากของเงาวัวสีน้ำเงินประหนึ่งวาฬดูดน้ำ

โครงกระดูกเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีเทาอย่างรวดเร็ว การเคลื่อนไหวดิ้นรนก็อ่อนแรงลง

“โจรกบฏเจ้ากล้า!”

หัวปีศาจแม่ทัพเห็นเช่นนี้ก็โกรธจัดในทันใด หลังตวาดดุดันคำหนึ่งมังกรอสนีบาตสีน้ำเงินหลายตัวที่ขดอยู่รอบร่างเขาก็ดีดตัวออกมาท่ามกลางเสียงสายฟ้า พวกมันเกี่ยวกระหวัดกะพริบวูบวาบกลายเป็นตาข่ายสายฟ้าใหญ่หนึ่งหมู่กว่า ครอบปิดผืนฟ้าปิดผืนดินมาหาหลิ่วหมิง

ตาข่ายสายฟ้าพุ่งผ่านที่ใดล้วนดึงแสงสีน้ำเงินแสบตาหลายสายออกมาจากกลางอากาศด้วย

ต่อจากนั้นหัวปีศาจตนนี้ก็อ้าปากกว้างอีกครั้ง เสียง “พรวด” ดังขึ้นทีหนึ่ง มันพ่นศรกระดูกสีทองหนาเท่านิ้วมือเล่มหนึ่งออกมา

เสียงแหวกอากาศดุดันแสบแก้วหู!

ศรกระดูกสีทองส่องสว่างครั้งสองครั้งก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เมื่อปรากฏร่องรอยขึ้นอีกครั้งก็โผล่อยู่หน้าร่างหลิ่วหมิงห่างไปสองจั้ง มาถึงก่อนทั้งที่ออกมาทีหลัง ความเร็วน่าเหลือเชื่ออย่างแท้จริง

การโจมตีสองครั้งนี้ของหัวปีศาจแม่ทัพ ในที่สุดก็เผยพลังระดับแก่นแท้ของเขาออกมาหมดสิ้น

หากเป็นผู้ฝึกฝนระดับผลึกขั้นปลายทั่วไป เผชิญหน้ากับการโจมตีอันรวดเร็วประหลาดเช่นนี้ คงยากจะหลบพ้นง่ายๆ

แต่หลิ่วหมิงกลับพาโครงกระดูกพุ่งสวนเข้าไป พร้อมกันนั้นร่างกายก็พร่าเลือนหายไปประหนึ่งอสรพิษไร้กระดูก

เสียง “พรวด” ดังขึ้นทีหนึ่ง!

ศรกระดูกสีทองพุ่งทะลุผ่านหัวของเขา แต่ปรากฏว่าร่างกายของ “หลิ่วหมิง” กลับเริ่มสลายไป เห็นชัดว่านี่เป็นเพียงเงาร่างหนึ่ง!

ครู่หนึ่งให้หลังหลิ่วหมิงก็พาโครงกระดูกปรากฏตัวขึ้นเป็นเงาดำสายหนึ่งอีกครั้งห่างไปหลายจั้งเบื้องหน้า ภาพสัญลักษณ์เชอฮ่วนบนร่างดูดปราณดำบนโครงกระดูกไปกว่าครึ่งแล้ว

เสียง “เปรี๊ยะๆ” ดังขึ้นพักหนึ่ง ทันใดนั้นตาข่ายอสนีบาตนั่นก็มาถึง!

หลิ่วหมิงไม่พูดพร่ำยกแขนข้างหนึ่งต่อยออกไปเบื้องหน้า เงาหัวพยัคฆ์มหึมาสีดำสนิทประหนึ่งหมึกหัวหนึ่งปรากฏขึ้นแล้วคำรามบ้าคลั่งพุ่งเข้าใส่ตาข่ายสายฟ้าสีม่วง!

เสียง “ฉึบ” ดังขึ้นทีหนึ่ง!

ตาข่ายอสนีบาตถูกหัวพยัคฆ์โจมตีฉีกเป็นรูใหญ่ประหนึ่งผ้าขาดผืนหนึ่ง

เสียง “ฟึบ” ดังขึ้นทีหนึ่ง!

เงาคนพุ่งออกมาจากรอยขาดของตาข่ายอสนีบาตสีม่วง หลิ่วหมิงที่หลุดพ้นจากการโจมตีนั่นเอง!

เขาปรากฏกายปุบ มือขวาก็พร่าเลือนวูบหนึ่งแทงเข้าใส่โครงกระดูกไร้หัวที่ยังคงถูกหนวดสีเงินจับไว้แน่นหนาเบื้องหน้า

โครงกระดูกถูกเงาเชอฮ่วนดูดปราณหยินไปมากแล้ว ตอนนี้จึงกลายเป็นสีเทาซีดไปหมด อ่อนแรงยิ่งนัก ห้านิ้วมือขวาแทงเข้าที่กระดูกสันหลังของโครงกระดูกในทันใด

แสงสีดำสว่างขึ้นวูบหนึ่ง เมื่อหลิ่วหมิงรั้งแขนขวากลับมาก็เห็นปราณดำบนมือขวาของเขาหุ้มแสงเปลวเพลิงสีเขียวดวงหนึ่งที่กะพริบไม่หยุดไว้

“เจ้า…” หัวปีศาจแม่ทัพหน้าถอดสีอ้าปากคิดจะตะโกน

หลิ่วหมิงหัวเราะหยันทีหนึ่ง มือขวาก็พลันกำเข้าหากันดังปั้บ ขยี้แสงเปลวเพลิงสีเขียวจนแหลก

หัวปีศาจแม่ทัพฉับพลันกลายเป็นสีเทา อ้าปากพ่นเลือดสีเขียวคำหนึ่งออกมา

“แม้วาสนาบังเอิญให้เจ้าฝึกฝนได้ถึงระดับแก่นแท้ แต่เดิมทีเจ้าก็ไม่ควรอยู่ที่นี่ ให้ผู้แซ่หลิ่วส่งเจ้าไปยังที่ซึ่งสมควรอยู่เถิด!”

หลังหลิ่วหมิงเอ่ยแผ่วเบา สองแขนก็ขยับพร้อมกัน มังกรหมอกพยัคฆ์ห้าตัวพุ่งสลับกันออกมาจากปราณดำนับไม่ถ้วนบนร่างแล้วโถมเข้าใส่หัวปีศาจแม่ทัพ

เสียง “บึ๊ม” ดังกึกก้อง!

มังกรพยัคฆ์ยังไม่ทันแตะถูกหัวปีศาจแม่ทัพก็พากันระเบิด แสงสีดำแถบหนึ่งซัดออกมากลบหัวปีศาจแม่ทัพตนนี้ไว้ด้านใน

วิญญาณของหัวปีศาจแม่ทัพเพิ่งถูกทำร้ายสาหัส ยังไม่ทันตอบโต้ก็จมลงไปในมิติของคุกมืด

มิติรอบตัวมันปราณดำพลุ่งพล่าน จากนั้นภูตผีสีดำขนาดเท่าคนสิบกว่าตนก็กระโดดออกมาโถมเข้าใส่หัวปีศาจในทันใด

“รนหาที่ตาย!”

หัวปีศาจแม่ทัพได้สติปุบเห็นเบื้องหน้ามืดสนิทจึงคำรามโกรธเกรี้ยวในทันที

แม้มันได้รับบาดเจ็บ แต่ภูตผีเหล่านี้เบื้องหน้าพลังแค่ระดับศิษย์จิตวิญญาณเท่านั้น

เสียงเปรี้ยงดังสนั่น!

บนศีรษะของหัวปีศาจอสนีบาตสีน้ำเงินมากมายถี่ยิบส่องสว่างขึ้นอีกครั้ง จากนั้นกลายเป็นวงแหวนสายฟ้าสีน้ำเงินวงหนึ่งแผ่ขยายไปสี่ด้านแปดทิศ กระแทกภูตผีเหล่านี้กระจุยอย่างง่ายดาย