บทที่ 1618 เมฆลมที่วังหลัง

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

“ไม่พิจารณาให้จริงจังสักหน่อยเหรอ?” เวินเจ๋อขมวดคิ้ว

เหมียวอี้ตอบว่า “เรื่องบางเรื่องข้าพิจารณาตัดสินใจเองได้เหรอ? ทั้งท่านทั้งข้าก็รู้อยู่แก่ใจ ให้คนที่ตัดสินใจได้ไปตัดสินใจดีกว่า พี่ใหญ่เวินไม่จำเป็นต้องฝืนใจ”

เวินเจ๋อเงียบไป การจะให้อีกฝ่ายตอบตกลงก็ค่อนข้างน่าลำบากใจจริงๆ ถ้าไม่กลับกองทัพองครักษ์ก็จะเผชิญกับอันตราย แต่ถ้ากลับกองทัพองครักษ์แล้วจะให้ตระกูลโค่วทนความรู้สึกได้อย่างไร มีหรือที่ตระกูลโค่วจะปล่อยเขาไป? เขาเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเล่นของบุคคลระดับบนแล้ว ตัวละครเล็กๆ ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจเองเลย และไม่มีทางเหลือให้เลือกอะไรทั้งนั้น ถ้าเบื้องบนได้บทสรุปเมื่อไร นั่นต่างหากคือผลลัพธ์ที่แท้จริง

“เฮ้อ!” เวินเจ๋อถอนหายใจเบาๆ แล้วพยักหน้าเงียบๆ ไม่ฝืนใจอะไรแล้ว อย่างไรเสียเบื้องบนก็ไม่ได้คาดหวังให้เขาบรรลุเป้าหมายในการมาครั้งนี้ “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็ไม่ต้องคุยเรื่องนี้แล้ว แล้วหยางชิ่งกับไห่ผิงซินนั่น เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่? เบื้องบนให้ข้าถือโอกาสมาสืบเรื่องนี้”

หยางชิ่งกับไห่ผิงซินก็ย่อม ‘ตาย’ ไปแล้ว เหมียวอี้รายงานขึ้นไปข้างบนแล้ว สาเหตุก็คือตอนออกไปข้างนอกโดนจู่โจมกะทันกัน พอให้ตอบตอนนี้ก็ย่อมตอบเหมือนเดิม “พวกเขาสองคนคงจะซวยเพราะข้า ข้าสงสัยอยู่แล้วว่าจะมีคนเริ่มลงมือกับข้า…”

ตึกศาลาสัตยพรต

ชีเจวี๋ยผลักประตูเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างกายเฉาหม่านที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง แล้วรายงานว่า “เถ้าแก่ เวินเจ๋อไปแล้ว หนิวโหย่วเต๋อจะตอบตกลงหรือเปล่าก็ไม่รู้”

เฉาหม่านหลับตาพลางกล่าวช้าๆ ว่า “ทางนายท่านบอกมาแล้ว ถ้าราชินีสวรรค์ตั้งครรภ์ขึ้นมา ก็จะส่งนักโทษหลบหนียี่สิบคนให้หนิวโหย่วเต๋อสร้างผลงาน ช่วยให้เขาได้เลื่อนกลับมาอยู่ตำแหน่งเดิม นับว่าตอบแทนตระกูลโค่วได้แล้ว”

“ขอรับ!” ชีเจวี๋ยเอ่ยรับ แล้วลองถามอีกว่า “ตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่าหนิวโหย่วเต๋อตอบตกลงหรือเปล่า แต่ก็ช่วยไปแล้ว แบบนี้จะเหมาะสมหรือขอรับ?”

เฉาหม่านขยับริมฝีปากเล็กน้อย “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่านายท่านอิงจากอะไร นายท่านบอกไว้แล้ว ว่าถ้าทางวังสวรรค์ส่งคนมาพบหนิวโหย่วเต๋อเมื่อไร ก็แสดงว่าฝ่าบาทตัดสินใจเรื่องที่จะให้ราชินีสวรรค์มีทายาทแล้ว ทางนี้สามารถเตรียมแสดงน้ำใจตอบแทนตระกูลโค่วได้เลย แสดงว่าตระกูลโค่วช่วยพวกเราจัดการเรื่องนี้ได้ในระดับหนึ่งแล้ว พวกเราก็ต้องจัดการเรื่องของเขาให้ได้ในระดับที่สมควรเช่นกัน จะได้ไม่ติดค้างกัน!”

ชีเจวี๋ยงงนิดหน่อย คิดไม่ออกเหมือนกันว่าอิงจากอะไร คาดว่าเฉาหม่านคงจะถามได้อะไรจากนายท่านมาแล้ว แต่ในเมื่อเฉาหม่านไม่ยอมพูดออกมา เขาก็ไม่สะดวกจะถามเยอะ จึงเปลี่ยนประเด็นสนทนา “ถ้าราชินีสวรรค์มีทายาทแล้ว ทางฝั่งพวกเราก็ไม่ต้องดูแลหนิวโหย่วเต๋อแล้วใช่มั้ย?”

เฉาหม่านบอกว่า “ถ้าเข้าไปแทรกแซงมากว่านี้ ทางประมุขชิงก็อาจจะไม่พอใจได้ อาจจะส่งผลไปถึงราชินีสวรรค์ ตอนนี้เรื่องราชินีสวรรค์ให้กำเนิดทายาทสำคัญที่สุด สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับอนาคตตระกูล” เขาลืมตาขึ้นช้าๆ “แน่นอน ไม่แทรกแซงแต่ไม่ได้แปลว่าจะไม่สนใจใยดีเลย นายท่านค่อนข้างสนใจสิ่งที่อยู่เบื้องหลังหนิวโหย่วเต๋อ ดังนั้นถ้ามีข่าวอะไรก็ยังบอกให้เขารู้ได้ แค่รอดูว่าตัวเองจะขอความช่วยเหลือจากตระกูลโค่วได้มากขนาดไหน”

“เข้าใจแล้วขอรับ!” ชีเจวี๋ยพยักหน้า

ตั้งแต่เวินเจ๋อก้าวออกจากจวนแม่ทัพภาคตลาดผี ทั้งจวนแม่ทัพภาคก็ยกระดับการป้องกันทันที

เมื่อไม่มีหยางชิ่งแล้ว พอเจอกับเรื่องแบบนี้เหมียวอี้ก็รู้สึกเปลืองแรงอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้สวีถังหรานจะประจบสอพลอเก่ง แต่ถ้าพูดถึงความสามารถก็เทียบหยางชิ่งไม่ติดเลยสักนิด เขาส่งต่อเรื่องเตรียมงานให้หยางเจาชิง และหยางเจาชิงก็มีบางจุดที่เทียบหยางชิ่งไม่ติดจริงๆ

ด้วยความกดดันจากสิ่งนี้ เหมียวอี้จึงจำเป็นต้องมุดหัวอยู่ในจวนแม่ทัพภาคโดยไม่ออกไปไหนชั่วคราว โชคดีที่ไม่ได้เกิดเหตุไม่คาดคิดอะไรขึ้น ส่วนอวิ๋นจือก็ชิวส่งข่าวมาจากทางตระกูลโค่วเพื่อคลายความฉงนใจให้เหมียวอี้ บอกว่าคนทั้งข้างล่างข้างบนของตำหนักสวรรค์ล้วนกำลังเฝ้าสังเกตการณ์ สำหรับพวกลูกพี่ใหญ่ในตำหนักสวรรค์แล้ว หากเปรียบเทียบกับเรื่องราชินีสวรรค์มีทายาท เหมียวอี้ต่ำต้อยคนเดียวไม่นับว่าสำคัญอะไร โอรสสวรรค์เกี่ยวข้องกับอนาคตของทุกตระกูล ขนาดตระกูลอิ๋งที่มีความแค้นฝังลึกกับเหมียวอี้ก็ยังไม่เอากำลังความคิดมาใช้กับเหมียวอี้เลย ตอนนี้ตระกูลอิ๋งกำลังพิจารณาและกลัวว่าถ้าราชินีสวรรค์ตั้งครรภ์ขึ้นมา สนมสวรรค์จ้านหรูอี้จะมีที่ยืนอยู่ในวังสวรรค์ได้อย่างไร ราชินีสวรรค์จะอาศัยว่าตัวเองตั้งรครรภ์โอรสสวรรค์แล้วลงมือสังหารสนมสวรรค์หรือเปล่า ท่าทีของฝ่าบาที่มีต่อสนมสวรรค์จะเปลี่ยนไปอย่างไร

นอกจากนี้อวิ๋นจือชิวก็ยังเปิดเผยอีกนิดหน่อยว่า ในตอนนี้สิ่งที่ตระกูลเซี่ยโห้วทุ่มเทกำลังความคิดมากที่สุดก็คือจะให้ราชินีสวรรค์ตั้งครรภ์ลูกชายได้อย่างไร ให้ตั้งครรภ์ลูกชายไม่ใช่ลูกสาว ในเรื่องนี้จะต้องใช้ความพยายามไม่ใช่น้อยๆ มีบางคนหวังให้ราชินีสวรรค์ตั้งครรภ์ลูกชาย มีบางคนหวังให้ราชินีสวรรค์ตั้งครรภ์ลูกสาว ตอนนี้วังหลังเริ่มมีลมโหมกระแสคลื่นแล้ว อำนาจแต่ละฝ่ายแสดงแสนยานุภาพแล้ว เมื่อใดที่ราชันสวรรค์ไปตำหนักนารีสวรรค์ ก็จะดึงดูดสายตาของทุกคนทันที และตำหนักนารีสวรรค์มีนางในโดนตีตายไปสิบกว่าคน สนมในวังหลังก็ตายไปหนึ่งคนเช่นกัน

ตอนนี้ถึงขั้นมีข่าวลือออกมาแล้ว บอกว่าราชินีสวรรค์ให้กำเนิดลูกชายแล้ว มีคนคิดจ้องจะให้โอรสสวรรค์มาแทนที่ราชันสวรรค์ เป็นคำพูดที่น่าปวดใจ! แต่มีอยู่จุดหนึ่งที่จำเป็นต้องยอมรับ ถ้าหากวันใดที่ราชันสวรรค์ไม่อยู่แล้ว ตระกูลเซี่ยโห้วจะต้องทุ่มสุดแรงเพื่อช่วยโอรสสวรรค์ให้ขึ้นสู้ตำแหน่งราชันแน่นอน ทำให้ตระกูลเซี่ยโห้วอยู่ในตำแหน่งที่ไม่มีวันล้มต่อไป เมื่อเกิดข่าวลือแบบนี้ในเวลานี้ ก็ทำให้ตระกูลเซี่ยโห้วเครียดมาก

ขณะเดียวกันก็มีเสียงเรียกร้องอีกอย่าง บอกว่าสนมสวรรค์ก็สามารถให้เนิดทายาทแก่ฝ่าบาทได้เหมือนกัน ราชินีสวรรค์สามารถให้กำเนิดก่อนได้ สนมสวรรค์ก็ให้กำเนิดตามทีหลังได้ ภายนอกดูเหมือนอยากให้ลูกที่เกิดกับฮูหยินเอกเป็นลูกชายคนโต แต่ความจริงแล้วมีคนอยากฝากความหวังไว้กับความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง ถ้าหากราชินีสวรรค์ให้กำเนิดลูกสาว แล้วสนมสวรรค์ให้กำเนิดลูกชาย เช่นนั้นลูกของสนมสวรรค์ก็จะเป็นลูกชายคนโตแล้ว จะได้ชื่อว่าเป็น ‘ลูกชายคนโต’ ไม่ว่าจะใช่ลูกของฮูหยินเอกหรือไม่ แต่ในอนาคตยังมีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้เสนอ เรื่องลำดับอาวุโสก็เป็นหลักการหนึ่งเช่นกัน มีคนวางแผนอย่างนี้ไม่น้อย

ในขณะที่วังหลังมีเหตุการณ์วุ่นวายเกิดขึ้นไม่หยุด ถึงแม้ทั้งตำหนักสวรรค์จะรู้ว่าราชันสวรรค์โปรดปรานสนมสวรรค์ แต่ในเวลานี้ ประมุขชิงกลับประกาศในที่ประชุมราชสำนักแล้ว “ไม่ว่าราชินีสวรรค์จะให้กำเนิดลูกชายหรือลูกสาว ลูกชายคนโตก็จะต้องเกิดกับราชินีสวรรค์เท่านั้น จะใช้ความพยายามจนกว่าราชินีสวรรค์จะให้กำเนิดลูกชายคนโต ไม่มีความเป็นไปได้อย่างอื่นแล้ว ถ้าหากมีสนมในวังหลังแอบตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็จะโดนตีจนตายทั้งหมด ไม่ให้อภัยเด็ดขาด!”

คำพูดนี้เท่ากับเหมารวมสนมสวรรค์ที่ราชันสวรรค์โปรดปรานที่สุดเข้าไปด้วย ทำให้ความหวังที่สนมสวรรค์จ้านหรูอี้จะให้กำเนิดลูกชายคนโตดับสลายลงในรวดเดียว

หลังจากจบเรื่องแล้วมีข่าวออกมา ราชินีสวรรค์ที่ได้ยินข่าวก็ตื้นตันใจจนน้ำตาไหล คุกเข่ากอดขาราชันสวรรค์ร้องไห้ นางซาบซึ้งใจมาก ตั้งแต่นั้นมาก็เหมือนจะใจกว้างกับสนมสวรรค์ของตำหนักบูรพามากขึ้นเยอะเลย

หลังจากราชันสวรรค์ลั่นวาจาแล้ว ความวุ่นวายในวังหลังก็สงบลงไม่น้อยเลย แต่ก็ยังไม่ได้สงบลงโดยสิ้นเชิง ถ้าท้องแรกของราชินีสวรรค์เป็นลูกสาว ก็จะหมายความว่าเวลาจะลากยาวไป เรื่องในอนาคตไม่มีใครบอกอะไรได้ชัดเจน มีความเปลี่ยนแปลงต่างๆ นาๆ ตระกูลเซี่ยโห้วย่อมพยายามเต็มที่เพื่อรับประกันว่าท้องแรกของราชินีสวรรค์จะเป็นลูกชาย

การรับประกันเต็มที่นี้หมายความว่าอะไร แค่คิดก็ทำให้อวิ๋นจือชิวสะเทือนใจจะแย่ เห็นได้ชัดเจนมาก ว่าถ้าท้องแรกเป็นลูกสาว ก็แสดงไม่มีโอกาสได้มาเยือนโลกนี้แล้ว ถ้าราชินีสวรรค์ดวงดีหน่อยก็อาจจะได้รับความทุกข์ทรมานเล็กน้อย แต่ถ้าดวงไม่ดี เกรงว่าหนังท้องของราชินีสวรรค์จะได้รับความทุกข์ทรมานพอสมควร

อวิ๋นจือชิวบ่นให้เหมียวอี้ฟังอย่างทอดถอนใจ ไม่รู้จริงๆ ว่าเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ได้นั่งตำแหน่งราชินีสวรรค์นั่นแล้วมีอะไรดี เป็นการโดนทรมานทั้งเป็นจริงๆ!

ราชินีสวรรค์ยังไม่ได้ตั้งครรภ์ วังหลังก็มีลมโหมคลื่นซัดแบบนี้แล้ว ถ้าตั้งครรภ์ขึ้นมา แค่คิดก็รู้แล้วว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร

สรุปก็คือ ตอนนี้อำนาจใหญ่ๆ แต่ละฝ่ายจะไม่สนใจเหมียวอี้ ถ้าจะมีอันตรายก็เป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง อย่างน้อยก็ยังไม่มีใครกล้าทำอะไรซี้ซั้วที่ตลาดผี ถ้ามีความเคลื่อนไหวผิดปกติอะไรก็จะทำให้ตระกูลเซี่ยโห้วสงสัยหนักมาก ดีไม่ดีอาจจะยั่วให้ตระกูลเซี่ยโห้วโจมตีกลับสุดแรงก็ได้ ในตอนนี้ไม่มีใครกล้าทำอะไรบุ่มบ่าม

และในความจริงก็เป็นอย่างนี้จริงๆ ช่วงนี้ทั้งใต้หล้าสงบจนเหลือเชื่อ แต่จะคึกคักกันที่วังหลัง พวกพี่ใหญ่ที่ตำหนักสวรรค์ก็สงบแล้วเช่นกัน ในใต้หล้าก็สงบแล้ว ทำให้คนครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งถึงความหมายแฝงที่อยู่ในนั้น

เหมียวอี้ได้ยินข่าวแล้วทอดถอนใจไม่หยุด นึกไม่ถึงว่าเรื่องราชินีสวรรค์ให้กำเนิดทายาทจะทำให้ตำหนักสวรรค์เกิดความเคลื่อนไหวใหญ่ขนาดนี้ สายตาของลูกพี่ใหญ่ทุกคนล้วนจับจ้องไปที่หนังท้องของราชินีสวรรค์ ถ้าไม่ใช่เพราะอวิ๋นจือชิวไปช่วยสืบข่าวจากจวนตระกูลโค่ว เกรงว่าเขาคงจะไม่รู้เรื่องบางอย่างเลยจริงๆ

แบบนี้ก็ดี เหมียวอี้จะได้ยังไม่ต้องยุ่งเรื่องพิภพเล็ก ตอนที่กำลังพลชุดแรกยังไม่ได้ลงหลักปักฐานมั่นคงที่แดนอเวจี เหมียวอี้ก็ไม่มีทางส่งกำลังพลชุดหลังออกไปทั้งหมด เขามีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องทำ ติดต่อกับพระอาจารย์จี้คงของวัดพระกษิติครรภ์แล้ว

“คิคิ!”

ขณะที่จับปอยผมแหย่จมูกเหมียวอี้ พอเห็นเหมียวอี้ย่นจมูกเล็กน้อย เฟยหงก็แอบหัวเราะแล้วเก็บมือ แกล้งนอนหลับอยู่อย่างนั้น

เหมียวอี้ยื่นมือไปดึงเอวเกลี้ยงเกลาที่อ่อนนุ่มราวกับไร้กระดูกเข้ามาไว้ในอ้อมกอด พอลืมตาขึ้น ดวงตาทั้งสี่ก็สบประสานกัน ในดวงตางามของเฟยหงอมยิ้ม ใบหน้างามเลิศล้ำที่เผยรอยยิ้มที่มาจากใจนั้นน่าหลงใหลมาก เหมียวอี้เห็นแล้วตะลึง

จะไม่ยอมรับก็ไม่ได้ ว่าหลังจากผู้หญิงคนนี้เปิดเผยสิ่งที่อยู่ในใจออกมา นางก็ได้แสดงความงดงามอย่างแท้จริง เป็นครั้งแรกที่เหมียวอี้เห็นรอยยิ้มที่จริงใจของนาง ยิ้มสวยจนดอกไม้ยังอาย

ข้างกายเขามีผู้หญิงเยอะขนาดนั้น แต่คนที่อยู่ข้างกายเขานานที่สุดก็คงจะเป็นผู้หญิงคนนี้แล้ว ถ้าพูดถึงความสวย ผู้หญิงคนนี้ก็อยู่ในอันดับหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย

พอใช้มือไถลตามท้องน้อยที่ราบเรียบลงไปแหวกหญ้าสำรวจ “อือ…” ร่างงามที่เปลือยเปล่าของเฟยหงก็บิดไปบิดมาอย่างควบคุมไม่อยู่ ทำสีหน้าขอร้องให้หยุด ทำให้นางยิ่งดูเย้ายวนใจ เหมียวอี้จับขายาวของนางแยกออก พลิกตัวขึ้นมา ปราบปรามนางอีกครั้ง…

หลังจากทุกอย่างสงบแล้ว เฟยหงที่นอนเปลือยอยู่บนหน้าอกเหมียวอี้ก็กระซิบถามข้างหูว่า “นายท่านจะไปแดนสุขาวดีจริงๆ เหรอคะ?”

เหมียวอี้ใช้มือลูบไล้ไปมาบนแผ่นหลังของนาง “อืม ยังไม่เคยไปเลย อยากจะไปเปิดหูเปิดตาสักหน่อย”

เฟยหงยกเท้าขึ้นแกว่งไปแกว่งมาอยู่กลางอากาศ “จะพาข้าไปด้วยรึเปล่าคะ?”

“ไม่สะดวกจะพาเจ้าไปด้วย” เหมียวอี้ตอบ

“แล้วข้าบอกหน่วยตรวจการซ้ายได้มั้ยว่าท่านไปที่แดนสุขาวดี?” เฟยหงถาม

เหมียวอี้ตอบว่า “บอกก็ไม่เป็นไร ไปที่นั่นแล้วก็ปิดบังไม่ได้อยู่ดี เออใช่ สาวใช้คนใหม่ที่ฮูหยินเตรียมไว้ให้ เจ้าใช้งานราบรื่นหรือเปล่า?”

“ค่ะ!” เฟยหงตอบด้วยเสียงต่ำเบา พอพูดถึงสาวใช้คนเดิมของตัวเอง นางก็รู้สึกจิตตกอย่างควบคุมไม่ได้ ถ้าหากไม่มีอะไรผิดพลาด  พวกนางก็น่าจะโดนฮูหยินกำจัดทิ้งไปแล้ว

ถึงอย่างไรก็อยู่ด้วยกันมาหลายปี ถึงแม้จะเป็นแค่สาวใช้ แต่ก็ยังมีความผูกพันกันอยู่บ้าง นางพยายามรับประกันแล้วว่าสาวใช้ทั้งสองไม่ได้ติดต่อกับหน่วยตรวจการซ้าย แต่อวิ๋นจือชิวไม่พอใจกับสาวใช้ที่หอนางโลมจัดหามาให้เฟยหง การที่เฟยหงไม่รู้ก็ไม่ได้แปลว่าสาวใช้สองคนนั้นจะไม่เกี่ยวข้องกับหน่วยตรวจการซ้าย อวิ๋นจือชิวไม่กล้าเสี่ยงอันตรายนี้ ด้วยความที่ไม่อยากให้มีอะไรผิดพลาด จึงไม่รู้ว่าเอาสาวใช้สองคนนั้นไปกำจัดที่ไหนแล้ว

“เหมียวอี้สังเกตได้ถึงความรู้สึกของนาง จึงตบหลังนางเบาๆ “”ไม่มีใครอยากเป็นคนเลวหรอก ฮูหยินก็ลำบากเหมือนกัน นางหวังดีกับเจ้า””

วันต่อมา เหมียวอี้ที่ปลอมตัวแล้วพาเหยียนซิวออกจากจวนแม่ทัพภาคตลาดผีผ่านทางใต้ดิน ไปเจอกับพระอาจารย์จี้คงที่วัดพระกษิติครรภ์โดยตรง

ตึกศาลาสัตยพรตไม่อนุญาตให้ขุดทางใต้ดินที่ตลาดผี แต่เหมียวอี้ไม่สนสี่สนแปด แค่แม่ทัพภาคตลาดผีจะขุดทางใต้ดินที่ตลาดผีสักทาง เจ้าก็ไม่พอใจแล้วเหรอ? เขาขุดทางไว้ก่อนแล้ว ทั้งยังขุดเชื่อมโยงไปทั่วทิศ รอให้ตึกศาลาสัตยพรตมาหาถึงที่ก่อนแล้วค่อยว่ากัน

ทุกๆ หลายปีพระอาจารย์จี้คงจะกลับไปที่แดนสุขาวดีหนึ่งครั้ง หลังจากเหมียวอี้เจอเขาแล้ว ทั้งสองก็ออกไปจากตลาดผีด้วยกัน

………………………………….