เล่มที่ 32 เล่มที่ 32 ตอนที่ 936 เห็นนางเป็นสิ่งของไร้ค่าจริงๆ

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

สาวใช้รู้ดีว่า ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นก็ไม่อาจเกลี้ยกล่อมเป่ยถังหลีได้ นางจึงทำตามความต้องการของเป่ยถังหลี โดยการสวมเสื้อผ้าของเป่ยถังหลีและนอนอยู่ในห้องแทนนาง

เป่ยถังหลีแอบออกไปจากเส้นทางลับ มุ่งหน้าไปยังแท่นจิ่วโยว

ไม่ไกลจากจวนอี้อ๋อง มีภูเขาลูกหนึ่ง มีชื่อเรียกว่าเขาจิ่วโยว

เหตุผลที่เรียกภูเขานั้นว่าเขาจิ่วโยว เป็นเพราะประกอบด้วยเทือกเขาเล็กๆ เก้าแห่ง ทั้งยังเป็นดินแดนต้องห้ามของจวนอี้อ๋อง และเป็นดินแดนต้องห้ามของเมืองเสวียนเฉิงอีกด้วย

ตำนานเล่าต่อกันว่า เขาจิ่วโยวเป็นสถานที่ที่จวนอี้อ๋องมีไว้ลงโทษคนสกุลเป่ยถังที่ฝ่าฝืนกฎของสกุล ผู้ที่ละเมิดกฎของสกุลจะถูกลงโทษคุมขังไว้ที่เขาจิ่วโยว ไม่มีวันได้รับการปล่อยตัวออกมาอีก หากคนภายนอกบุกเข้ามาภายในเขาจิ่วโยวโดยไม่ได้ตั้งใจ ย่อมไม่มีทางรอดชีวิตออกไปได้อีกเลย

บนยอดเขาสูงที่สุดในเทือกเขาจิ่วโยวเป็นพื้นที่โล่งกว้างขนาดใหญ่ ใจกลางของพื้นที่เปิดโล่ง มีแท่นบูชาสูงแห่งหนึ่ง มีเตาขนาดใหญ่ที่ไม่ดับเป็นเวลาหมื่นปีประดิษฐานอยู่ รายล้อมไปด้วยสัตว์หินเก้าตัวที่มีรูปร่างต่างกัน และนี่คือแท่นจิ่วโยวที่ผู้คนในเมืองเสวียนเฉิงเล่าขานกันมา ทว่าไม่มีผู้ใดรู้และไม่มีผู้ใดเคยเข้าใกล้มัน

เปลวเพลิงที่ลุกโชนบนแท่นจิ่วโยวกำลังลุกไหม้ราวกับเพลิงนรก ส่องสว่างพื้นที่โดยรอบในเวลากลางคืน ให้ดูราวกับตอนกลางวัน

คืนนี้ที่เขาจิ่วโยวมีลมพัด ต้นไม้ใบหญ้ารอบๆ ปลิวไสวส่งเสียงกรอบแกรบ ทว่านอกจากเสียงต้นไม้ใบหญ้าที่ปลิวไสว อากาศที่บริสุทธิ์ กลับไม่มีแม้แต่เสียงนกและแมลง

บรรยากาศสงบเงียบผ่านไปเป็นเวลานาน ทันใดนั้น เงาดำขนาดใหญ่ก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นท่ามกลางแสงสว่าง ตามด้วย ลำดับที่สอง ลำดับที่สาม ลำดับที่สี่… จนถึงลำดับที่หก…

เสียงแหลมพราวเสน่ห์ดังขึ้น “บัดซบ ที่แท้นี่คือแท่นจิ่วโยว ราวกับนรกบนดินของมนุษย์จริงๆ ”

“พี่เป่าอวี้ ท่านลดเสียงลงหน่อย อย่าให้องครักษ์ได้ยิน”

“ข้าสืบมาแล้ว นอกจากสัตว์ร้ายหลายตัวที่คอยคุ้มกัน ที่นี่ก็ไม่มีองครักษ์อื่นอีก”

“ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ไม่อาจทำเสียงดังได้ หากไปรบกวนสัตว์ร้ายเหล่านั้นจะทำอย่างไร? ”

“กลัวอันใด? หากรบกวนสัตว์ร้าย ก็ยังมีพี่จุนมิใช่หรือ? ”

“ฮิ ฮิ ข้ารู้ดีว่าพี่จุนจะปกป้องถังเสวี่ยอย่างแน่นอน ตราบใดที่พี่จุนอยู่ที่นี่ ถังเสวี่ยก็ไม่กลัวอันใด! ”

“บัดซบ อย่าทำท่าได้ใจไปหน่อยเลย ข้าต้องการปกป้องแม่นางพิษน้อยของข้า ผู้ใดจะปกป้องเจ้ากัน”

ใบหน้าของถังเสวี่ยพลันบูดบึ้ง นางหรี่ตาลงด้วยแววตาขุ่นเคืองเล็กน้อย

เห็นได้ชัดว่านางคับข้องใจและเจ็บปวดใจมาก ทว่านางกลับพยายามระงับไม่แสดงออกมา แสร้งทำเป็นไม่เป็นอันใด “ไม่เป็นอันใด! ให้ถังเสวี่ยปกป้องพี่จุนเถิด! ”

อู๋จุนเดินสะบัดก้นไปข้างหน้า โดยไม่เหลียวมองถังเสวี่ย “เจ้าน่ะหรือ คิดจะปกป้องข้า? ตามมาให้ดี อย่าให้สัตว์ร้ายจับไปแล้วข้าต้องไปช่วยเจ้า! ”

“ฮิฮิ! ” ถังเสวี่ยยิ้มหน้าบานและรีบเดินตามอู๋จุน ทว่าใบหน้าที่มีความสุขนั้นกลับไม่ได้พูดตอบโต้อันใด

จากนั้น เยี่ยโยวเหยา ซูจิ่นซี ตงหลิงหวง และอวิ๋นจิ่นก็เหาะลงมา

ซูจิ่นซีอยู่ตรงกลาง คนอื่นอยู่รอบตัว ตั้งใจปกป้องซูจิ่นซีอย่างชัดเจน

ทุกคนต่างกวาดสายตามองไปรอบๆ จากนั้นก็มองไปที่แท่นบูชาที่อยู่ตรงกลางพื้นที่เปิดโล่ง

ตงหลิงหวงกล่าวว่า “ที่นี่ไม่มีอันใดอีกแล้ว ตรงนั้นคงเป็นแท่นจิ่วโยว เปลวเพลิงบนนั้นไม่เหมือนเปลวเพลิงธรรมดาทั่วไป หากข้าเดาไม่ผิด คงเป็นเพลิงอัคคีจิ่วโยวที่พวกเรากำลังตามหา”

ซูจิ่นซีพยักหน้า พลางมองไปที่อวิ๋นจิ่น “ใช่หรือไม่! ลองดูก็รู้! ”

อวิ๋นจิ่นพูดว่า “ท่านอ๋องปกป้องพระชายา กระหม่อมและรัชทายาทตงหลิงหวงจะตามเจ้าหุบเขาอู๋และแม่นางถังเสวี่ยไปดูก่อนพ่ะย่ะค่ะ”

เยี่ยโยวเหยาไม่พูดสิ่งใด นับเป็นการตกลง อวิ๋นจิ่นและตงหลิงหวงจึงรีบก้าวไปข้างหน้า เพื่อตามอู๋จุนและถังเสวี่ย

แท่นจิ่วโยวประดิษฐานอยู่บนแท่นบูชาสูง ล้อมรอบด้วยบันไดสูงเก้าขั้น หากต้องการเข้าใกล้เปลวเพลิงด้านบน จะต้องขึ้นไปตามบันได

อวิ๋นจิ่นและตงหลิงหวงรวมตัวกับอู๋จุนและถังเสวี่ย ขณะที่กำลังก้าวขึ้นบันได พื้นดินใต้ฝ่าเท้าเกิดการสั่นไหวตามด้วยเสียงต่ำแปลกประหลาดราวกับเสียงกรีดร้องของวิญญาณนรก

ทั้งสี่คนช่วยกันประคองตัว พยายามยืนให้มั่นคงโดยเร็ว

“ทุกคนระวังตัว! ” ตงหลิงหวงกล่าว

“สัตว์ร้ายที่ปกป้องแท่นจิ่วโยวถูกปลูกให้ตื่นแล้ว? ” ใบหน้าของถังเสวี่ยซีดขาวเล็กน้อย นางจับแขนอู๋จุนไว้แน่น

ดวงตาคมเข้มของอู๋จุนหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ ดึงแส้หงหลิงออกจากเอว

“กลัวอันใด? ถูกปลุกให้ตื่นก็ดี ข้าเพิ่งคิดกระบวนท่าแส้ใหม่ได้ จะได้ฝึกฝีมือ”

“ที่นี่คือแคว้นเป่ยอี้ สัตว์ร้ายที่ปรากฏตัวในแคว้นเป่ยอี้ อีกทั้งยังปกป้องแท่นจิ่วโยวซึ่งเป็นสถานที่สำคัญเช่นนี้ ต้องมีฝีมือไม่ธรรมดาแน่นอน ทุกคนไม่ควรประมาท”

เมื่อสิ้นเสียงของอวิ๋นจิ่นก็เกิดการสั่นไหวใต้เท้าอีกครั้ง ในขณะเดียวกัน ลูกไฟใหญ่เล็กจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปะทุออกมาจากแท่นจิ่วโยว กลิ้งลงมาทางอู๋จุนและคนอื่นๆ ตามขั้นบันได

ลูกไฟกลิ้งอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่ากำลังเข้าใกล้ทุกคน อวิ๋นจิ่นก็รีบผลักอู๋จุน ตงหลิงหวง และคนอื่นๆ ออกไป

“ทุกคนกระจายตัว ระวังตัวด้วย! ”

ตงหลิงหวงกระโดดขึ้น อู๋จุนคว้าแขนของถังเสวี่ย ขณะเดียวกันก็หลบไปยังตำแหน่งที่ปลอดภัย พร้อมกับเหวี่ยงแส้หงหลิงเพื่อต้านทานลูกไฟที่กลิ้งลงมา

ลูกไฟกลิ้งลงบันได ไม่โดนอู๋จุนกับคนอื่น ๆ ทว่ากลับกลิ้งตามพื้นไปหาเยี่ยโยวเหยาและซูจิ่นซี

“ท่านอ๋อง พระชายา ระวัง! ” อวิ๋นจิ่นส่งเสียงตะโกนเพื่อส่งสัญญาณเตือน

เยี่ยโยวเหยากอดเอวซูจิ่นซีไว้แน่น พลางเรียกกระบี่เสวียนหยวนออกมา หลังจากหมุนวนกลางอากาศก็ใช้กระบี่ในมือฟาดลูกไฟสามลูกที่พุ่งเข้าหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว

ลูกไฟทั้งสามระเบิดออกพร้อมกัน ปรากฏประกายไฟลุกโชน แสงไฟนั้นสว่างไสวเป็นพิเศษราวกับยามกลางวัน ทำให้พื้นที่เปิดโดยรอบสว่างมากขึ้นทันที

ท่ามกลางแสงสว่าง ใบหน้าของเยี่ยโยวเหยาเผยความคมเข้มชัดเจน ใบหน้าของซูจิ่นซีดูละเอียดอ่อนและสง่างาม เยี่ยโยวเหยาประคองซูจิ่นซีไว้ ไม่ได้ร่อนลง ทว่าเหาะตรงไปยังตำแหน่งของอวิ๋นจิ่นและคนอื่นๆ

ตงหลิงหวงร่อนลงข้างกายซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยา นางมองลูกไฟที่ตกลงมาจากแท่นบูชา “ไม่รู้ว่าจะมีอันตรายอันใดรอพวกเราอยู่ข้างหน้า พวกเราต้องรีบปฏิบัติการให้เสร็จโดยเร็ว หากยิ่งนานไปยิ่งยุ่งยากมากขึ้น”

ซูจิ่นซีเห็นด้วยกับข้อเสนอของตงหลิงหวง จึงพูดขึ้นว่า “ข้ากับเยี่ยโยวเหยาไปเอาเพลิงอัคคีจิ่วโยว พวกเจ้าคอยเฝ้าระวัง”

ตงหลิงหวงยังไม่ทันพูดอันใด ซูจิ่นซีก็จับมือเยี่ยโยวเหยา เตรียมไปที่แท่นจิ่วโยวอย่างรวดเร็ว ทว่านางและเยี่ยโยวเหยายังไม่ทันได้ก้าวขึ้นขั้นบันได ก็ถูกเมฆสีแดงเหาะลงมาขวางทางพวกเขาเอาไว้

อู๋จุนถือแส้หงหลิงและเหาะลงเบื้องหน้าซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยา จากนั้นจึงโบกแส้หงหลิงอย่างต่อเนื่อง ต้านทานลูกไฟที่ตกลงมา

“แม่นางพิษน้อย มีพี่จุนอยู่ที่นี่ จะให้เจ้าเป็นแนวหน้าได้อย่างไร? เด็กดี ดูแลหลานชายตัวน้อยของพี่จุนให้ดี ปล่อยเรื่องเช่นนี้ให้พี่จุนจัดการ! ”

ซูจิ่นซีขมวดคิ้วเล็กน้อย

ทันใดนั้น เสียงของอวิ๋นจิ่นก็ดังอยู่ข้างใบหู “ท่านอ๋องทรงปกป้องพระชายาเถิด เพลิงอัคคีจิ่วโยวนั้น ปล่อยให้กระหม่อมกับเจ้าหุบเขาอู๋จัดการพ่ะย่ะค่ะ” อวิ๋นจิ่นพูดพลางหลบหลีกไปสองสามครั้ง จากนั้นก็มาหยุดอยู่ข้างกายอู๋จุน ร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ไปพร้อมกับอู๋จุน

ดูเหมือนเยี่ยโยวเหยากำลังจับมือซูจิ่นซี ทว่าแท้จริงแล้วเป็นเยี่ยโยวเหยาที่ขวางซูจิ่นซี ซูจิ่นซีไม่อาจไปที่ใดได้ การเคลื่อนไหวไม่สะดวกอย่างมาก

นางมองเยี่ยโยวเหยา จากนั้นก็มองอู๋จุนและอวิ๋นจิ่นที่อยู่ด้านหน้า พลางขมวดคิ้วแน่นมากยิ่งขึ้น

คนเหล่านี้… ทำกับนางเหมือนสิ่งที่ไร้ประโยชน์จริงๆ…