ทว่าแม่นมฮวาไม่ได้ใส่ใจมากนัก ในทางตรงกันข้าม ภายในใจของนางกลับรู้สึกดีใจเล็กน้อย
เหตุใดท่านอ๋องจึงตำหนินางและลวี่หลี?
คงเป็นเพราะทรงห่วงใยพระชายา!
ยิ่งตำหนิพวกนางมากเพียงใด แสดงให้เห็นว่าท่านอ๋องยิ่งใส่พระทัยพระชายามากเท่านั้น
เมื่อเห็นว่า ในที่สุด ต้นไม้เหล็กที่แสนเย็นชาอย่างเยี่ยโยวเหยาก็เริ่มผลิดอกบ้างแล้ว แม่นมฮวาจึงดีใจมากอย่างบอกไม่ถูก
……
หลังจากรับประทานอาหารเช้า ซูจิ่นซีกำลังจัดการกับอาคมกำไลปี่อั้น อารมณ์ของนางบูดบึ้งไม่เป็นสุข
เยี่ยโยวเหยาอนุมัติจดหมายจากราชสำนักหลายฉบับ และเนื่องจากกังวลว่าซูจิ่นซีจะคิดฟุ้งซ่านมากไป ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อร่างกายและทารกในครรภ์ เขาจึงมาหานางที่ห้องนอน
ขณะที่เยี่ยโยวเหยาเดินเข้ามาใกล้ ซูจิ่นซีเพิ่งจะตอบสนอง นางเงยหน้าแย้มยิ้มให้เยี่ยโยวเหยา
“ยังครุ่นคิดเรื่องอาคมกำไลปี่อั้นอยู่หรือ? ”
ซูจิ่นซีพยักหน้า “อมฤตทั้งห้า ไม้อมฤต น้ำอมฤต ไฟอมฤต ดินอมฤต และทองอมฤต ล้วนอยู่ด้านใน หากเข้าไปในอาคมกำไลปี่อั้นไม่ได้ แม้พวกเราจะมีธาตุอมฤตทั้งห้าครบถ้วนก็ไร้ประโยชน์ ยังไม่อาจไขความลับของสุสานจิ่นอีโหว”
แม้ซูจิ่นซีจะพูดถึงธาตุอมฤตทั้งห้าเท่านั้น ทว่าภายในใจของเยี่ยโยวเหยารู้ดีว่า ซูจิ่นซีไม่ได้พูดถึงสิ่งสำคัญยิ่งกว่านั้น
แท้จริงแล้ว นางกังวลเกี่ยวกับมู่หรงฉี มู่หรงอวิ๋นไห่ และจงซีจือที่อยู่ภายในอาคมกำไลปี่อั้นมากกว่า
ก่อนหน้านี้ ซูจิ่นซีเข้าไปในกำไลปี่อั้นบ่อยครั้ง ทว่าตอนนี้เป็นเพราะนางใช้วิชาเวทเผ่าเม้ย จึงไม่สามารถเข้าไปในอาคมกำไลปี่อั้นได้ นางจึงไม่ได้เข้าไปหาพวกเขาเป็นเวลานานแล้ว
ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาก็เป็นญาติพี่น้องของซูจิ่นซี นางจะไม่คิดถึงได้อย่างไร?
เยี่ยโยวเหยากอดซูจิ่นซีไว้ในอ้อมแขนของตนเองอย่างอ่อนโยน “รถเมื่อไปถึงตีนเขาย่อมมีเส้นทาง ทุกอย่างย่อมมีหนทางเสมอ พวกเราหาวิธีใช้ธาตุอมฤตทั้งห้าเพื่อทำให้มู่หรงฉีฟื้นคืนชีพก่อน”
“เพคะ! ” ซูจิ่นซีพยักหน้า
แท้จริงแล้ว ซูจิ่นซีมีแผนการอยู่ในใจ
ส่วนประกอบของอาคมกำไลปี่อั้นคือ ธาตุอมฤตทั้งห้า ที่มาของอาคมกำไลปี่อั้นยังเกี่ยวข้องกับเผ่าเม้ย ตอนนี้อาคมกำไลปี่อั้นถูกปิดผนึก ย่อมเกี่ยวข้องกับเผ่าเม้ยอย่างเลี่ยงไม่ได้
ดังนั้นหากต้องการเปิดผนึกอาคมกำไลปี่อั้นขึ้นใหม่อีกครั้ง ยังต้องหาธาตุอมฤตทั้งห้าให้ครบ ซึ่งเริ่มจากเผ่าเม้ย ด้วยวิธีนี้ ประการแรกต้องกลับสู่จุดเริ่มต้น นั่นคือจุดประสงค์พื้นฐานในการมายังเผ่าเม้ย
ดังนั้น เรื่องนี้ต้องวางแผนการระยะยาว ไม่อาจรีบร้อนมากเกินไป
ขณะที่ทั้งสองหารือกันอยู่นั้น เสียงของตงหลิงหวงพลันดังขึ้นจากด้านนอก
“โยวอ๋อง พระชายาโยวอ๋อง! ”
ซูจิ่นซีลุกขึ้น ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องด้านในไปพร้อมกับเยี่ยโยวเหยา ในขณะเดียวกันก็สั่งให้แม่นมฮวาเชิญตงหลิงหวงเข้ามา
เมื่อตงหลิงหวงเห็นซูจิ่นซี เพียงมองแวบแรก สายตาของนางก็จ้องอาคมกำไลปี่อั้นที่แขนขวาของซูจิ่นซี
แม้สายตานั้นจะปรากฏความรู้สึกอย่างรวดเร็ว ทว่าซูจิ่นซียังรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดและความสูญเสียภายในดวงตาของนาง ทว่าไม่ได้แสดงออกมากเกินไป
“รัชทายาทตงหลิงมาหาข้าและท่านอ๋องตั้งแต่เช้าตรู่ มีเรื่องสำคัญอันใดหรือ? ”
ดวงตาของตงหลิงหวงเปล่งประกาย “ข้าพบเบาะแสใหม่แล้ว ทั้งยังเป็นเรื่องสำคัญมาก จึงมาหารือกับโยวอ๋องและพระชายาโยวอ๋อง”
“โอ้? เรื่องอันใด? นั่งลงเถิด! ”
ลวี่หลียกน้ำชามาพอดี ซูจิ่นซีจึงเชิญตงหลิงหวงนั่งลง นางดื่มชาไปพลางฟังว่าตงหลิงหวงจะพูดถึงเรื่องใด
กลับไม่คิดว่า ตงหลิงหวงยังไม่ทันเอ่ยปาก ทันใดนั้น ร่างสีแดงเพลิงก็เหาะเข้ามาราวกับเมฆสีแดงและวนเวียนต่อหน้าทุกคน “แม่นางพิษน้อย เจ้าลำเอียง ลำเอียง ดื่มน้ำชาไม่เชิญพี่จุนมาดื่มด้วย! ”
เมื่อสิ้นเสียงนั้น ขณะที่ทุกคนกำลังมอง กาน้ำชาบนถาดในมือของลวี่หลีก็หายไปและไปอยู่ในมือของอู๋จุน บุรุษผู้นั้นกำลังเทน้ำชา ก่อนจะหันหลังกลับอย่างสวยงาม และนั่งบนเก้าอี้ด้านข้างซูจิ่นซีด้วยท่าทางพราวเสน่ห์
น้ำชามีกลิ่นหอมรัญจวน นัยน์ตาหงส์ของเขากะพริบเล็กน้อย และกำลังจิบชาด้วยท่าทางผ่อนคลาย
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้
“น้ำชานั่นสำหรับรัชทายาทตงเฉิน หากเจ้าต้องการดื่มก็ให้ลวี่หลีชงมาใหม่ ทุกอย่างต้องตามลำดับก่อนหลัง”
อู๋จุนขยิบตาให้ซูจิ่นซี “รัชทายาทตงหลิงหวงยังไม่สนใจ แม่นางพิษน้อย เจ้าสนใจเพื่ออันใด? พี่จุนบอกว่าเจ้าลำเอียง เจ้ายังไม่ยอมรับอีกหรือ”
ซูจิ่นซีส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ นางไม่สนใจโต้แย้งกับอู๋จุนอีก และขอให้ลวี่หลีชงชามาให้ตงหลิงหวงอีกถ้วย
“รัชทายาทตงเฉิน เมื่อครู่เจ้าพูดถึงไหนแล้ว พวกเราพูดกันต่อเถิด! ” ซูจิ่นซีกล่าว
ตงหลิงหวงรับถ้วยชาที่ลวี่หลีนำมาให้ “ข้าเพิ่งได้รับข่าวมาเรื่องหนึ่ง เกี่ยวกับฉีอ๋อง… ”
ตงหลิงหวงยังไม่ทันพูดจบ อู๋จุนก็เอ่ยขัดจังหวะ “รัชทายาทตงเฉินได้รับข่าวเกี่ยวกับฉีอ๋องด้วยหรือ? ข้าก็ได้ข่าวเกี่ยวกับเจ้าฉีด้วยเช่นกัน ข้ามาที่นี่ก็เพื่อหารือกับแม่นางพิษน้อยเรื่องเจ้าฉีเช่นกัน”
“โอ้? อย่างนั้นหรือ? ” ตงหลิงหวงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “มิสู้เจ้าหุบเขาอู๋เชิญพูดก่อน! ”
“แม่นางพิษน้อยพูดไปแล้ว ตามลำดับก่อนหลัง เจ้ามาก่อน ข้ามาทีหลัง! ”
“เช่นนั้นข้าพูดก่อน! ” ตงหลิงหวงคำนับอู๋จุน ก่อนจะหันไปทางซูจิ่นซี “พระชายาโยวอ๋อง เมื่อคืนข้านอนไม่หลับจึงพาคนไปสืบข่าว เช้าวันนี้ได้ข่าวว่ามีแท่นจิ่วโยวภายในเมืองเสวียนเฉิง ใต้แท่นจิ่วโยวมีเพลิงอัคคีจิ่วโยวที่สามารถต่ออายุขัยได้”
“เพลิงอัคคีจิ่วโยว? ”
“ใช่แล้ว! ”
ซูจิ่นซีมองไปทางอู๋จุน อู๋จุนคิ้วกระตุกเล็กน้อย
ซูจิ่นซีถามอู๋จุนว่า “อู๋จุน เจ้าได้ข่าวอันใดมาบ้าง? ”
อู๋จุนพิงเก้าอี้อย่างเกียจคร้านด้วยท่าทางพราวเสน่ห์น่าหลงใหล “บังเอิญจริง พี่จุนก็ได้ข่าวเหมือนกับรัชทายาทตงเฉิน”
“เพลิงอัคคีจิ่วโยวหรือ? เพลิงอัคคีสามารถช่วยคนตายให้ฟื้นคืนชีพได้ ข่าวนี้เชื่อถือได้หรือไม่? ”
“ข้าได้ยินท่านผู้เฒ่าสองสามคนในเมืองกล่าวถึง ในตอนนั้น พวกเขาไม่รู้ว่าข้าอยู่ใกล้ๆ น่าจะไม่ผิด! ” ตงหลิงหวงกล่าว
สายตาของซูจิ่นซีเคลื่อนไปทางอู๋จุน
อู๋จุนกล่าวว่า “แม่นางพิษน้อย เจ้าไม่เชื่อพี่จุนหรือ? ข่าวสารที่พี่จุนได้ยินมาเคยผิดพลาดเมื่อใด? ”
ข่าวนี้มาอย่างกะทันหันและรวดเร็วเกินไป ซูจิ่นซีย่อมสงสัยเป็นเรื่องธรรมดา อีกทั้งเพลิงอัคคียังสามารถช่วยคนตายให้ฟื้นกลับมาได้ ซูจิ่นซีรู้สึกว่ามันไม่น่าเป็นจริง
“รู้รายละเอียดวิธีชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืนชีพหรือไม่? ”
ตงหลิงหวงส่ายศีรษะ “ไม่รู้! ”
อู๋จุนกล่าวว่า “ช่างมัน! แม้ไม่อาจช่วยคนตายให้ฟื้นกลับคืนมา โดยทั่วไปแล้ว เพลิงอัคคีก็มีพลังมากมาย สรุปคือ ได้มาก็ไม่นับว่าเสียหาย พวกเราชิงมันกลับมาแล้วลองดูก็รู้แล้วมิใช่หรือ? ”
อู๋จุนพูดจามีเหตุผล ทว่าซูจิ่นซีไม่ได้คัดค้าน “รู้หรือไม่ว่าแท่นจิ่วโยวอยู่ที่ใด? ”
“ไม่รู้ได้อย่างไร? พี่จุนสอบถามอย่างชัดเจนแล้ว”
“ตกลง เรียกอวิ๋นจิ่นและถังเสวี่ย พวกเรามาหารือรายละเอียดเรื่องเวลาปฏิบัติการ! ”
……
สรุปผลการหารือคือลงมือในคืนนี้ ไปที่แท่นจิ่วโยวเพื่อตามหาเพลิงอัคคีจิ่วโยวก่อน
อวิ๋นจิ่น อู๋จุน ถังเสวี่ย ตงหลิงหวง และเยี่ยโยวเหยาไปทั้งหมด มีเพียงเยี่ยโยวเหยาเท่านั้นที่ไม่ยอมให้ซูจิ่นซีไปด้วย
ซูจิ่นซีอ้อนวอนเยี่ยโยวเหยาเป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม โดยสัญญาว่าจะไม่ห่างจากเยี่ยโยวเหยาแม้แต่ครึ่งก้าว เยี่ยโยวเหยาจึงตกลงให้ซูจิ่นซีไปด้วยกัน
แท้จริงแล้ว เยี่ยโยวเหยารู้ดีว่าแม้ไม่พาซูจิ่นซีไป และทิ้งนางไว้ที่นี่ รอจนพวกเขาไปแล้ว นางจะต้องคิดหาวิธีตามไปด้วยอย่างแน่นอน
มิสู้ให้นางอยู่กับตนจะปลอดภัยกว่าให้นางคิดหาวิธีไปเอง
ในขณะเดียวกัน ที่จวนเป่ยอี้อ๋อง
สาวใช้ผู้หนึ่งของเป่ยถังหลีรีบก้าวเข้ามาในเรือนโดยไม่หยุดฝีเท้า จากนั้นจึงเข้ามาในห้องด้านในอย่างรวดเร็ว
เป่ยถังหลีตอบรับด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เป็นอย่างไร? ท่านพี่ของข้าไปแล้วใช่หรือไม่? ”
“ไปแล้วเจ้าค่ะ! คุณหนูไม่ต้องกังวล บ่าวเฝ้าดูท่านอ๋องน้อยนำคนออกจากเมือง การเคลื่อนไหวของท่านอ๋องน้อยครั้งนี้สำคัญมาก คงไม่กลับมาภายในสามหรือห้าวัน”
ดวงตาที่เงียบสงบของเป่ยถังหลีค่อยๆ หันไปทางประตู พลางเหม่อมองแสงจันทร์สว่างไสว แววตาทอดยาว “คืนนี้เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงพอดี เป็นเวลาที่สัตว์ร้ายที่ปกป้องแท่นจิ่วโยวมีพลังอ่อนแอที่สุด ท่านแม่ ลูกคิดถึงท่านจริงๆ รออีกไม่นาน ลูกจะไปหาท่าน! ”
สาวใช้ขมวดคิ้วเล็กน้อย “คุณหนู… คุณหนูลองพิจารณาอีกครั้งดีหรือไม่? สัตว์ร้ายที่แท่นจิ่วโยวไม่ใช่สัตว์ร้ายธรรมดา คราแรกท่านอ๋องและท่านอ๋องเฮ่อแห่งตระกูลลำดับสองร่วมมือกัน ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน บ่าวเกรงว่า… เกรงว่า… ”
ดวงตาของเป่ยถังหลีมีความหนักแน่นอย่างมาก “ไม่มีอันใดต้องกลัว! คืนนี้ข้าจะต้องไปที่แท่นจิ่วโยวอย่างแน่นอน!”