ขณะนี้โลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญกลับดูดกลืนพลังคละวิถีโดยรอบอย่างบ้าคลั่งโดยฉับพลัน พลังคละวิถีอันไร้ที่สิ้นสุดพรั่งพรูเข้าไปในโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญแล้วถูกแหล่งต้นกำเนิดโลกหมุนแปร
ร่างแยกอันอ่อนแอร่างหนึ่งของตงป๋อเสวี่ยอิงก็รั้งอยู่ที่โลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญ ถ้าหากเป็นร่างแยกอันอ่อนแอไปดูดซับพลังคละวิถีด้วยตนเองก็จะเชื่องช้าเกินไป! ทำให้แหล่งต้นกำเนิดโลกของโลกแห่งการบำเพ็ญดูดซับ… พูดถึงประสิทธิผลของการดูดซับหมุนแปรพลังคละวิถี แหล่งต้นกำเนิดโลกก็มีข้อได้เปรียบอย่างมหาศาล ร่างสิ่งมีชีวิตที่แกร่งกล้ากว่าต่างก็รวดเร็วสู้แหล่งต้นกำเนิดโลกที่เล็กกว่าอย่างโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญมิได้ และยิ่งไม่สามารถสู้กับแหล่งต้นกำเนิดโลกของโลกกำเนิดได้เลย
“ครืน…”
ร่างกายของตงป๋อเสวี่ยอิงแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ในเวลาเพียงแค่สามอึดใจเท่านั้น ร่างกายก็ฟื้นฟูไปถึงระดับร่างแยกพลังรบหลักแล้ว
“ความสามารถของข้าที่ฟื้นฟูขึ้นมานี้ อันที่จริงก็มากมายมหาศาลเป็นอย่างยิ่ง อาศัยโลกที่ไม่มีเจ้าของก็สามารถทำให้ร่างแยกอันอ่อนแอยกระดับขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบรำพึง “น่าเสียดายที่ได้เพียงแค่โลกที่ไม่ปฏิเสธข้าเท่านั้น”
เช่นโลกที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างโลกกำเนิด!
ต่อต้านสิ่งมีชีวิตของโลกกำเนิดอื่นๆ เป็นอย่างยิ่ง สิ่งมีชีวิตจากภายนอกที่มาถึงโลกกำเนิดก็จำกัดเอาไว้เพียงแค่ระดับ ‘ขั้นอลวน’ เท่านั้น! หรือแม้กระทั่ง ‘เจ้าดินแดน’ ผู้สูงส่งเข้ามาในโลกกำเนิดแห่งหนึ่งก็ถูกกดดันเอาไว้ที่ขั้นอลวนเช่นเดียวกัน อย่างเช่นพวกเจ้าเมืองหลัวก็เป็นเช่นเดียวกันนี้ พวกเขาเผชิญหน้ากับฝูงมารผลาญทำลายก็ไม่สามารถต้านทานได้เช่นกัน
ถ้าหากใช้ความแข็งแกร่งเล่า
เจ้าดินแดนท่านหนึ่งระเบิดอย่างสมบูรณ์ ผลลัพธ์ก็คือโลกกำเนิดระเบิดแหลกสลาย! โลกกำเนิด เรียกได้ว่ายอมหักไม่ยอมงอ! แน่นอนว่านั่นเป็นเพราะการโคจรของมันนั้นมีกฎเกณฑ์โคจรอยู่ตามธรรมชาติ ตัวมันเองมิได้น่าหวาดหวั่นแต่อย่างใด
ที่มิติคละถิ่นอันเวิ้งว้าง… นอกจากโลกกำเนิดแล้ว เหล่าผู้แกร่งกล้าคละถิ่นก็สร้างโลกขึ้นมามากมาย กลายเป็นฐานที่มั่นของพวกเขาเอง ถึงอย่างไรสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูงต่างก็ไม่สามารถควบคุมโลกกำเนิดได้ ได้แต่อาศัยอยู่ภายในโลกที่สร้างขึ้นมาใหม่บางแห่งเท่านั้น อย่างเช่นโลกอสนีบาตก็เป็นโลกที่คล้ายคลึงกัน ถึงแม้ว่าโลกที่ผู้แกร่งกล้าคละถิ่นสร้างขึ้นเองจะหยาบกระด้างและอ่อนแอ แต่ก็ไม่กีดกันผู้แกร่งกล้าคละถิ่น เพราะว่าหากกีดกันแล้วผู้แกร่งกล้าคละถิ่นก็ไม่สามารถเข้าไปได้! ขอเพียงแค่ตงป๋อเสวี่ยอิงสามารถเข้าไปได้ ก็สามารถใช้งานพลังแห่งโลกาของโลกกำเนิดไร้เจ้าของแห่งหนึ่งได้อย่างรวดเร็วแล้ว
“พลังยุทธ์ฟื้นฟูแล้ว ช่างน่าขายหน้าเสียจริงเชียว พ่ายแพ้อย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้เสียแล้ว แม้กระทั่งอาวุธที่เพิ่งหลอมขึ้นมาก็ไม่มีอีกแล้วสินะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเองก็จนใจ เขาเหินทะยานออกจากโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญในทันที
เมื่อออกมาจากโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญ
ก็มองเห็น ‘นักพรตฉื้อเฟิง’ ชายชราจมูกแดงที่ยืนอยู่กลางมิติคละถิ่นด้านนอก นักพรตฉื้อเฟิงมองตงป๋อเสวี่ยอิงที่ออกมาจากโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญที่อยู่ด้านหลัง “เจ้า เจ้า เจ้า… ร่างแยกอันอ่อนแอนี่ของเจ้า เหตุใดจึงแข็งแกร่งไปถึงกลิ่นอายระดับร่างแยกพลังรบหลักได้อย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้เล่า เมื่อครู่โลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญดูดกลืนพลังแห่งโลการอบๆ อย่างบ้าคลั่งเพราะเจ้าเป็นเหตุหรือ”
เขาให้ความสนใจกับ ‘ศิลา’ ศัตรูตัวฉกาจที่อยู่ห่างออกไปอย่างเต็มที่ มิได้ใส่ใจภายในโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญเลย
“ใช่” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า “ร่างแยกอันอ่อนแอนี้ของข้าสามารถยกระดับพลังยุทธ์ได้ก็เป็นเพราะลูกไม้ของข้า ไว้คราวหลังค่อยอธิบายอย่างละเอียดก็แล้วกัน”
“ดีๆๆ เจ้ารีบไปพัวพันถ่วงเวลาเอาไว้ ยิ่งถ่วงเวลาเอาไว้ได้นาน ความเสียหายที่เขาก่อขึ้นก็จะยิ่งต่ำลง เขากำลังมุ่งหน้าตรงมาที่นี่แล้ว นี่คือวัตถุส่งสาร อันก่อนหน้านี้ของเจ้าหายไปแล้วกระมัง” นักพรตฉื้อเฟิงโยนวัตถุส่งสารอันหนึ่งออกมาแล้วเอ่ยต่อไปว่า “คราวนี้เจ้าอย่าได้ประมาทเป็นอันขาดเลยนะ”
“น่าละอาย น่าละอายยิ่งนัก ข้าเพิ่งบรรลุ จึงยังมิได้ศึกษาเคล็ดวิชาป้องกันร่างกายคุ้มกันชีพเอาไว้บ้างเลย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
อันที่จริง
ผู้แกร่งกล้าคละถิ่นระดับโลกาที่มีคุณสมบัติพอคนหนึ่งสามารถศึกษาความเร้นลับของกฎเกณฑ์ต่างๆ นานาของร่างกาย หรือแม้กระทั่งขุดค้นเคล็ดลับต่างๆ มากมายออกมาได้ ทำให้ร่างกายแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น! อย่างเช่นคละถิ่นระดับโลกากำเนิดใหม่ถึงคละถิ่นระดับโลกาช่วงกลาง… ร่างกายปกติต่างก็แข็งแกร่งขึ้นสามสี่เท่า ทั้งยังมีเคล็ดวิชาลับคุ้มร่าง สร้างชั้นปกป้องมากมายขึ้นที่ผิวกายด้วย อย่างเช่นชั้นเยื่อผิวหนังที่ผิวกายเจ้าทะเลหุบเหวลึกสร้างขึ้น ก็คือเคล็ดวิชาลับคุ้มร่างชนิดหนึ่ง
ทั้งยังมีเคล็ดวิชาป้องกันในเวลาต่อสู้ด้วย
ในที่สุดแล้วระดับความแข็งแกร่งของร่างกายเอง เคล็ดวิชาลับคุ้มร่าง เคล็ดวิชาป้องกัน เคล็ดวิชาการหนีเอาชีวิตรอด… ต่างๆ นานาล้วนเสร็จสมบูรณ์ นี่จึงจะนับได้ว่ามีคุณสมบัติพอทางด้านการคุ้มกันร่างกาย ทางด้านการต่อสู้ก็มีทั้งความโอหัง มีทั้งความร้ายกาจ รวมทั้งเคล็ดวิชาอันแปลกประหลาด… ขุดค้นในทุกๆ ด้าน พลังยุทธ์จึงจะแข็งแกร่งเพียงพอ
และความคิดของตงป๋อเสวี่ยอิงล้วนอยู่ที่ด้าน ‘วิถีอากาศดูดซับวิถีเขตลวงโลกเทียม’ หมายจะไปถึงระดับเจ้าดินแดนในคราวเดียว
เขาย่อมมิได้เจาะลึกในเคล็ดวิชาที่คล้ายคลึงกันอยู่แล้ว
ความแข็งแกร่งของร่างกายเขา… ยังคงเป็นคละถิ่นระดับโลกากำเนิดใหม่! ทั้งยังมิได้เจตนาขัดเกลาเคล็ดวิชาลับคุ้มร่างใดๆ นี่จึงมิได้ป้องกันใดๆ เลย ก็ถูกผลาญทำลายเสียแล้ว
……
“พรึ่บ” ศิลากำลังมุ่งหน้าไปยังโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญ
ทันใดนั้นก็มองเห็นเงาร่างของชายหนุ่มอาภรณ์ขาวที่คุ้นเคยออกมาจากโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญ อีกทั้งร่างกายยังพุ่งทะยานขึ้นมาอย่างฉับพลันจนมีขนาดเล็กกว่าเขาเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้นแล้วด้วย
“จ้าวหิมะเหินหรือ” ศิลาตะลึงงันไปเสียแล้ว “เรื่องอันใดกันนี่…”
ร่างแยกพลังรบหลัก
มิใช่ว่าควรจะมีอยู่เพียงแค่ร่างเดียวเท่านั้นหรอกหรือ ร่างแยกอันอ่อนแอจะยกระดับไปถึงร่างแยกพลังรบหลัก ลำพังแค่พลังงานที่ต้องใช้ก็ชวนให้คนตกใจเป็นอย่างยิ่งแล้ว ต้องดูดซับพลังคละวิถีเป็นเวลานานแสนนานจึงจะถูกต้อง! ส่งตัวมาจากโลกกำเนิดของตนอย่างนั้นหรือ การเดินทางก็ต้องเนิ่นนานเป็นอย่างยิ่งกระมัง
“เห็นชัดๆ ว่าเขาออกมาจากโลกที่ถูกคุมขังแห่งนั้น แต่โลกที่ถูกคุมขังแห่งนั้นเป็นโลกที่ค่อนข้างหยาบกระด้างที่เจ้าดินแดนสร้างขึ้น มิใช่โลกกำเนิด ไม่สามารถเป็นที่มั่นของเขาได้” ศิลาสงสัยหาใดเปรียบ
ไม่สมเหตุสมผลเลย
ขบคิดไม่แตก! เพิ่งผลาญร่างแยกพลังรบหลักไปร่างหนึ่ง ก็มีร่างแยกพลังรบหลักอีกร่างหนึ่งโผล่ออกมาเลยอย่างนั้นหรือ
“ผลาญทำลายเสียก่อนแล้วค่อยว่ากัน” ศิลาสังหารตรงเข้ามาอย่างไม่คิดอะไรมากอีก
“พรึ่บ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงสำแดงโลกลวงอีกครั้ง คราวนี้เขาก็รักษาระยะห่างแล้ว สำแดงเคล็ดวิชาการต่อสู้ต่างๆ มากมาย อย่างน้อยทางด้านการต่อสู้ระยะประชิดเพียงอย่างเดียว เขาก็มีคุณสมบัติคละถิ่นระดับโลกาช่วงกลางแล้ว อีกทั้งยังมีการตระหนักรู้เคล็ดวิชาใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องอีกด้วย
เขามิได้มีเจตนาจะหยั่งรู้
ร่างกายยกระดับ เคล็ดวิชาลับคุ้มร่าง เคล็ดลับการหลบหนี เขาล้วนมิได้หยั่งรู้ทั้งสิ้น
แต่เมื่อกาลเวลาเคลื่อนผ่าน ‘การผสานรวมของวิถีอากาศและวิถีเขตลวงโลกเทียม’ ก็ยิ่งลึกล้ำขึ้นเรื่อยๆ สั่งสมได้แน่นหนามากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ตามไปด้วย ถึงแม้ว่าจะมิได้สิ้นเปลืองความคิดจิตใจอะไรมากมาย ก็ยังรู้สึกได้ว่าความเร้นลับต่างๆ นานาที่แฝงอยู่ในร่างกายนั้นสามารถดูเข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ก็ย่อมมีเคล็ดลับศาสตร์แล้วศาสตร์เล่าปรากฏขึ้นมาจากในห้วงสมอง! นี่ก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นเองเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
“ผนึก!” ตงป๋อเสวี่ยอิงรวบรวมจิตใจแล้วตระหนักรู้กระบวนท่าใหม่ มือทั้งสองยื่นออกมาในทันใด
มิติคละถิ่นในบริเวณรอบๆ ปรากฏโซ่ตรวนสายแล้วสายเล่าขึ้นมาในทันใด สายโซ่จำนวนนับไม่ถ้วนเกี่ยววกระหวัดอาณาบริเวณผืนนี้เอาไว้ ทั้งยังเกี่ยวรัด ‘ศิลา’ เอาไว้ด้วย แม้กระทั่งสายโซ่อากาศบางส่วนก็ยังแทรกผ่านภายในร่างกายของ ‘ศิลา’ อีกด้วย ‘ศิลา’ สีหน้าแปรเปลี่ยนในทันใด… เขารู้สึกได้ถึงความร้ายกาจของเคล็ดลับปิดผนึกอันน่าหวั่นเกรงนี้ เพียงชั่วครู่ก็ทำให้พลังยุทธ์ของเขาลดต่ำลงอีกครั้ง
“อาณาเขตปิดผนึกนี้เป็นเคล็ดวิชาคละถิ่นระดับโลกาช่วงท้ายอย่างแน่นอน” ศิลาสะดุ้ง “ร่างกายของเขาอ่อนแอถึงเพียงนั้น แต่อาณาเขตปิดผนึกแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ได้อย่างไรกัน”
ไม่สมดุลเกินไปเสียแล้ว
ผู้แกร่งกล้าคละถิ่นคนหนึ่งควรจะพอๆ กันในแต่ละด้าน! อย่างมากที่สุดก็คือด้านใดด้านหนึ่งแข็งแกร่งกว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่น่าจะเกิดความแตกต่างอย่างมหาศาลเช่นนี้ได้
ร่างกายเป็นคละถิ่นระดับโลกากำเนิดใหม่ แต่อาณาเขตปิดผนึกเป็นคละถิ่นระดับโลกาช่วงท้ายอย่างนั้นหรือ
น่าประหลาดยิ่งนัก!
……
ตอนนี้ศิลายังมิได้เผชิญกับอันตรายใดๆ แต่ว่าความแปลกประหลาดเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกเห็นท่าไม่ดีขึ้นมาบ้างแล้ว
เขามองดูชายหนุ่มอาภรณ์ขาวตรงหน้าแล้วก็รู้สึกว่ามองไม่ทะลุปรุโปร่งอย่างน่าประหลาด
นอกจากเคล็ดวิชาอาณาเขตปิดผนึก เคล็ดการต่อสู้ประชิดตัวอื่นๆ ก็ยังคงเป็นเพียงแค่คละถิ่นระดับโลกาช่วงกลางอยู่เช่นเดิม มิได้เป็นภัยต่อศิลาแต่อย่างใด
“รอก่อน ถ้าหากอีกประเดี๋ยวแล้วยังรู้สึกไม่ถูกต้องอยู่ ข้าก็จะหนี” ศิลาเอ่ยพึมพำในใจ เขารู้สึกว่าเคล็ดวิชาคุ้มกันชีพของตนแข็งแกร่งพอ
การถ่วงเวลานี้
แล้วเวลาชั่วจิบชาหนึ่งก็ผ่านพ้นไป
การต่อสู้ในคราวนี้นับต่อเนื่องกันขึ้นมาก็เกือบครึ่งชั่วยามแล้ว
“ปัง…”
ตงป๋อเสวี่ยอิงมิได้เจตนาหยั่งรู้ แต่สั่งสมมาอย่างหนาแน่นเหลือเกิน ก็ย่อมตระหนักรู้เคล็ดวิชาอย่างต่อเนื่องตามธรรมชาติอยู่แล้ว พื้นผิวของผิวหนังของเขาเริ่มมีประกายห้วงอากาศชั้นแล้วชั้นเล่าโคจร นี่ก็คือเคล็ดวิชาลับคุ้มร่าง! กลิ่นอายของร่างกายเขาก็แข็งแกร่งขึ้นเองโดยธรรมชาติ! นี่คือตลอดทั้งร่างกายแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
“พั่บๆๆ…” ฝ่ามือหนึ่งฟาดออกมา แต่กลับเป็นฝ่ามือนับล้านฟาดมาจากห้วงอากาศที่แตกต่างกัน ภายใต้อิทธิพลของอาณาเขตปิดผนึกและเขตลวงโลกเทียม ศิลาก็ยังไม่สามารถต้านทานเอาไว้ได้
ฝ่ามือของตงป๋อเสวี่ยอิงฟาดลงบนลำคอของศิลา
การฟาดครั้งนี้ทำให้แผ่นเกล็ดสีทองที่ติดอยู่บริเวณลำคอแต่ละแผ่นแตกกระจายในทันใด ลวดลายจำนวนนับไม่ถ้วนโคจร ภายใต้ลวดลายสีทองก็คือกล้ามเนื้อสีดำชั้นหนึ่ง กล้ามเนื้อหมุนบิดราวกับเชือกเกลียว ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงเพียงแค่แหวกออกเล็กน้อยเท่านั้น ไม่สามารถเข้าไปลึกๆ ได้
“สามารถทำร้ายข้าได้แล้วด้วยหรือ” ศิลาตกอกตกใจ
ความสามารถในการรักษาชีวิตรอดของเขาแข็งแกร่งเป็นที่สุด อีกฝ่ายกลับสามารถทำร้ายเขาได้อย่างนั้นหรือ
“หนี!”
ศิลาเลือกที่จะหนีอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
เพราะว่าเขารู้สึกได้ถึงภัยคุกคามอันใหญ่หลวง คนที่มีชื่อว่าจ้าวหิมะเหินผู้นี้ นับว่าตอนนี้เคล็ดวิชาวิญญาณระเบิดไปถึงพลังยุทธ์ ‘คละถิ่นระดับโลกาช่วงท้าย’ แล้ว บวกกับเคล็ดวิชาวิญญาณ… ก็สามารถเสี่ยงกับคละถิ่นระดับโลกาขั้นสมบูรณ์ได้แล้ว! ศิลารู้สึกว่าหากเนิ่นช้าต่อไป แม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เวลาผ่านนานไปแล้วก็อาจจะต้องเอาชีวิตไปทิ้งได้
เขาถึงกับรู้สึกว่าจ้าวหิมะเหินตรงหน้าผู้นี้น่าหวั่นเกรงยิ่งกว่าระดับโลกาขั้นสมบูรณ์คนอื่นๆ เสียอีก
“พลังยุทธ์ของเขายกระดับขึ้นมาอย่างรวดเร็วเกินไปแล้ว เคล็ดวิชาอันล้ำเลิศยิ่งกว่าออกมาอย่างต่อเนื่อง ตอนที่เพิ่งเริ่มประมือกับข้า ข้ากดดันเขาเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งยังทำลายร่างกายของเขาได้อย่างง่ายดาย ตอนนี้เขาก็สามารถเทียบเคียงได้กับคละถิ่นระดับโลกาขั้นสมบูรณ์แล้ว” ศิลาเอ่ยพึมพำ
“ตอนนี้ข้ายังมีความหวังในการหนีเอาชีวิตรอดได้ ถ้าหากเขายกระดับขึ้นอีก ข้าก็คงไม่มีหวังแม้กระทั่งการหนีเอาชีวิตรอดแล้วกระมัง”
“สวบ”
เขาหลบหลีกอย่างบ้าคลั่ง
“ข้าเข้าใจแล้ว เฉิงหาวในตอนนั้น ตอนแรกบอกว่าสามารถรับมือได้ครึ่งชั่วยาม แล้วบอกว่ารับมือได้เป็นเวลาชั่วจิบชาหนึ่ง ภายหลังก็มาตายไปเสียแล้ว” ศิลาเกิดความหนาวเหน็บขึ้นในใจ “คนที่ชื่อว่าจ้าวหิมะเหินผู้นี้ พลังยุทธ์ยกระดับอย่างน่าหวาดหวั่นเกินไปแล้ว”
“หนีหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงก็กำลังไล่ตาม ถึงแม้ว่าโลกลวงจะส่งผลกระทบต่อวิญญาณ แต่ต้องการเพียงแค่พลังจิตเล็กน้อยเท่านั้น ‘ศิลา’ ผู้นี้ก็สามารถระเบิดความเร็วถึงขีดสุดได้แล้ว
เพียงแต่สายโซ่อากาศจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่บริเวณรอบๆ ทำให้พลังยุทธ์ของศิลาลดต่ำลงไปอย่างมหาศาล
แต่ก็ยังคงรวดเร็วกว่าตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ดี
……………