ตอนที่ 729 จ้างงาน

หมอดูยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 729 จ้างงาน
“รัฐบาลควบคุมการลงทุนทรัพยากรทองคำอย่างจริงจังไม่ใช่หรือคะ? เอกชนลงทุนทำเหมืองทองคำได้ด้วยเหรอ?”

ซ่งเวยหลันได้ยินก็มองลูกชายอย่างแปลกๆ เท่าที่เธอรู้ กระทั่งการซื้อขายเงินและทองคำในระดับเอกชนรัฐบาลยังไม่อนุญาต แล้วจะยอมให้บริษัทเอกชนขุดเหมืองทองได้อย่างไร?

เยี่ยเทียนส่ายหน้า บอกว่า “แม่ครับ ผมไม่ได้บอกว่าเป็นทองคำภายในจีนซะเมื่อไหร่ ที่รัสเซียน่ะ ลุงเฉินเขามีธุรกิจอย่างหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าไม่เลว ลงทุนไม่มากด้วย…”

“รัสเซียเหรอ? เงินทุนเท่าไหร่?”

ว่ากันตามตรง ซ่งเวยหลันไม่ได้มีความสนใจด้านธุรกิจทางนี้เท่าไหร่นัก แต่เพราะเห็นเยี่ยเทียนออกปากมาเป็นครั้งแรก เลยต้องไว้หน้าลูกชายสักหน่อย

พอได้ยินคำถามของซ่งเวยหลัน เฉินสี่ฉวนก็รีบลุกขึ้นยืน บอกว่า “คุณหญิงซ่งครับ มีเงินทุนทองคำทั้งหมดสามหมื่นล้าน คงจะขุดออกมาได้ห้าถึงสิบปี!”

ถึงแม้ตอนเข้ามาในบ้าน เฉินสี่ฉวนจะเห็นซ่งเวยหลันเป็นแค่แม่บ้านสวมผ้ากันเปื้อน แต่เขาก็ไม่กล้าทำเย็นชาใส่แม้แต่น้อย

“ทองคำสามหมื่นล้านดอลลาร์อเมริกา? นับว่าไม่น้อยเลยนี่?” ซ่งเวยหลันตกตะลึง เหมืองทองคำใหญ่ขนาดนี้มีให้เห็นบนโลกไม่มากนัก

“แหะๆ สามหมื่นล้านหยวนครับ”

เฉินสี่ฉวนรู้สึกกระดากอายเล็กน้อย แต่กลับรู้สึกเชื่อใจในซ่งเวยหลันขึ้นหลายเท่า สามารถพูดถึงเงินจำนวนหลายหมื่นล้านดอลลาร์อเมริกาได้อย่างสบายๆ สมแล้วที่มาจากครอบครัวตระกูลใหญ่

“อ้อ อย่างนี้นี่เอง แล้วคุณเฉิน ต้องการความร่วมมืออย่างไรคะ?”

ซ่งเวยหลันนั่งลงตรงข้ามกับเฉินสี่ฉวน หยิบถ้วยชาที่ลูกชายลวกทำความสะอาดแล้วมาชงชาให้ตัวเองถ้วยหนึ่ง พอจิบเข้าไปหนึ่งคำ ก็ถลึงตามองเยี่ยเทียน บอกว่า “ลูกไปเอาใบชาของคุณตาออกมาอีกแล้วหรือ? คราวก่อนเขาก็โกรธแม่แทบแย่!”

“แม่ ท่านผู้เฒ่านั่นเขามีเยอะจะตาย อยากดื่มชาเมื่อไหร่ก็มีคนเอามาถวาย”

เยี่ยเทียนจีบปากจีบคอ เห็นว่าแม่ทำท่าจะดุต่อ ก็รีบบอก “แม่ครับ แม่คุยกับลุงเฉินไปก่อนนะ เรื่องนี้ได้หรือไม่ได้ยังไงแม่ก็ลงทุนไปก่อนก็แล้วกัน ผมยังติดธุระอยู่ เดี๋ยวกลับมานะครับ!”

พูดพลาง เยี่ยเทียนก็ถอยฉากออกมาอย่างว่องไว เขาเบื่อหน่ายจะฟังเรื่องการลงทุนธุรกิจพวกนี้ที่สุด อีกทั้งเยี่ยเทียนก็ยังมีเรื่องที่ต้องไปจัดการจริงๆ

“เยี่ยเทียน เย็นนี้จะมีแขกอยู่กินข้าวด้วยใช่ไหม?” เยี่ยตงจู๋ที่เพิ่งออกมาจากบ้าน ถือตะกร้าใส่ผักในมือมาด้วย

“มีครับ ไม่ใช่คนอื่นไกล ป้าใหญ่ไม่ต้องทำมากมายหรอกครับ”

เหลือบมองตะกร้าผักในมือของป้าใหญ่แล้ว เยี่ยเทียนก็กล่าวว่า “แล้วป้าก็จ้างคนมาช่วยเถอะ ไม่ต้องทำเองหรอกครับ พี่โจวเองก็จะมาช่วยด้วย”

พี่โจวที่เยี่ยเทียนพูดถึงก็คือคุณแม่ของโจวเซี่ยวเทียนนั่นเอง เธอเองก็ย้ายตามลูกชายมาอยู่ที่นี่ เข้ากันกับป้าและอาของเยี่ยเทียนได้เป็นอย่างดี จนตอนนี้กลายเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกันแล้ว

สิ่งเดียวที่ทำให้เยี่ยเทียนรู้สึกอึดอัดก็คือ ไม่ว่าอย่างไรคุณนายโจวก็ไม่ยอมให้เยี่ยเทียนเรียกเธอว่าคุณน้าโจว เพราะคิดจะรอให้ตนเองรับโจวเซี่ยวเทียนเป็นลูกศิษย์อย่างเป็นทางการเสียก่อน ซึ่งเยี่ยเทียนเองก็รับปากตกลง

“เยี่ยเทียน จะให้จ้างคนมาช่วยทำไมล่ะ เดี๋ยวถ้าพวกเราว่างไม่มีอะไรทำ ก็อึดอัดแย่น่ะสิ”

คุณนายโจวยิ้มพลางผลักเยี่ยเทียน บอกว่า “เธอไปทำธุระเถอะ ฉันกับพี่เยี่ยจะไปทำกับข้าวแล้ว เดี๋ยวจะเรียกพวกเธอเอง!”

“ก็ได้ครับ พวกคุณเลยเหนื่อยตลอดเลย”

เยี่ยเทียนยิ้มพลางส่ายหน้า หลังจากกลับมาคราวนี้ เขาก็ใช้ปราณแท้ช่วยทะนุบำรุงร่างกายคนในครอบครัวอยู่หลายครั้งหลายครา ทำให้ป้าๆ ทั้งหลายร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์อย่างมาก

พอเข้ามาในห้องรับแขกแล้ว เยี่ยเทียนก็คิดอยู่สักพัก หยิบโทรศัพท์บนโต๊ะขึ้นมา

“ฮัลโหล? ฉันไม่สนว่าแกเป็นใคร แต่วางสายเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นแกตายแน่!”

หลังจากกดเบอร์โทรศัพท์ไปแล้ว ยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็มีเสียงด่าภาษาอังกฤษดังมาจากปลายสายชุดหนึ่ง เยี่ยเทียนได้ยินอย่างชัดเจนว่า ข้างๆ เหมือนมีเสียงหอบหายใจของหญิงสาวอยู่ด้วย

“บ้าเอ๊ย ช่วงนี้มีความสุขเหลือเกินนะ อยู่ที่ไหนเนี่ย?”

มุมปากของเยี่ยเทียนหยักโค้งขึ้น ใบหน้ามีรอยยิ้ม เมื่อก่อนตอนเขาคบหากับมาลาไกย์ พวกเขาดูซีเรียสจริงจังมาก นึกไม่ถึงว่าก็มีปัญหาอย่างผู้ชายทั่วไปเหมือนกัน

“คุณเยี่ย? บอสส์ ทำไมเป็นคุณไปได้?”

เสียงตกใจดังมาจากปลายสาย เยี่ยเทียนเหมือนจะได้ยินมาลาไกย์ ไล่ผู้หญิงคนนั้นออกไป เพราะว่าผู้หญิงคนนั้นใช้คำด่า มาลาไกย์ ออกมาอย่างสนิทสนม

หลังจากผ่านไปสามถึงสี่นาที ปลายสายโทรศัพท์ก็มีเสียงของมาลาไกย์ ดังขึ้นอีกครั้ง “บอสส์ ทางฝั่งผมเป็นเวลากลางคืน คุณรบกวนจังหวะผมพอดี ถ้าหากผมหดไปเพราะสาเหตุนี้ คุณต้องรับผิดชอบนะ!”

แม้ว่าจะยกเลิกความสัมพันธ์ฉันนายจ้างกับเยี่ยเทียนแล้ว แต่ในใจของมาลาไกย์ ก็ยังคงมีความเคารพเยี่ยเทียนบางอย่างชนิดอธิบายไม่ถูก โดยเฉพาะหลังจากไปพม่าคราวนั้นแล้ว ในใจเขาเห็นเยี่ยเทียนเปรียบเสมือนกับพระเจ้าก็ไม่ปาน

“ช่างเถอะ เหล่าหม่า ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน?” เยี่ยเทียนไม่มีเวลามาคุยเล่นกับเขา

“ผมอยู่ที่ฮาวายครับ คุณโทรมามีธุระอะไรหรือ?” มาลาไกย์เองก็เลิกคุยเล่น เขารู้ว่าเยี่ยเทียนโทรมาครั้งนี้จะต้องมีเรื่องจริงจังแน่นอน

“มีเรื่องยุ่งยากนิดหน่อย อยากจะใช้กองกำลังทหารรับจ้างของคุณมาช่วยจัดการ คุณรับงานหรือเปล่า?”

เยี่ยเทียนเอ่ยปากตรงๆ “ผมมีเพื่อนคนหนึ่งถูกชาวรัสเซียลักพาตัวไป ตำแหน่งตอนนี้น่าจะอยู่ที่ไซบีเรีย ชื่อของเขาคือต่งต้าจ้วง เป็นหลานชายของเจ้าของสนามมวยใต้ดินในมอสโคว…”

“บอสส์ ทำไมต้องเป็นที่ไซบีเรียด้วยล่ะ? คุณรู้ไหมว่าที่นั่นทำให้ไข่แข็งจนหลุดได้เชียวนะ?”

พอได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว มาลาไกย์ก็ร้องโอดโอยจากในโทรศัพท์ หลังจากที่เขาได้รับเงินจำนวนสามสิบล้านดอลลาร์อเมริกากับทองคำจากเยี่ยเทียนแล้ว ตอนนี้เขาก็ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไร้กังวล

แน่นอนว่า บางครั้งมาลาไกย์ ก็หวนนึกถึงชีวิตอันน่าตื่นเต้นระทึกขวัญเมื่อในอดีตเช่นกัน และพวกพ้องของเขาสามคนนั้น ก็ยังคงโลดแล่นอยู่ในวงการทหารรับจ้าง

“สามสิบล้านดอลลาร์อเมริกา รับหรือเปล่า?”

เยี่ยเทียนไม่พูดพล่ามทำเพลง เอ่ยปากออกไปตรงๆ ว่า “ผมไม่สนว่าคุณจะใช้วิธีซื้อตัวคนนี้มาจากฝ่ายตรงข้ามหรือว่าจะช่วงชิงมา ขอเพียงพาเขามาที่ปักกิ่ง ผมจะจ่ายให้คุณสามสิบล้านดอลลาร์อเมริกา ว่ายังไงล่ะ?”

หลังจากได้รับเงินมาจากจู้เหวยเฟิงและต่งเซิงไห่หลายพันล้านดอลลาร์อเมริกา ทว่าตอนนี้ทั้งสองคนกลับสูญเสียกระทั่งสนามมวย เยี่ยเทียนก็รู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่นัก ถ้าหากไม่มีเรื่องการฝึกวิชามาจำกัดกรอบตัวเองเอาไว้ ไม่แน่เขาอาจไปด้วยตัวเองแล้วจริงๆ

แต่เยี่ยเทียนเชื่อมั่นว่ามาลาไกย์จะสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ และพวกเขายังเป็นกองทหารรับจ้างที่เก่งกาจที่สุดในโลก คงรับมือพวกนอกวงการสนามมวยใต้ดินได้โดยไม่มีข้อผิดพลาด

“รับครับ! แต่ผมต้องการข้อมูลละเอียดกว่านี้ ไม่อย่างนั้นผมจะไปหาคนคนนี้ ในไซบีเรียอันกว้างขวางขนาดนั้นจากที่ไหนล่ะ?”

เสียงผิวปากดังมาจากทางโทรศัพท์ มาลาไกย์รับปากอย่างง่ายดาย บนโลกนี้ไม่มีใครรังเกียจเงินจำนวนมหาศาล อีกทั้งภารกิจนี้ของเยี่ยเทียน ก็ดูจะจัดการได้อย่างไม่ยากลำบากนัก

“ดี เดี๋ยวผมจะให้ที่อยู่ละเอียดยิบกับคุณ แล้วจะแฟกซ์ไปหา”

เยี่ยเทียนครุ่นคิดสักครู่แล้วว่าต่อ “อีกอย่างผมมีเพื่อนอยู่ที่นั่น คุณสามารถติดต่อเขาได้ เขามีวิธีจัดการมากมายที่นั่น!”

คนที่เยี่ยเทียนพูดถึงก็คืออันเดรวิช หลังจากถอนตัวออกจากสนามมวยใต้ดินแล้ว เขาก็แต่งงานแล้วปลีกตัวออกจากสังคมอาศัยอยู่กับลูกเมียในเขตไซบีเรีย

เพื่อสลัดชีวิตในอดีตทิ้งไป กระทั่งต่งเซิงไห่ยังไม่รู้ที่อยู่ใหม่ของอันเดรวิช แต่ที่อันเดรวิชกลับบอกที่อยู่ให้เขานั้นเป็นเพราะต้องการแสดงออกถึงความขอบคุณและแสดงความเชื่อใจ

เพื่อที่จะส่งแฟกซ์ไปหามาลาไกย์ เยี่ยเทียนจึงวางสาย ควักเอาเหรียญทองแดงสองสามเหรียญที่มักหยิบเล่น วางบนโต๊ะเพื่อทำการทำนาย

พอฝึกวิชาถึงขั้นระดับเซียนเทียน ความสามารถในการมองเห็นลิขิตสวรรค์ก็แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ใช้เพียงสัญลักษณ์กว้าทำนายเพียงชุดเดียว เขาก็สามารถทำนายตำแหน่งปัจจุบันของต่งต้าจ้วงออกมาได้

ยื่นมือไปคว้ากระดาษแล้ว เยี่ยเทียนก็วาดแผนที่ลงไป ภายในบ้านเขาไม่มีแผนที่ประเทศรัสเซีย เรื่องการเปรียบเทียบจึงให้มาลาไกย์เป็นคนจัดการ ถึงอย่างไรเงินสามสิบล้านก็ไม่ได้ให้ไปเปล่าๆ นี่นา?

“เหล่าหม่า ตอนนี้คนคนนั้นยังไม่ได้รับอันตรายใดๆ ดังนั้นต้องพาเขากลับมาอย่างปลอดภัยให้ได้ล่ะ!”

ตอนที่แฟกซ์ให้มาลาไกย์ เยี่ยเทียนก็กำชับเขาอีกสองสามคำ ถ้าหากต่งต้าจ้วงเกิดเป็นอะไรขึ้นมา เกรงว่าเหล่าต่งคงไร้ซึ่งกำลังใจจะมีชีวิตอยู่ต่อ

“บอสส์ วางใจเถอะ ที่ไซบีเรียนั่นมีพวกพ้องของพวกเราอยู่ไม่น้อย เอาล่ะ ไม่คุยกับคุณมากแล้ว ผมจะไปหาไอ้พวกเวรนั่นล่ะ!!”

ดูเหมือนมาลาไกย์จะเข้าสู่โหมดการทำงานแล้ว จึงรีบร้อนคุยกับเยี่ยเทียนไม่กี่คำแล้วก็วางสายไป

จัดการเรื่องของต่งต้าจ้วงเรียบร้อยแล้ว เยี่ยเทียนก็โล่งอกขึ้นมาหลายส่วน ท่าทางน่าเวทนาของต่งเซิงไห่นั้น ทำให้ใจเขารับไม่ค่อยไหวจริงๆ

“แม่ครับ พวกแม่คุยกันเสร็จหรือยัง?”

พอกลับมาถึงเรือนหลังแล้ว เยี่ยเทียนก็พูดกับเฉินสี่ฉวนว่า “เดี๋ยวกับข้าวก็จะทำเสร็จแล้ว เรามาดื่มกันสักสองสามแก้วนะ ผมยังมีเหล้าเหมาไถที่ท่านผู้เฒ่าให้มาอีก เป็นของปี 82!”

“เจ้าเด็กคนนี้ ขนาดของพ่อตัวเองยังไม่เว้น!”

ซ่งเวยหลันมองลูกชายอย่างจะร้องไห้หรือหัวเราะก็ไม่ออก ความจริงเหล้าเหมาไถนั่นเป็นตัวเธอเอามาจากพ่อ ทีแรกตั้งใจจะให้สามี แต่กลับถูกลูกชายย้ายเอาไปเก็บในห้องตัวเอง

“ของของพ่อก็เป็นของของผมไม่ใช่เหรอ?” เยี่ยเทียนได้ยินแล้วก็หัวเราะออกมา ถามว่า “แล้วพวกแม่คุยกันเสร็จหรือยังล่ะ?”

เฉินสี่ฉวนพยักหน้า กล่าวว่า “เยี่ยเทียน คุยกันเรียบร้อยแล้วล่ะ คุณหญิงซ่งจะลงเงินทุนสองพันล้าน แบ่งหุ้นส่วนยี่สิบเปอร์เซนต์!”

“แม่ก็ ใจไม่ถึงเลย ยี่สิบเปอร์เซนต์ก็แค่หกพันล้าน ขายเปลี่ยนมือไปก็ได้กำไรแค่สี่พันล้านเนี่ยนะ?” เยี่ยเทียนมองหน้าแม่อย่างไม่ค่อยพอใจนัก ทีแรกเขาตั้งใจให้แม่ให้เงินทุนเฉินสี่ฉวนยืม

“เจ้าเด็กคนนี้ จะเอื้อเฟื้อมากไปได้ยังไงกัน?” ซ่งเวยหลันถลึงตามองลูกชาย หุ้นส่วนนี้ใช่ว่าเป็นเธอที่ต้องการซะเมื่อไหร่

“น่า ไม่เป็นไรหรอก เยี่ยเทียน ส่วนแบ่งนี่เป็นฉันยืนกรานเอง ถ้าคุณหญิงซ่งไม่ต้องการ เงินลงทุนนี้ฉันก็ไม่เอาเหมือนกัน!”

พอได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว เฉินสี่ฉวนก็รีบร้อนอธิบายไป ตอนนี้เขาแทบไม่มีหนทางไปแล้ว ขอเพียงซ่งเวยหลันรับปากยอมลงทุน ถึงต้องแบ่งสี่สิบเปอร์เซนต์เขาก็ยอม

“เอาเถอะครับ ผมไม่เข้าใจการทำธุรกิจ พวกคุณจัดการตามใจชอบก็แล้วกัน!”

เยี่ยเทียนส่ายหน้า ถามต่อว่า “จริงสิ ลุงเฉิน แล้วบริษัทใจคดที่ใช้วิธีกลั่นแกล้งบีบบังคับคนนั่น คือบริษัทอะไรครับ?”