ตอนที่ 938: การต่อสู้ของเมืองอัคนี (2)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 938: การต่อสู้ของเมืองอัคนี (2)

รองเจ้าเมืองของเมืองอัคนีกำลังนำกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีเพื่อไปต้อนรับแขกที่มาจากทุกที่ด้วยตัวเอง

คนที่ดีใจและตื่นเต้นที่สุดท่ามกลางแขกทุกคนคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากราชาของอาณาจักรเกอซุน เขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่ยากจะข่มเอาไว้ได้ในขณะที่เขามองไปที่กำแพงเมืองที่ยิ่งใหญ่และองค์กรหลากหลายที่อยู่ในจุดสูงสุดของทวีปเทียนหยวน เขาไม่เคยได้ยินแม้แต่ชื่อของหลายองค์กรในนี้ แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็ไม่ได้หายไปเลย

ที่มาความความยินดีนี้มาจากเรื่องที่ว่ารองเจ้าเมืองของเมืองที่มีค่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์เป็นลูกของเขาเอง โหยวเยว่

ทุกคนตกลงที่จะมารวมกันเพราะเรื่องที่โหยวเยว่ได้ตำแหน่ง ไม่มีใครคัดค้านเลย เมืองอัคนีเกิดขึ้นมาได้เพราะเจี้ยนเฉิน ในขณะที่โหยวเยว่เป็นคู่หมั้นของเจี้ยนเฉิน คนที่ใกล้ชิดกับเขามากที่สุด ทักษะด้านการจัดการของนางก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน และน่าประทับใจในทุกด้าน ดังนั้นนางจึงเหมาะสมที่สุดที่ได้ตำแหน่งนี้ไป

พูดได้ว่า นอกจากโหยวเยว่แล้ว ไม่มีใครที่เหมาะสมกับตำแหน่งรองเจ้าเมืองมากกว่านี้อีกแล้ว ความเป็นเอกลักษณ์และค่าของเมืองทำให้มันจะตกไปอยู่ในมือของคนนอกไม่ได้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม

แม้ว่าจะไม่มีใครรู้ว่าเจี้ยนเฉินอยู่ที่ไหนเพราะเรื่องพยัคฆ์ปีกเทวะ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความรุ่งโรจน์ของเมืองอัคนีมีมลทินเลย

เฉพาะกำลังแพงเมืองที่ทำมาจากทังสเตนทั้งหมดก็เทียบเท่ากับเมืองหลวงทั้งเจ็ดของทวีปเทียนหยวนที่มีมาอย่างยาวนานหลายปีแล้ว

“ตระกูลโบราณเทียนมู่มาถึงแล้ว..”

“ตระกูลโบราณโม่เกินมาถึงแล้ว..”

คนมากขึ้นเรื่อย ๆ มารวมตัวกันอยู่ในเมืองอัคนี เสียงดังชัดขึ้นมาจากคนเหล่านี้ที่มาจากองค์กรใหญ่ต่าง ๆ

เจียงหยางซูหยุนคงและไป๋ไฮนั่งอยู่ด้วยกันในปราสาทใหญ่ที่เป็นศูนย์กลางของเมืองในขณะที่พวกเขาพูดคุยกันพร้อมจิบสุราไปด้วย พวกเขาทั้งคู่ยิ้มไม่หุบและมองไปที่โถงที่ตกแต่งอย่างสวยงามเป็นครั้งคราว พวกเขาทำตัวกันตามสบาย

“ไม่คิดเลยว่าหลานของข้าจะกล้าหาญขนาดที่กล้าที่จะสร้างเมืองใหญ่ด้วยทังสเตน นี่มันเหลือเชื่อจริง ๆ ” เจียงหยาง ซู หยุนคง ถอนหายใจ เขามีความสุขมาก

รอยยิ้มอย่างมีความสุขก็ปรากฏขึ้นบนหน้าของไป๋ไฮด้วยเมื่อเขาได้ยินแบบนั้น “เด็กคนนี้ยอดมาก โดยเฉพาะพรสวรรค์ในการฝึกฝนของเขา นี่เป็นประวัติการณ์จริง ๆ เขาใช้เวลาน้อยกว่า 30 ปีในการที่ได้เป็นเซียนผู้คุมกฎ ความสำเร็จในอนาคตของเขาจะต้องเหนือกว่าที่พวกเราจินตนาการไว้แน่” ไป๋ไฮดูเหมือนจะคิดบางอย่างออกในขณะที่เขาพูดถึงตรงนี้และถอนหายใจออกมาเบา ๆ “น่าเสียดายที่เขาถูกดึงเข้าไปพัวพันกับเรื่องพยัคฆ์ปีกเทวะ ทั่วทั้งทวีปกำลังตามหาเขา เขาจึงซ่อนตัวอยู่ห่างไกลออกไปจากทวีป ซึ่งแม้แต่พวกเรายังไม่รู้ว่าเขาเจอกับอันครายอะไรหรือไม่ ทั้งหมดที่พวกเราหวังได้คือให้เขากลับมาอย่างปลอดภัย”

ความดีใจของเจียงหยาง ซู หยุนคง ค่อย ๆ หายไปเมื่อเขาได้ยินแบบนั้น เขาพูดพร้อมขมวดคิ้ว “เรื่องที่เกี่ยวกับพยัคฆ์ปีกเทวะเป็นปัญหาจริง ๆ มีหลายเรื่องที่เชื่อมโยงกับมัน เว้นเสียแต่ว่าเขาจะมีพลังพอที่จะต่อสู้กับตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบ ไม่เช่นนั้นเขาคงต้องยอมมอบพยัคฆ์ปีกเทวะไปถ้าเขาต้องการที่จะกลับมาที่ทวีป”

ไป๋ไฮและเจียงหยาง ซู หยุนคง ได้รู้จักกันและกันมานานแล้ว พวกเขาทั้งคู่เป็นปู่และตาของเจี้ยนเฉินถ้านับตามลำดับชั้นญาติ ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นสมาชิกของตระกูลเดียวกันกับเจี้ยนเฉินแม้ว่าพวกเขาจะมีอายุที่แตกต่างกัน

หมิงตง ตู่กูเฟิง เจ้าอ้วนน้อย และเถี่ยต้าทั้งหมดรวมกันอยู่ที่สวนในปราสาท

“หลายปีผ่านมาแล้ว ข้าอยากรู้จริงว่าเจี้ยนเฉินอยู่ที่ไหน แล้วเขาสบายดีหรือไม่” หมิงตงที่อยู่ในชุดขาวพึมพำออกมา

ไม่เพียงแต่ความแข็งแกร่งของหมิงตงจะเพิ่มขึ้นยากมากตลอดหลายปีที่เขาได้ฝึกฝนมานี้ ท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปโดยที่เขาไม่รู้ตัว เขาใจร้อนน้อยลงมากกว่าแต่ก่อน และดูเหมือนจะถ่อมตัวและเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเดิม

“อย่ากังวลไปเลย เขาต้องสบายดีแน่” เสียงเย็นชาดังออกมา เสียงนั้นคือตู่กูเฟิงที่แสนจะภูมิใจในตัวเอง เขาไม่แตกต่างจากเมื่อก่อนเลย

“วันนี้เป็นวันที่สำคัญที่เมืองอัคนีได้ก่อตั้งอย่างเป็นทางการ ในฐานะที่เป็นเมืองแรกในประวัติศาสตร์ที่สร้างมาจากทังสเตนทั้งหมด ข่าวนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งทวีปนานแล้ว เจี้ยนเฉินอาจจะไม่รู้เรื่องนี้ก็ได้ เจ้าคิดว่าเจี้ยนเฉินจะรีบกลับมาหรือเปล่า ? ” เจ้าอ้วนน้อย พูด เขาเต็มไปด้วยความตั้งหน้าตั้งตารอ

ปัญหาเรื่องความอ้วนของเขาก่อนหน้านี้ไม่มีให้เห็นแล้ว รูปร่างอ้วนท้วนแต่ก่อนของเขาได้หายไปอย่างสิ้นเชิง เขาหุ่นสมส่วนมากกว่าเดิม

พรสวรรค์ของเจ้าอ้วนน้อยนั้นยอดเยี่ยม ลุงเซียวปฏิเสธไม่ให้เขาเข้ามายุ่งเรื่องของทวีปเทียนหยวนและต้องการที่จะให้เขามีชีวิตอยู่อย่างสงบสุขเท่านั้น ความสามารถของเขาจึงยังถูกข่มเอาไว้ อย่างไรก็ตามในตอนนี้ เขาเริ่มที่จะฝึกฝนอย่างหนัก ความเร็วในการก้าวหน้าของเขานั้นยอดเยี่ยม แม้ว่ามันจะเปรียบเทียบไม่ได้กับเถี่ยต้า แต่มันก็ไม่ใช่ความเร็วที่คนธรรมดาจะทำได้เช่นกัน

“ในตอนที่เจี้ยนเฉินกลับมา ข้าอยากจะลองสู้กับเขาดูและดูว่าเขากับข้าใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน” เถี่ยต้านั่งอยู่ตรงนั้นเหมือนภูเขาในขณะที่เขาพูดออกมาด้วยเสียงนุ่มนวล ความตื่นเต้นเป็นประกายอยู่ในดวงตาของเขา

ในตอนนี้ เถี่ยต้าเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาพวกเขาทั้งหมด แม้แต่หมิงตงก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังกายของเขานั้นเยี่ยมมาก มันน่ากลัวกว่าของสัตว์อสูรเสียอีก

“เถี่ยต้า ถ้าเจ้าต้องการที่จะสู้กับเจี้ยนเฉิน เจ้าควรจะทุ่มเทและพยายามให้ได้เป็นเซียนผู้คุมกฎก่อน เจ้าอาจจะแข็งแรง แต่มันก็มีความแตกต่างในช่องว่างระหว่างเซียนผู้คุมกฎกับเซียนสวรรค์อยู่” หมิงตงหยอก

“ข้าไม่กลัว ในตอนนี้ ข้ารู้สึกว่าข้าสามารถที่จะสังหารเซียนผู้คุมธรรมดาได้ เมื่อเจี้ยนเฉินกลับมา ข้าจะลองดูและดูว่าความแตกต่างระหว่างพวกเราทั้งสองจะยังมีขนาดไหน ตอนที่พวกเราอยู่ที่สำนักคากัต ความแตกต่างนั้นมีไม่มากขนาดนี้ ข้าหวังว่าเจี้ยนเฉินคงจะไม่ล้ำหน้าไปไกล” เถี่ยต้ามั่นใจ เขาอดไม่ได้ที่จะคิดกลับไปตอนที่เขาอยู่ที่สำนักคากัตกับเจี้ยนเฉิน หลังจากนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างโง่งมออกมาบนใบหน้าที่ดูซื่อ ๆ ของเขาในขณะที่เขารำลึกถึงอดีต

..

ครึ่งวันต่อมา โหยวเยว่ก็ได้เวลาพักผ่อน นางยุ่งตลอดกับการต้อนรับแขก

นางกำลังนั่งอย่างอิดโรยโดยอยู่ในชุดสีฟ้าในขณะที่นางถูขมับของนาง ในฐานะที่เป็นรองเจ้าเมืองของเมืองอัคนี นางต้องออกไปต้อนรับคนหลายคนที่มาจากตระกูลสันโดษหรือแม้แต่ตระกูลโบราณด้วยตัวเอง นี่เป็นเหตุที่ว่าทำไมนางถึงได้เหนื่อยนัก

หลังจากที่ผ่านมาหลายปี โหยวเยว่ได้เปลี่ยนไปอย่างมากเช่นกัน นางในตอนนี้เป็นผู้ใหญ่มากกว่าแต่ก่อน ในขณะที่ที่ความงดงามของนางยังคงเป็นเสน่ห์เหมือนเดิม มันพอที่จะทำให้ใจของชายหลายคนเตลิดเปิดเปิง นางมีเป็นคนที่สูงส่งไม่อาจแตะต้องได้อยู่ลาง ๆ

นิสัยของนางก็เปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัวหลังจากที่ผ่านมาหลายปีหลังจากที่ได้จัดการและเป็นผู้รับผิดชอบกลุ่มทหารรับจ้างอัคนี

“พี่โหยวเยว่ เหลียนเอ๋อดีใจมาก วันที่เมืองอัคนีได้ผงาดขึ้นที่ทวีปเทียนหยวนได้มาถึงแล้วในที่สุด พวกเราตั้งตาตั้งตารอวันนี้มานานหลายปี และในที่สุดมันก็เป็นจริง” เสียงนุ่มนวลดังออกมา ไป๋เหลียนดูกระปรี้กระเปร่าอยู่ในชุดยาว

โหยวเยว่นั่งลงอย่างช้า ๆ แล้วพูด “ทุกคนที่มาในครั้งนี้ทุกคนทำให้ข้าประหลาดใจมาก แต่…” โหยวเยว่หยุดในขณะที่นางขมวดคิ้วเล็กน้อย

“พี่โหยวเยว่ แต่อะไรหรือ ? ” ไป๋เหลียนถามด้วยความอยากรู้ในขณะที่นางกระพริบตาโตของนาง

“แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง อยู่ดี ๆ ข้าก็รู้สึกไม่สบายใจ เหมือนว่ากำลังจะมีบางอย่างเลวร้ายเกิดขึ้น” โหยวเยว่พูดออกมา

ไป๋เหลียนจ้องออกไปอย่างเหม่อลอยในขณะที่นางครุ่นคิดเล็กน้อยพร้อมขมวดคิ้ว จากนั้นนางจึงพูด “พี่โหยวเยว่ เจ้าคิดมากไป ทุกคนที่อยู่บนทวีเทียนหยวนรู้ดีว่าพวกเรามีตระกูลผู้พิทักษ์คอยหนุนหลังกลุ่มทหารรับจ้างของพวกเราอยู่ ข้าค่อนข้างมั่นใจว่าจะไม่มีใครมาหาเรื่องหรอก”

“เจ้าพูดถูก แต่ข้าทำไมถึงยังปล่อยวางความไม่สบายใจนี้ออกไปไม่ได้ ? ” โหยวเยว่พึมพำในขณะที่นางคิด

ไป๋เหลียนกลอกตาและหัวเราะคิกคัก “พี่โหยวเยว่ เจ้าไม่ได้คิดถึงพี่ชายของข้าอยู่ใช่ไหม ? “

ใบหน้าของโหยวเยว่แดงในขณะที่นางแกล้งโกรธ “อย่าพูดเหลวไหลนะ…”

20 กิโลเมตรออกไปจากเมือง ได้มีกลุ่มใหญ่ปรากฏตัวขึ้นมาทันทีทันใดในตอนนี้ พวกเขามีจำนวนมากและหนาแน่นไปด้วยคนสุดลูกหูลูกตา พวกเขามีอย่างน้อยหลายล้าน พวกเขากำลังมุ่งหน้าอย่างรวดเร็วมาที่ทิศทางของเมืองอัคนีและมีท่าทีที่ก้าวร้าวและคุกคาม

มีคนมากกว่ายี่สิบคนที่อายุต่างกันที่อยู่หน้าสุดของกลุ่ม พวกเขาทั้งหมดเป็นสัตว์อสูรระดับ 5 ตัวใหญ่ ทุกคนดูธรรมดามากและไม่มีคลื่นพลังออกมาจากร่างกายของพวกเขาเลย พวกเขาดูเหมือนคนที่ยังไม่เคยผ่านการฝึกฝนมา

อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ยากที่จะสังเกตว่าพวกเขานั้นพิเศษเพียงใดถ้าสังเกตอย่างละเอียด ทุกการเคลื่อนไหวของทุกคนดูเหมือนจะซ่อนกฎของธรรมชาติเอาไว้อยู่อย่างอธิบายไม่ได้ เหมือนว่าพวกเขากำลังใช้พลังธรรมชาติ

พวกเขาทั้งหมดเป็นเซียนผู้คุมกฎเป็นอย่างน้อย

ที่กึ่งกลางของพวกเขาทั้งหมดมีชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะมีอายุ 20 ปี ใบหน้าของเขาเย็นชา ในขณะที่มีรอยเหยียดหยาม จิตสังหารไหลออกมาจากเขาอย่างไม่หยุด เขาคือไป่เจี้ยน

“องค์ชายไป่เจี้ยน มีจอมยุทธนับไม่ถ้วนได้รวมกันอยู่ที่เมืองอัคนีในตอนนี้ ท่านมั่นใจว่าพวกเขาจะไม่ช่วยกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีถ้าพวกเราโจมตีเข้าไปในตอนนี้ใช่หรือไม่ ? ” ชายชราข้างข้างไป่เจี้ยนถามเสียงทุ้ม เขาเครียดมาก

“อย่ากังวลไปเลย ข้าได้รับแจ้งอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากตระกูลผู้พิทักษ์แล้ว เว้นเสีแต่ว่าพวกตระกูลสันโดษหรือตระกูลโบราณไม่ต้องการที่จะอยู่บนทวีปอีกแล้ว พวกนั้นก็คงไม่ขัดคำสั่งจากตระกูลผู้พิทักษ์หรอก” ไป่เจี้ยนเย้ย เขาไม่ละสายตาไปจากเมืองที่ยิ่งใหญ่เลยในขณะที่เขากำลังพูด เขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

“เมืองอัคนีเป็นเมืองแรกที่สร้างมากจากทังสเตนทั้งหมดบนทวีป หึ หึ หึ ช่างสิ้นเปลืองอะไรแบบนี้ เจี้ยนเฉิน ข้าจะยึดเมืองทังสเตนนี้ที่เจ้าใช้เวลาและคนนับไม่ถ้วนในการสร้างขึ้นมาในขณะที่คนทั้งทวีปเป็นผู้ชม นี่เป็นผลลัพธ์ที่เจ้าเอาคนรักของข้าไป” จิตสังหารและความเกลียดชังในใจของไป่เจี้ยนได้พุ่งจนถึงขีดสุด เขากำหมัดแน่นจนเล็บของเขาจิกลึกเข้าไปในผิวหนังของเขา