ภาคที่ 38 เจ้าดินแดนเสวี่ยอิง ตอนที่ 62.1 เจ้าดินแดน (ตอนอวสาน 2) (1)

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

และที่อีกด้านหนึ่ง

‘เหล่าบรรพชน’ ในบรรดาสิ่งมีชีวิตคละถิ่นโดยกำเนิดมิได้มีอยู่เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น พวกเขาต่างก็สังเกตการณ์ดูการห้ำหั่นระหว่าง ‘ศิลา’ ผู้แกร่งกล้าใต้บังคับบัญชาของเขากับตงป๋อเสวี่ยอิง แต่ผลลัพธ์กลับทำให้พวกเขาตกตะลึง

“ตายอย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้เลยหรือ”

“คนที่ชื่อว่าจ้าวหิมะเหินผู้นี้ พลังยุทธ์ที่ระเบิดออกมาในตอนท้ายสุดก็เป็นคละถิ่นระดับโลกาขั้นสมบูรณ์แล้ว”

“เขาเป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นกำเนิดใหม่อย่างนั้นหรือ”

บรรดาบรรพชนเหล่านี้แต่ละคนติดต่อระหว่างกันขึ้นมา

การตายของศิลาสำหรับกลุ่มสิ่งมีชีวิตคละถิ่นโดยกำเนิดที่ใหญ่มหึมาแล้วมิอาจนับเป็นอะไรได้เลย ในประวัติศาสตร์ ‘ท่านบรรพชน’ ในหมู่พวกเขาก็ดับสูญไปเป็นจำนวนมากพอสมควรแล้ว ท่านบรรพชนทุกท่านล้วนมีความสำคัญมากกว่าสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับโลกาเหล่านี้มากมายมหาศาลนัก

“จ้าวหิมะเหินผู้นี้ บรรลุกำเนิดใหม่ ตอนนี้ก็สามารถระเบิดพลังยุทธ์คละถิ่นระดับโลกาขั้นสมบูรณ์ออกมาได้ การสั่งสมก่อนหน้านี้ของเขาลึกล้ำเหลือเกิน แม้กระทั่ง ’หยวน’ และคนอื่นๆ ในตอนนั้น ข้าเองก็ไม่เคยเห็นผู้ที่สั่งสมอย่างแน่นหนาถึงเพียงนี้มาก่อนเลย แม้แต่คละถิ่นระดับโลกาขั้นสมบูรณ์ การบรรลุไปถึง ‘เจ้าดินแดน’ ก็ยังยากเย็นยิ่งนัก แต่ว่าข้ารู้สึกว่าความเป็นไปได้ที่จ้าวหิมะเหินผู้นี้จะสำเร็จเป็นเจ้าดินแดนนั้นก็ยังคงมากมายอยู่ดี!”

“ถูกต้อง มีความเป็นไปได้อย่างมากที่เขาจะสำเร็จเป็นเจ้าดินแดนท่านที่เก้า”

เหล่าบรรพชนกลุ่มนี้ต่างก็มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

ถึงแม้ว่า ‘เจ้าดินแดน’ ในบรรดาผู้บำเพ็ญจะมีอยู่น้อยมาก เพียงแค่แปดท่านเท่านั้น! แต่กลับเป็นร่างสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างไร้ข้อกังขาในมิติคละถิ่นอันเวิ้งว้างไร้ขีดจำกัด! นับตั้งแต่ห้ำหั่นกับพวกเขามาจนถึงตอนนี้ พวกเขาเหล่าบรรพชนในบรรดาสิ่งมีชีวิตคละถิ่นโดยกำเนิดก็ดับสูญกันไปเป็นจำนวนมากแล้ว แต่ ‘เจ้าดินแดน’ ของผู้บำเพ็ญกลับไม่เคยดับสูญไปเลยแม้แต่คนเดียว

ที่มิติคละถิ่นไร้ขีดจำกัด สิ่งมีชีวิตที่น่าหวาดหวั่นจำนวนมากล้วนเป็นที่รู้จักกันทั่ว

เจ้าดินแดนก็เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดานั้น!

เจ้าดินแดนผู้หนึ่ง… ก็มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าท่านบรรพชนสิบท่านเลย

“จะปล่อยให้พัฒนาไปอีกไม่ได้ ต้องเสาะหาโอกาสผลาญทำลายโลกกำเนิดของเขาโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด กำจัดเขาเสีย!”

“ดี”

“ข้าก็เห็นด้วย”

“ต้องทำโดยเร็วที่สุด!”

แต่ละคนติดต่อกันอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานก็เห็นพ้องต้องกันกับการตัดสินใจนี้

เพียงแต่ว่าแผนการที่วางเอาไว้เป็นอย่างดีก็ย่อมมิใช่เรื่องง่าย เรื่องพรรค์นี้จะต้องไม่ให้เจ้าดินแดนของผู้บำเพ็ญล่วงรู้เป็นอันขาด เมื่อใดที่เจ้าดินแดนปกป้องอย่างสุดความสามารถ การที่พวกเขาจะผลาญทำลายโลกกำเนิดที่มีเจ้าของแห่งหนึ่งก็ยากเย็นเกินไปแล้ว

******

ในมิติคละถิ่นอันเวิ้งว้าง

นักพรตฉื้อเฟิงบินมาถึงข้างกายตงป๋อเสวี่ยอิงแล้วเอ่ยว่า “ตอนนี้เจ้าไปถึงระดับขั้นสมบูรณ์ของคละถิ่นระดับโลกาแล้วอย่างนั้นหรือ”

“แค่พอถูไถกระมัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด ในห้วงสมองของเขามีเคล็ดลับใหม่ปรากฏขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อสำเร็จเคล็ดลับคละถิ่นระดับโลกาขั้นสมบูรณ์มากขึ้นเรื่อยๆ เขาก็ค่อยๆ ไม่มีข้อบกพร่อง นี่จึงจะนับได้ว่ามีคุณสมบัติเป็นคละถิ่นระดับโลกาขั้นสมบูรณ์! แน่นอนว่านับได้ว่าเคล็ดวิชาวิญญาณก็ยิ่งร้ายกาจแล้ว และนี่ยังเป็นเคล็ดลับของเขาเพียงคนเดียวอีกด้วย

“วันนี้จ้าวหิมะเหินเพิ่งบรรลุ เพิ่งสำเร็จเป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่น ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ช่างเหนือจินตนาการยิ่งนัก” สายตาที่นักพรตฉื้อเฟิงมองตงป๋อเสวี่ยอิงก็มีความเร่าร้อนอยู่บ้าง “ด้วยพรสวรรค์ของจ้าวหิมะเหิน ก็มีความหวังที่จะสำเร็จเป็นเจ้าดินแดนได้เลยทีเดียว”

ตงป๋อเสวี่ยอิงแย้มยิ้ม

อีกหนึ่งชั่วยามให้หลังตนก็จะสำเร็จเป็นเจ้าดินแดนแล้ว

“พวกเรากลับไปยังโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญก่อน” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดในทันใด เพราะว่าในทันใดนั้นเขาตระหนักรู้เคล็ดลับบำเพ็ญร่างกายศาสตร์หนึ่ง ก็เพียงพอที่จะยกระดับร่างกายไปถึงระดับขั้นสมบูรณ์ของคละถิ่นระดับโลกาแล้ว แต่การยกระดับนั้นก็จำเป็นจะต้องใช้ความสามารถที่มากพอ

“กลับโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญอย่างนั้นหรือ” นักพรตฉื้อเฟิงสงสัย แต่ก็ยังติดตามไปอย่างว่าง่าย

คนทั้งสองกลับไปอย่างรวดเร็ว

เจาะตรงเข้าไปภายในโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญ เริ่มต้นดูดซับพลังแห่งโลกาอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ร่างกายเข้าสู่การวิวัฒน์อย่างต่อเนื่อง ระยะเวลาเพียงแค่สิบกว่าอึดใจเท่านั้น ร่างกายก็ไปถึงขั้นสมบูรณ์ของคละถิ่นระดับโลกาแล้ว คิดอยากจะก้าวหน้าไปอีกอย่างนั้นหรือ นั่นก็จำเป็นต้องเหยียบย่างเข้าสู่ระดับเจ้าดินแดนแล้ว

สวบ

ตงป๋อเสวี่ยอิงเพิ่งจะบรรลุได้ไม่นานเท่าใด เงาร่างสายหนึ่งก็เจาะเข้าไปในโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญ ซึ่งก็คือบุรุษสามตาผมสีเงิน ‘เทียนหลางเค่อ’ นั่นเอง

“คารวะจ้าวหิมะเหิน ก่อนหน้านี้ได้เห็นจ้าวหิมะเหินสังหาร ‘ศิลา’ ก็นับถือเป็นอย่างยิ่งเลยทีเดียว” เทียนหลางเค่อร่อนลงมา รักษามารยาทเป็นอย่างยิ่ง เขาพินิจดูชายหนุ่มอาภรณ์ขาวตรงหน้าผู้นี้อย่างละเอียด กลิ่นอายร่างกายไม่ด้อยไปกว่าเขาเลยแม้แต่น้อย

“เขาเพียงแค่สังหารเข้ามาในตอนแรกเท่านั้น ต่อไปเกรงว่าจะยังมีศัตรูที่ร้ายกาจยิ่งกว่าเข้ามาอยู่อีก” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด

“พวกเราก็รออยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ” เทียนหลางเค่อมองตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มๆ

“ก็รออยู่ที่นี่เถิด” ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มีความมั่นใจในตนเอง

“ได้ ฟังจ้าวหิมะเหินก็แล้วกัน”

เทียนหลางเค่อ ตงป๋อเสวี่ยอิง และนักพรตฉื้อเฟิง ผู้แกร่งกล้าคละถิ่นสามท่านนี้ก็รอคอยอยู่ที่โลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญ พวกเขาต่างก็สามารถมองไปยังทิศทางของอุโมงค์ห้วงอากาศอันลึกล้ำก่อนหน้านี้ได้ แน่นอนว่าศัตรูกลุ่มใหม่ก็สามารถมาถึงที่บริเวณอื่นๆ ได้เช่นเดียวกัน

กาลเวลาไหลผ่านไม่หยุดหย่อน

ครึ่งชั่วยามค่อยๆ เคลื่อนผ่านไป

เทียนหลางเค่อมองดูตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่ข้างๆ อย่างประหลาดใจ ในตอนแรกตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังคงสังเกตการณ์อยู่ แต่ขณะนี้กลับนั่งขัดสมาธิลงมาในทันใด แล้วเริ่มหลับตารวบรวมสมาธิ

“กำลังบำเพ็ญอย่างนั้นหรือ” เทียนหลางเค่อสงสัยอยู่บ้าง

“เทียนหลางเค่อ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จ้าวหิมะเหินจะสังหารศิลา แต่ก็มองออกได้อย่างชัดเจนว่าเคล็ดวิชาของจ้าวหิมะเหินนั้นมีข้อบกพร่องอยู่มากมาย” นักพรตฉื้อเฟิงถ่ายเสียงพูด “เขาเพียงแค่ยกระดับกระบวนสังหารระยะประชิดไปถึงระดับขั้นสมบูรณ์เท่านั้น เคล็ดวิชาอื่นๆ ยังอ่อนแออยู่ทั้งสิ้น เป็นไปได้ว่าตอนนี้จ้าวหิมะเหินเกิดการตระหนักรู้ กำลังบำเพ็ญหยั่งรู้ เชื่อว่าจะต้องสามารถตระหนักรู้เคล็ดวิชาออกมาได้มากขึ้นอย่างแน่นอน”

เทียนหลางเค่อพยักหน้าพลางถ่ายเสียงอย่างเต็มไปด้วยอารมณ์ “สิ่งมีชีวิตคละถิ่นกำเนิดใหม่ก็ยกระดับไปถึงคละถิ่นระดับโลกาขั้นสมบูรณ์ได้ในทันที ช่างล้ำเลิศเสียจริง พลังยุทธ์ของเขาแข็งแกร่งขึ้นสักหน่อย เคล็ดวิชาสมบูรณ์แบบขึ้นอีกหน่อย อีกประเดี๋ยวเมื่อเผชิญกับศัตรูตัวฉกาจ… ก็จะยิ่งมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้นแล้ว”

“เหตุใดจึงยังไม่มาอีกเล่า” เทียนหลางเค่อประหลาดใจอยู่บ้างแล้ว “เผ่าพันธุ์สิ่งมีชีวิตคละถิ่นโดยกำเนิดพูดถึงจำนวนก็มีมากกว่าพวกเรามหาศาลนัก ผู้แกร่งกล้ากลุ่มที่สองก็ไม่ควรเนิ่นช้าถึงเพียงนี้จึงจะถูกต้องสิ”

“ปัง…”

ขณะนี้ในห้วงสมองของตงป๋อเสวี่ยอิงส่งเสียงระเบิด และในตอนท้ายที่สุด ความเร้นลับของกฎเกณฑ์มากมายก็ยังผสานรวมอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความเข้าใจของตงป๋อเสวี่ยอิงที่มีต่อกฎเกณฑ์ทวีความสูงส่งลึกล้ำมากยิ่งขึ้นด้วย

เขาลืมตาขึ้นในทันใด นัยน์ตาก็มีประกายจำนวนนับไม่ถ้วนกะพริบวาบ

“ประหลาดนัก”

ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูมิติคละถิ่นอันไร้ที่สิ้นสุด พลังคละวิถีที่เดิมทีปั่นป่วนโกลาหลอย่างไร้ซึ่งขอบเขตก็เปลี่ยนกลายเป็นเส้นด้ายเส้นแล้วเส้นเล่าท่ามกลางสายตาของเขา! เส้นด้ายเส้นแล้วเส้นเล่า…ก็คือพื้นฐานของทั้งพลังคละวิถีนี้ เส้นด้ายเหล่านี้ก็คือกฎเกณฑ์! หลังจากที่กฎเกณฑ์รวมตัวกันแล้วก็ย่อมวิวัฒน์เป็นพลังคละวิถีอันไร้ขอบเขตไร้ที่สิ้นสุด

มิติคละถิ่นอันไร้ที่สิ้นสุดนี้ยังมีอีกมากมายที่ทำให้เขาสับสน

อย่างเช่นโลกกำเนิดขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปแต่ละแห่ง ส่วนประกอบของโลกกำเนิดก็เร้นลับหาใดเปรียบเช่นเดียวกัน โลกกำเนิดทุกแห่งล้วนมีสิ่งมีชีวิตที่น่าอัศจรรย์ที่สุดในมิติคละถิ่นอันไร้ที่สิ้นสุดแห่งนี้

พวกมันฟูมฟักสรรพชีวิต

อย่างเช่นร่างกายสิ่งมีชีวิตคละถิ่นโดยกำเนิดจำนวนหนึ่ง…พวกมันถือกำเนิดขึ้นมาก็เป็นเช่นนี้แล้ว ร่างกายแฝงเอาไว้ด้วยกฎเกณฑ์มากมาย และยังมีบางส่วนที่แม้แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังดูไม่เข้าใจ

และอย่างเช่นภายใต้การโคจรของมิติคละถิ่นอันไร้ที่สิ้นสุดนี้ พลังอันแปลกประหลาดต่างๆ ที่เกิดขึ้น อย่างเช่นกาลมิติอันแปลกประหลาด หรืออย่างเช่นการสรรสร้างพิเศษ…

“ศัตรูจะมาแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยปากในทันใด

“หืม” นักพรตฉื้อเฟิงและเทียนหลางเค่อต่างก็ประหลาดใจ

นักพรตฉื้อเฟิงก็คือผู้ลาดตระเวนของเขตนี้ เขาเชี่ยวชาญในการจัดวางเวรยามของสถานที่หลายแห่ง สามารถสัมผัสได้ตลอดเวลา พูดถึงการรับสัมผัสการมาถึงของศัตรู นักพรตฉื้อเฟิง ผู้ลาดตระเวนผู้นี้ย่อมเป็นผู้ที่เฉียบคมที่สุดอยู่แล้ว

ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับยืดกายขึ้นแล้วเดินตรงออกไปด้านนอก ผนังของโลกทิพย์แห่งการบำเพ็ญเปิดออกเป็นทางเดินเส้นหนึ่ง ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เดินออกไป

นักพรตฉื้อเฟิงและเทียนหลางเค่อติดตามไปในทันที

พรึ่บ

“มากับข้า” ตงป๋อเสวี่ยอิงนำทางพวกเขาสองคนเหินทะยานหนีไป ความเร็วในตอนนี้รวดเร็วกว่าก่อนหน้านี้มากมายแล้ว พลังคละวิถีอันปั่นป่วนไร้ที่สิ้นสุดนี้ สำหรับเขาแล้วทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีระเบียบ เขาสามารถเคลื่อนที่ผ่านภายในนั้นได้อย่างง่ายดาย ทำให้ผลสกัดกั้นของพลังคละวิถีลดต่ำลงอย่างฉับพลัน

“ช่างรวดเร็วยิ่งนัก” เทียนหลางเค่อและนักพรตฉื้อเฟิงอับจนคำพูด

ทันใดนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงก็หยุดลง

“ก็อยู่ตรงหน้านี้แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงชี้ไปเบื้องหน้า ภายใต้การสังเกตการณ์ของเขา ก็มีเส้นด้ายเส้นแล้วเส้นเล่าพันธนาการห่อหุ้มสิ่งมีชีวิตคละถิ่นหกตนเอาไว้เข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว “ศัตรูมีอยู่ทั้งสิ้นหกตน”

“หกตนหรือ มากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ” เทียนหลางเค่อและนักพรตฉื้อเฟิงสงสัย

หลังจากระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่อึดใจผ่านไป

ภายใต้พลังคละวิถีหม่นทะมึนปั่นป่วนที่อยู่ไกลออกไป ร่างสิ่งมีชีวิตหกตนเคลื่อนออกมาจากในนั้น ร่างสิ่งมีชีวิตหกตนนี้ มีอยู่สองกลุ่มที่อยู่ในสภาพไอหมอก! หมอกดำกลุ่มหนึ่งแปรผันเลือนรางไม่เสถียร

บางทีก็เปลี่ยนเป็นรูปร่างของมนุษย์ผู้บำเพ็ญ บางทีก็เปลี่ยนเป็นรูปลักษณ์อื่นๆ นับร้อยนับพัน

ส่วนหมอกขาวก็แปรผันเลือนรางไม่เสถียรเช่นเดียวกัน เพียงแต่ว่าพื้นฐานพลังของพวกเขาสองคนกลับตรงกันข้ามกันโดยสิ้นเชิง

นอกจากไอหมอกสองกลุ่มแล้วยังมีงูใหญ่คดเคี้ยวสามตน งูใหญ่สามตนนี้กลับมีรูปร่างเหมือนกันทุกประการ เห็นได้ชัดว่าเป็นสายโลหิตชนิดเดียวกัน ส่วนตนสุดท้ายก็คือสัตว์ปีขนาดยักษ์ตนหนึ่ง บริเวณรอบๆ สัตว์ปีกเกิดเขตลวงออกมามากมาย

“อสรพิษไร้ขีดจำกัดมากันถึงสามตนเชียวหรือ ทั้งยังเป็นคละถิ่นระดับโลกาขั้นสมบูรณ์กันหมดเลยด้วยหรือนี่” เทียนหลางเค่อสีหน้าแปรเปลี่ยนในทันที “ขจัดภาพลวงล่องลอยหรือ ทั้งยังมีดำขาวพวกเขาสองคนด้วย จ้าวหิมะเหิน หนีเร็ว หนีเร็ว!!!”

เทียนหลางเค่อหนีไปในทันทีอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย

ถึงแม้ว่าร่างแยกพลังรบหลักตายไปแล้วจะไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิต แต่อาวุธและสิ่งอื่นๆ ของร่างแยกพลังรบหลักก็อาจจะไม่มีอีกต่อไปแล้ว เรื่องที่จะนำไปสู่ความตาย พวกเขาก็ย่อมไม่อยากทำอยู่แล้ว

“หนีทำไมหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงถ่ายเสียง “ข้ารู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นต้องหนีเลย”

“จ้าวหิมะเหิน เหล่าเจ้าดินแดนควบคุมวิถีอันเป็นนิรันดร์ พลังยุทธ์ก็ย่อมแข็งแกร่งเป็นธรรมดา เมื่อเทียบกับบรรพชนของบรรดาสิ่งมีชีวิตคละถิ่นโดยกำเนิดก็ยังมีความได้เปรียบ แต่พวกเราไม่เหมือนกัน พวกเราต่างก็เพียงแค่ขุดค้นพบศักยภาพของร่างกาย เมื่อเทียบกับสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับโลกาเหล่านี้แล้ว นอกเสียจากมีโลกกำเนิดที่มั่นที่เชี่ยวชาญการรักษาชีวิตแล้ว พลังรบซึ่งหน้ามิได้มีข้อได้เปรียบแต่อย่างใดเลย”

“นอกจากนี้ความเป็นมาของทั้งหกท่านนี้ก็ล้วนไม่ธรรมดาทั้งสิ้น อสรพิษไร้ขีดจำกัด… เป็นสายโลหิตที่แปลกประหลาดยิ่งนัก สายโลหิตเดียวกัน พลังยุทธ์เทียบเคียงกัน ก็สามารถผสานรวมร่างกายกันกลายเป็นอสรพิษสองหัว หรือแม้กระทั่งอสรพิษสามหัวได้ มากที่สุดก็สามารถผสานรวมกันได้เป็นอสรพิษเก้าหัว โชคดีที่สายโลหิตนี้มีตนที่ไปถึงคละถิ่นระดับโลกาขั้นสมบูรณ์ทั้งหมดเพียงแค่ห้าตนเท่านั้น คราวนี้ก็มามากถึงสามตน! พวกเขาสามตนร่วมมือกันขึ้นมา พลังยุทธ์ก็แข็งแกร่งกว่าข้าเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ยังเชี่ยวชาญการพันธนาการรัดเกี่ยวศัตรูเป็นที่สุด ถูกพวกเขาสามตนพัวพันเข้าข้าก็หนีไม่รอด สัตว์ปีกที่มีชื่อว่า ‘ฝูเสิน’ ตนนั้นเชี่ยวชาญเขตลวงเป็นที่สุด ดำขาวพวกเขาสองคนก็ยิ่งน่ากลัว พวกเขาสองคนร่วมมือกันก็ไม่ด้อยไปกว่าอสรพิษไร้ขีดจำกัดสามตนนั้นเลย หกท่านนี้รวมกันขึ้นมา… ก็สามารถปลิดชีพข้าได้อย่างง่ายดาย หรือแม้กระทั่งเจ้ากับข้าร่วมมือกัน ก็ไม่สามารถต้านทานเอาไว้ได้นานสักเท่าใดนักหรอก อย่าได้รนหาที่ตายเลยดีกว่า”

“รีบหนีเร็วเข้า”