บทที่ 822 ให้ข้าแสดงความเร็วของปีศาจกระทิงให้พวกเจ้าได้เห็น

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

“ข้ามาตามเจ้าไปร่วมงานเลี้ยงมื้อค่ำ”

หลินหรูซวนมาชวนหลิงตู้ฉิงถึงหน้าห้องด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์

เมื่อเห็นว่าหลินหรูซวนอยู่ในสภาวะอารมณ์ไม่ปกติ หลิงตู้ฉิงจึงยิ้มและพูดว่า “ไม่ใช่ว่าพวกเจ้ากำลังวางแผนพาข้าไปคุยเรื่องแต่งงานใช่ไหม?”

หลินหรูซวนเหลือบมองหลิงตู้ฉิงด้วยหางตา แต่นางก็ไม่ได้พูดอะไร

ทางด้านของหลิงตู้ฉิงรู้สึกได้เป็นอย่างดีว่าเด็กสาวผู้นี้ไม่มีความรู้สึกใด ๆ ให้กับเขาเลย ซึ่งมันทำให้เขาโล่งใจเป็นอย่างมาก

หลังจากนั้นไม่นาน หลิงตู้ฉิงก็ถูกพาตัวไปที่คฤหาสน์ของหลินเหวินปิง

หลังจากมาถึง หลินเหวินปิงแสดงท่าทีเป็นมิตรโดยการเริ่มทักทายหลิงตู้ฉิงก่อนว่า “หลานชาย เชิญนั่งก่อน ๆ”

หลิงตู้ฉิงตอบกลับทันทีด้วยสีหน้าจริงจัง “เจ้าควรจะเรียกข้าด้วยชื่อของข้า ไม่งั้นข้ารับประกันได้ว่าเจ้าจะต้องเสียใจในภายหลัง”

เขารู้ว่าหลินเหวินปิงเรียกเขาแบบนี้เพราะต้องการที่จะสนิทสนมกับเขา แต่ปัญหาก็คือเขามีศักดิ์เป็นบรรพบุรุษของหลินเหวินปิง!

เขาไม่สามารถให้ไอ้หนูนี่มาเรียกเขาแบบนี้ได้

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเหวินปิงรู้สึกอึ้งเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่คิดอะไรมากเพราะเขาคิดไปเองว่านี่มันอาจจะเป็นบุคลิกของพวกปรมาจารย์จิตรกรที่น่าจะถือตัวอยู่หน่อย ๆ ซึ่งเขาไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนหัวข้อการคุยไปเลย “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเป็นปรมาจารย์จิตรกรใช่ไหม? ว่าแต่เจ้ามาจากไหนกัน?”

หลิงตู้ฉิงยิ้ม “ถูกต้องข้าคือจิตรกร ส่วนข้ามาจากไหนนั้น ข้ามาจากสถานที่ที่ไกลมาก ๆ จากที่นี่ ข้าเดินทางมาจากอาณาเขตเซียนดับ”

“ว่ากันว่าอาณาเขตเซียนดับอยู่ห่างจากที่นี่ 20 กว่าอาณาเขต เจ้าเดินทางไกลขนาดนี้เจ้าไม่เจอกับปัญหาบ้างเลยเหรอไง?” หลินเหวินปิงถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย

อันที่จริงยังมีคำถามที่คาใจเขาอีกอย่างก็คือ การเดินทางถึง 20 กว่าอาณาเขตนั้นปกติแล้วกินเวลาเดินทางราว 60 ถึง 70 ปีขึ้นไป ซึ่งระยะเวลานานขนาดนี้กับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาที่มีอายุขัยแค่หลักร้อยปีมันถือว่าเป็นเรื่องใหญ่

นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่คนในตระกูลหลินไม่กล้าเดินทางออกไปบ่มเพาะที่อาณาเขตอื่นเพื่อพัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่งมากกว่านี้ เพราะการเดินทางไปกลับอาณาเขตที่แข็งแกร่งกว่านั้นต้องใช้เวลามากกว่า 100 ปี ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อพวกเขากลับมาทุกอย่างของที่นี่มันก็คงจะเปลี่ยนแปลงไปหมดแล้ว แถมพวกเขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาจะรอดตายจากการเดินทางระยะไกลที่มีแต่อันตรายกลับมาได้หรือเปล่า

“อย่าลืมสิว่าข้าเป็นปรมาจารย์จิตรกร!” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นด้วยท่าทางภาคภูมิใจ “และอีกอย่างข้ามีสัตว์วิเศษที่เดินทางได้เร็วเป็นอย่างมาก ดังนั้นข้าจึงใช้เวลาแค่ 10 ปีเท่านั้นเพื่อเดินทางมาถึงที่นี่”

“หืม? เจ้ามีสัตว์วิเศษด้วยงั้นเหรอ? ว่าแต่มันอยู่ที่ไหนกัน?” หลินหรูซวนถามขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ

“มันอยู่นี่ยังไงล่ะ!” หลิงตู้ฉิงหยิบม้วนภาพที่มีภาพวาดของปีศาจกระทิงอเวจีขึ้นมาคลี่ออกให้ทุกคนเห็น

เมื่อเขาอ้างว่าตัวเองเป็นปรมาจารย์จิตรกร ดังนั้นเขาจึงต้องแสดงว่าตัวเองมีภาพวาดเยอะหน่อยเพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัย!

หลินเหรินเจี๋ยเดาะลิ้นด้วยสีหน้าชื่นชมในวิธีการเดินทางของหลิงตู้ฉิง

ในเวลาเดียวกัน จู่ ๆ คนรับใช้ก็วิ่งเข้ามารายงานว่าถังจุนเหรินต้องการขอร่วมงานเลี้ยงด้วย

เนื่องจากถังจุนเหรินนั้นอยู่กับตระกูลหลินมานานและมีความสนิทสนมกับหลินหรูซวนเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่มีใครปฏิเสธไม่ให้เขาเข้าร่วม

เมื่อเห็นหน้าถังจุนเหริน หลินหรูซวนก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าดีขึ้นเล็กน้อย ถึงแม้ว่าภาพที่นางเห็นเมื่อตอนอยู่บนหอคอยเสียงสวรรค์มันจะยังหลอกหลอนนางและนางก็ตัดสินใจอะไรได้บางอย่างแล้ว แต่ด้วยความผูกพันที่นางชอบถังจุนเหรินมานาน นางจึงจำเป็นต้องใช้เวลามากกว่านี้ที่จะตัดเขาให้ขาดจริง ๆ

“ท่านลุง นี่มันก็นานแล้วที่ข้าไม่ได้เยี่ยมท่านเลย นี่มันเป็นสิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ จากข้าเพื่อแสดงความเคารพต่อท่าน!” ถังจุนเหรินหัวเราะ

เมื่อเขาได้ยินว่าหลิงตู้ฉิงได้รับเชิญมางานเลี้ยง ถังจุนเหรินก็รู้สึกร้อนรนในทันทีกลัวว่าแผนของเขาที่จะแต่งงานกับหลินหรูซวนจะผิดพลาด เขาจึงรีบตามมาที่นี่ทันที..

“โอ้! ข้าไม่นึกเลยว่าข้าจะได้เจอพี่อู๋ที่นี่!” ถังจุนเหรินยิ้ม “พี่อู๋ ท่านแสดงภาพวาดของท่านให้กับทุกคนดูงั้นเหรอ? สัตว์วิเศษที่อยู่ในภาพนี้ช่างดูน่าเกรงขามจริง ๆ ข้าอยากรู้จังว่ามันแข็งแกร่งแค่ไหน?”

หลินเหวินปิงยิ้มและพูดว่า “เจ้านั่งลงก่อนเถอะ หลานอู๋ เจ้าจะว่าอะไรไหมหากข้าอยากเห็นสัตว์วิเศษของเจ้าสักหน่อย?”

เมื่อได้ยินคำเรียกที่เป็นกันเองออกจากปากของหลินเหวินปิงที่มีต่อหลิงตู้ฉิง ถังจุนเหรินก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากยิ่งขึ้น แต่เขายังแสร้งหัวเราะกลบเกลื่อนและพูดว่า “ว่าแต่นี่มันคือสัตว์วิเศษอะไรงั้นเหรอ? แล้วมันขี่ได้รึเปล่า?”

“นี่คือปีศาจกระทิงอเวจี เจ้าไม่รู้จักมันงั้นเหรอ?” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย้ยหยัน

ยิ่งเขามองถังจุนเหรินมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกไม่ชอบไอ้เด็กคนนี้มากเท่านั้น เพราะเขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเด็กคนนี้เกลียดเขามากขึ้นเรื่อย ๆ

ส่วนเรื่องรู้จักปีศาจกระทิงอเวจีหรือไม่นั้น มันไม่แปลกเลยที่คนที่นี่จะไม่รู้จักเพราะพวกเขานั้นไม่ได้ต่างอะไรกับเหล่าผู้คนของอาณาจักรจันทราในอดีตที่ไม่เคยออกไปดูโลกกว้างเลย

เมื่อเห็นสีหน้าอยากรู้อยากเห็นของทุกคน หลิงตู้ฉิงจึงหัวเราะและพูดว่า “พวกเจ้าอยากดูมันใช่ไหม? ถึงแม้ว่าปีศาจกระทิงอเวจีตัวนี้จะอยู่ในขอบเขตรวมแสงดารา แต่ความเร็วในการเดินทางของมันนั้นจัดได้ว่าน่ามหัศจรรย์มากทีเดียว!”

หลินเหรินเจี๋ยรีบพูดขึ้นแทรก “พี่อู๋แสดงมันให้พวกเราดูเร็ว ๆ เถอะ!”

หลิงตู้ฉิงหัวเราะ จากนั้นเขาส่งพลังวิญญาณของตนเองเข้าไปในภาพวาดส่งผลให้ปีศาจกระทิงอเวจีที่อยู่ในภาพกระโดดออกมายืนอยู่ต่อหน้าทุกคน

หลิงตู้ฉิงกระโดดขึ้นไปนั่งบนหลังปีศาจกระทิงอเวจี และพูดกับหลินหรูซวนว่า “ซวน กระโดดขึ้นมา ข้าจะพาเจ้าขี่มันชมจันทร์!”

หลิงตู้ฉิงจงใจยั่วยุถังจุนเหรินโดยตรง

หลินหรูซวน เมื่อได้รับคำเชิญนางก็ลังเลไม่รู้ว่าจำตอบยังไงดี เพราะตอนนี้ถังจุนเหรินยืนมองนางตาไม่กระพริบ แต่แล้วก่อนที่นางจะได้ตอบอะไร หลิงตู้ฉิงกลับใช้พลังวิญญาณของเขาอุ้มตัวนางให้ลอยมานั่งบนหลังปีศาจกระทิง และบินหายไปจากสายตาของผู้คนทันทีด้วยความเร็วที่แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับหลุดพ้นสามัญยังต้องอ้าปากค้าง

ถังจุนเหรินตกตะลึงเป็นอย่างมาก จากนั้นเมื่อเขาได้สติ เขาจึงรีบตะโกนขึ้นว่า “ท่านลุง! น้องซวนถูกชายผู้นั้นพาตัวไปแล้ว! เร็วเข้าท่านรีบตามพวกเขาไปเร็ว ไม่เช่นนั้นน้องซวนอาจเกิดอันตรายได้”

หลินเหวินปิงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พลางคิดในใจ ทำไมข้าต้องบินตามพวกเขาไปด้วย? เป็นแบบนี้มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอไง?

“ไม่ต้องตื่นตระหนกไป มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก ฮ่าฮ่าฮ่า” หลินเหวินปิงหัวเราะ

ในเวลาเดียวกัน หลิงตู้ฉิงก็พาหลินหรูซวนมาถึงขอบเหวมรณะในไม่กี่อึดใจ

หลินหรูซวนรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมากกับความเร็วของปีศาจกระทิงอเวจี แต่เมื่อนางรู้ตัวว่านางถูกพาตัวมาไกลมากจากบ้าน นางก็ตะโกนลั่นทันที “นี่พวกเราอยู่ที่ไหนกันเนี่ย!? พาข้ากลับไปเดี๋ยวนี้นะ!”

หลิงตู้ฉิงกระโดดลงจากหลังปีศาจกระทิง จากนั้นเขาทอดสายตามองไปที่เหวมรณะและพูดว่า “นังหนู ตอนนี้มีคนกำลังคิดแผนการทำร้ายครอบครัวของเจ้าอยู่!”

เมื่อเห็นท่าทีการแสดงออกที่แปลกประหลาดของหลิงตู้ฉิง หลินหรูซวนรู้สึกตึงเครียดขึ้นมาทันที นางรีบกระโดดลงจากหลังของปีสาจกระทิงและถามว่า “เจ้าต้องการอะไร? เจ้าเป็นใครกัน? และทำไมเจ้าถึงอยากยุ่งเรื่องของตระกูลข้านัก?”

หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้วและถามกลับ “นี่เจ้าคิดว่าข้าคิดร้ายกับตระกูลเจ้างั้นเหรอ?”

“ก็จู่ ๆ เจ้าก็เข้ามาที่บ้านของข้าโดยที่ไม่ได้รับเชิญแบบนี้เจ้าจะให้ข้าคิดยังไง?” หลินหรูซวนพูดขึ้น “และข้าขอเตือนเจ้าเอาไว้เลยท่านปู่ของข้าคือผู้เชี่ยวชาญระดับนักบุญ หากเจ้าทำอะไรข้า เจ้าก็เตรียมตัวลาโลกนี้ได้เลย!”

หลิงตู้ฉิงหัวเราะพร้อมโบกมือปฏิเสธ “เจ้าไม่ต้องกลัวข้าหรอก ที่ข้ามาที่นี่ก็เพราะข้ามาช่วยตระกูลของเจ้า บรรพบุรุษของเจ้ากับข้าพวกเรารู้จักกันเป็นอย่างดี ในอดีตเมื่อนานมาแล้วเขาได้ฝากฝังตระกูลของเขาไว้ให้ข้าช่วยดูแล แถมเขายังเคยเอ่ยถึงหอคอยเสียงสวรรค์ให้ข้าฟังอีกต่างหาก แต่สิ่งที่ข้านึกไม่ถึงเลยก็คือเมื่อข้ามาถึงข้ากลับพบว่าตอนนี้ตระกูลของเจ้ากำลังมีปัญหาอยู่ แถมหอคอยเสียงสวรรค์ของพวกเจ้าก็มีอำนาจเหมือนที่ทุกคนเขาร่ำลือกันจริง ๆ!”

“ในเมื่อท่านรู้จักกับบรรพบุรุษข้าแล้วทำไมท่านถึงไม่ไปพบเขาโดยตรง?” หลินหรูซวนถามกลับ

หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “ก็ไม่ใช่ว่าหลินฉีเฮงตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”

เนื่องจากตอนที่เขาเข้าไปในห้องเก็บป้ายชื่อบรรพบุรุษของตระกูล เขาเห็นชื่อหลินฉีเฮงพอดี ซึ่งหลินฉีเฮงผู้นี้เป็นปู่ทวดของหลินหรูซวนโดยตรง ดังนั้นมันจึงง่ายกว่าที่เขาจะอ้างชื่อนี้ขึ้นมาให้หลินหรูซวนเชื่อเขาได้ง่ายขึ้น