เอียนชิงเฉิงในตอนนี้ เป็นผู้แข็งแกร่งแดนเทพคนหนึ่ง กวาดตามองไปทั่วโลก ก็ถือเป็นตัวตนที่มีอยู่เพียงน้อยนิด
หลังกลับมาถึงตระกูลเอียน เอียนหม่านชวนไม่ได้บอกว่าเรียกเอียนชิงเฉิงกลับมาทำไมแค่บอกว่าคิดถึงลูกสาวเท่านั้น
นั่นจึงทำให้เอียนชิงเฉิงรู้สึกสงสัยขึ้นมา จากความทรงจำในวัยเด็กของเธอ พ่อกับปู่ไม่เคยแสดงความรักใคร่ต่อเธอมาก่อน มีเพียงวางแผนเพื่อตระกูลเท่านั้น
แต่ว่า ตอนนี้พ่อกลับแสดงออกมาอย่างนั้น จึงทำให้เอียนชิงเฉิงอดที่จะสงสัยไม่ได้
หรือเป็นเพราะฝีมือของเราแข็งแกร่งขึ้น พ่อเลยอยากดึงตัวเรามาเข้าร่วม เลยอยากใช้ความสัมพันธ์ทางครอบครัวเพื่อทำให้เราใจอ่อน?
ถึงความสัมพันธ์ของเรากับคนในครอบครัวจะไม่ได้ดีอะไรมากมาย แต่ก็ไม่ถึงกับเย็นชาขนาดนั้น ถ้าตระกูลเดือดร้อน เราก็ต้องออกโรงอยู่แล้ว พ่อไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เลย
นอกจากว่าพวกเขาจะอยากขอให้ฉันช่วยทำอะไร?
ความคิดของเอียนชิงเฉิงแล่นไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็นึกถึงความเป็นไปได้มากมาย มีเพียงอันนี้ที่เอียนชิงเฉิงรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้มากที่สุด
แค่ไม่รู้ว่าพวกเขาจะให้เราทำอะไรเพื่อตระกูลเท่านั้น?
หลังเอียนหม่านชวนจากไป เอียนอานฉงผู้เป็นปู่ก็เข้ามาหาเอียนชิงเฉิง ปู่ที่ปกติเอาแต่ทำหน้าจริงจัง ตอนนี้กลับทำหน้ายิ้มแย้ม สายตาที่มองเอียนชิงเฉิงมีแต่ความกรุณา
พูดตามตรง เอียนชิงเฉิงรู้สึกไม่ชินเอาซะเลย พูดแบบเสียมารยาทเลย เอียนอานฉงในตอนนี้เหมือนพังพอนที่มาอวยพรไก่ในวันปีใหม่ ดูยังไงก็รู้ว่าไม่มีจุดประสงค์ที่ดี
แต่ว่า คำพูดแบบนี้ สำหรับคนที่เป็นหลานสาวไม่สามารถพูดออกไปได้
“นี่ชิงเฉิง แกออกจากบ้านไปก็นานมากแล้ว ได้ยินว่าแกได้อะไรดีๆ มาจากเฉินไต้ซือไม่น้อย ตอนนี้กลายเป็นนักบู๊คนหนึ่งแล้วสินะ!” เอียนอานฉงพูดไปยิ้มไป ดวงตาที่เต็มไปด้วยรอยย่นคู่นั้น กำลังส่องแสงอันชาญฉลาดออกมา
เอียนอานฉงโค้งคำนับ “อาจารย์มีความรู้ดั่งเทวดา การที่หนูอยู่กับเขาก็ต้องได้รับอะไรมากมายเป็นเรื่องธรรมดา ไม่รู้ว่าที่ปู่เรียกหนูกลับมาครั้งนี้มีเรื่องอะไรคะ?”
เอียนอานฉงยิ้มๆ เป็นรอยยิ้มที่มีเลศนัย “ที่เรียกแกกลับมา ก็ต้องเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้วแถมยังเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ด้วย แกสบายใจได้เลย”
พอเป็นเอียนอานฉงทำตัวแบบนี้ เอียนชิงเฉิงยิ่งเดาทางไม่ถูก
“เอาละ แกพักอยู่ที่บ้านสักสองวันก่อน ถึงตอนนั้นแกก็จะรู้เอง!” พูดจบ เอียนอานฉงก็มองดูเอียนชิงเฉิงอย่างลึกซึ้งด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
เอียนชิงเฉิงเห็นแล้วถึงกับขนลุก พอเอียนอานฉงออกไปแล้ว เอียนชิงเฉิงก็รีบถามซังซังว่า “เธอคิดว่าคุณปู่ดูแปลกไปบ้างมั้ย?”
ซังซังตอบ “ไม่ใช่ใช่แปลกไปบ้าง แต่แปลกมากๆ ค่ะ!”
คิ้วสวยๆ ของเอียนชิงเฉิงขมวดเป็นปม แล้วพูดด้วยความสงสัยว่า “มันเป็นเรื่องอะไรกันแน่? ทำไมปู่กับพ่อถึงทำหน้าน่าสงสัยแบบนั้น!”
“ช่างมันเถอะค่ำคุณหนู รอดูสถานการณ์ไปเงียบๆ ดีกว่า ด้วยฝีมือของคุณตอนนี้ ต่อให้พวกเขาคิดจะบังคับคุณให้ทำอะไรคุณก็สามารถต่อต้านได้อย่างเต็มที่ ไม่จำเป็นต้องเดาไปเดามาให้เปลืองสมองหรอกค่ะ” ซังซังผายมือ สื่อว่าช่วยอะไรไม่ได้
เอียนชิงเฉิงถอนหายใจ แล้วพูดออกมาว่า “ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นก็รอดูสถานการณ์ไปเงียบๆ”
เอียนชิงเฉิงพักอยู่ที่บ้านวันหนึ่ง วันที่สองเธอก็ถูกพ่อเรียกไปหา บอกว่าต้องไปพบแขกคนสำคัญคนหนึ่ง
เอียนชิงเฉิงคิดในใจ ในที่สุดก็มาแล้ว
ถึงตระกูลเอียนจะจัดอยู่ในตระกูลระดับสองของเมืองยานจิง เทียบกับสุดยอดตระกูลพวกนั้นไม่ได้ แต่ฝีมือของตระกูลเอียนก็เป็นของจริงอย่างไม่ต้องสงสัย ถ้าไม่ใช่เพราะอยู่ในเมืองหลวงยานจิงที่แฝงไปด้วยผู้มีพรสวรรค์ ด้วยฝีมือระดับตระกูลเอียนไม่ว่าไปอยู่ในมณฑลไหน ก็ถือเป็นตัวตนระดับสุดยอดทั้งนั้น
ดังนั้น คนของตระกูลเอียนก็ค่อนข้างภาคภูมิใจในตนเองอยู่พอสมควร
แต่ในวันนี้ เอียนชิงเฉิงเพิ่งสังเกตว่า ตระกูลเอียนกลับเตรียมพิธีต้อนรับอย่างใหญ่โตเพื่อต้อนรับแขกที่ลึกลับคนนี้
“คนที่มาเป็นใครกันแน่ ถึงจัดงานต้อนรับกันใหญ่โตขนาดนี้?” ระหว่างที่เดินไปห้องโถง เอียนชิงเฉิงก็ได้แต่สงสัยในใจ