ตระกูลตู๋กู ผู้นำตระกูลตู๋กูคนปัจจุบัน ตู๋กูอู๋ซวงโมโหสุดขีด เครื่องปั้นดินเผาที่ตั้งอยู่ในห้องโถงถูกโยนเต็มพื้น
ตู๋กูเยว่คุกเข่าอยู่ข้างๆ อย่างว่าง่าย มองดูผู้เป็นพ่อทำลายเครื่องปั้นดินเผาที่มีค่าพวกนั้นไปทีละชิ้น
“แกนี่มันหาเรื่องให้ฉันเก่งจริงๆ เลยนะ แกไปมีเรื่องกับใครก็ได้ ดันไปมีเรื่องกับเฉินไต้ซือที่ฆ่าคนไม่เลือกหน้านั่น แล้วต้องเสียผู้อาวุโสแดนเทพไปสองคนอย่างเปล่าประโยชน์ จนทำให้ตำแหน่งของตระกูลตู๋กูตกไปอยู่อันดับสุดท้ายของแปดตระกูลใหญ่”
“แกนี่มันสมควรตายจริงๆ!”
ตู๋กูอู๋ซวงด่าทอด้วยสีหน้าที่บึ้งตึง ถ้าตู๋กูเยว่ไม่ใช่ลูกชายของเขา เขาคงคิดที่ะฆ่าทิ้งไปแล้ว
ตู๋กูเยว่ก้มหน้าก้มตา แสดงพฤติกรรมของคนสำนึกผิดออกมาได้เป็นอย่างดี “พ่อครับตอนนั้นตระกูลหยูไม่ได้พูดอย่างชัดเจน ผมเองก็ไม่รู้ว่าคนคนนั้นจะเป็นเฉินไต้ซือ แต่เฉินไต้ซือนั่นก็หยิ่งผยองเหลือเกิน ตอนนั้นผมได้แสดงออกอย่างชัดเจนแล้วว่าจะถอย แต่เขายังบีบคั้นอย่างหนัก ผมไม่มีทางเลือกเลยต้องให้ผู้อาวุโสทั้งสองออกโรง”
“ที่สำคัญ ผมก็ไม่ได้จะให้ผู้อาวุโสทั้งสองสู้ตายกับเขาสักหน่อย แค่สู้กันผิวเผินแล้วรีบถอยกลับ ใครจะไปคิดว่าผู้อาวุโสทั้งสองแค่กระบวนท่าเดียวยังรับไม่ได้……”
ตู๋กูอู๋ซวงตวาดเสียงดัง “หุบปาก! ผู้แข็งแกร่งแดนเทพสิบกว่าคนยังถูกเขาคนเดียวฆ่าตาย แกคิดว่าแค่ผู้อาวุโสสองคนจะไหวมั้ย? แกควรถอยออกมาเลย ขอแค่ความแข็งแกร่งของตระกูลตู๋กูยังคงอยู่ ดูซิใครมันจะกล้าปากมาก!”
ตู๋กูเยว่รู้สึกเสียใจแล้ว เขาคิดว่าสิ่งที่พ่อของตนพูดมีเหตุผล ขอแค่ความแข็งแกร่งของตระกูลตู๋กูยังคงอยู่ ก็ไม่มีใครกล้าว่าอะไรตระกูลตู๋กูแล้ว
ตอนนี้ ตระกูลตู๋กูสูญเสียผู้อาวุโสแดนเทพไปสองคน กำลังรบลดลงอย่างมาก มีคนมากมายกล้าหัวเราะเยาะตระกูลตู๋กูแล้ว
ช่วยไม่ได้ โลกบู๊โบราณมันเป็นโลกที่ปลาใหญ่กินปลาเล็กอยู่แล้ว ขอแค่ความแข็งแกร่งของคุณลดลง มันก็มีคนมากมายพร้อมเข้ามาแทนที่
ตู๋กูเยว่สีหน้าหม่นหมอง หันมอง ตู๋กูอู๋ซวงอย่างกล้าๆ กลัวๆ “พ่อครับ เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว ต่อให้พ่อฆ่าผมไปก็ไม่สามารถทำให้ผู้อาวุโสทั้งสองฟื้นขึ้นมาได้ มาคิดหาวิธีกันเถอะครับว่าเราควรทำยังไงต่อดี!”
ดวงตาทั้งสองของตู๋กูอู๋ซวงมีแต่ความเคียดแค้น “ยังจะทำอะไรได้ เฉินไต้ซือฆ่าผู้อาวุโสของฉัน เหยียดหยามตระกูลของเราตอนนี้ทุกคนต่างรู้กันหมดแล้ว ถ้าเราไม่ไปคุยกับเฉินไต้ซือให้รู้เรื่อง ต่อไปตระกูลตู๋กูของเราคงไม่มีที่ยืนในโลกบู๊โบราณแล้ว”
ตู๋กูเยว่ถามไปด้วยความกังวล “แต่พ่อครับ ฝีมือของเฉินไต้ซือแข็งแกร่งมาก พ่อจะสู้อย่างเป็นตายกับเขาเหรอครับ?”
“แถมกำลังรบของเราตอนนี้ต่อให้จะฆ่าเฉินไต้ซือได้จริงๆ ก็ต้องสู้เสียอย่างหนัก ผลลัพธ์แบบนั้นต้องไม่ใช้แบบที่พ่ออยากเห็นแน่!”
ตู๋กูอู๋ซวงตอบกลับไปว่า “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ต่อให้ต้องรับมือกับเฉินไต้ซือ มันก็ไม่มีทางมีแค่ตระกูลตู๋กูของเราออกหน้าแน่นอน กองกำลังอื่นๆ ที่แค่นั่งมอง มันก็ไม่ใช่อะไรที่เราอยากเห็นเหมือนกัน”
“ในครั้งนี้ ฉันจะลากตระกูลใหญ่ที่เหลือลงน้ำไปด้วย ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเฉินไต้ซือจะสามารถต่อกรกับแปดตระกูลใหญ่ได้ด้วยตนเอง!”
ตู๋กูเยว่พูดประจบไปว่า “พ่อช่างหลักแหลมจริงๆ ครับ!”
ในตอนนี้ อู่โจว ทะเลสาบกลับคืนรัง
เอียนชิงเฉิงที่กำลังฝึกวิชาใหม่ก็ได้รับสายจากผู้เป็นพ่ออย่างกะทันหัน บอกเธอไม่ว่ายังไงก็ต้องกลับยานจิงรอบหนึ่ง
ในสายไม่ได้บอกรายละเอียดอะไร แต่น้ำเสียงของเอียนหม่านชวนค่อนข้างร้อนรน เอียนชิงเฉิงกลัวจะเกิดเรื่องกับที่บ้าน จึงรับปากว่าจะกลับไป
เอียนชิงเฉิงบอกเรื่องนี้แค่กับเฉินซงจื่อ คิดว่าคงกลับไปไม่นาน ไม่จำเป็นต้องไปรายงานเฉินโม่
ว่าแล้ว เอียนชิงเฉิงก็พาซังซังกลับยานจิงไป
พอมาคิดดูดีๆ เอียนชิงเฉิงกลับยานจิงไปก็หลายวันแล้ว แต่เอียนชิงเฉิงในตอนนี้พัฒนาขึ้นมากแล้ว โชคชะของเธอได้อยู่ในมือของเธอเองแล้ว