การโจมตีของผู้แข็งแกร่งแดนเทพสองคนนั้นไม่ธรรมดา ทุกคนต่างถูกพลังอันรุนแรงดันถอยหลังไปหลายก้าว
เฉินกั๋วเหลียงพอเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นก็ตกใจจนตาค้าง เขาไม่เขาคิดมาก่อนว่า การฝึกวิชาจะแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้
หลังจากที่ตกตะลึง เฉินกั๋วเหลียงก็ทำหน้าตื่นเต้น เพราะตอนนี้เขาเริ่มฝึกวิชาแล้ว ถ้าอย่างนั้นในสักวัน เขาก็สามารถกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งแบบนี้ได้
หยูเปียวมองดูการโจมตีจากผู้อาวุโสทั้งสองของตระกูลตู๋กูที่อยู่บนฟ้า ในใจคาดหวังอย่างมาก ตอนนี้เขาอยู่แดนของขวัญขั้นสูงสุดในสักวันหนึ่ง สักวันเขาก็สามารถกลายเป็นผู้แข็งแกร่งระดับนี้ได้
เฉินโม่มองดูการโจมตีของทั้งคู่ ยังคงไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ยิ้มออกมาเล็กน้อยเหยียบไปด้านหน้าหนึ่งก้าว แล้วซัดกำปั้นออกไปหนึ่งหมัด
หมัดเทพเทียนเสวียนกระบวนท่าที่สาม ปรับฟ้าดิน!
พละกำลังอันมหาศาลราวกับภูเขาที่สูงชั้น ทับลงมาจากบนฟ้า ผู้อาวุโสทั้งสองที่ก่อนหน้านี้ยังทำเป็นเก่ง ถูกหมัดของเฉินโม่กระแทกลงพื้นทันที การโจมีทั้งสองที่รุนแรงก่อนหน้านี้ เหมือนเป็นเพียงภาพลวงตา หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ทุกคนต่างพากันอ้าปากค้าง มองดูภาพที่เกิดขึ้นด้วยความตะลึง
“ของปลอมใช่มั้ย!”
นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนคิดอยู่ในใจ พวกเขาคิดว่าบทสรุปนี้เป็นของปลอม การโจมตีจากผู้แข็งแกร่งแดนเทพทั้งสองเป็นของปลอมทุกสิ่งทุกอย่างต่างเป็นของปลอม
ไม่อย่างนั้นการโจมตีที่รุนแรงขนาดนั้นจะถูกชายหนุ่มคนหนึ่งทำลายอย่างง่ายดายได้ยังไง แถมผู้อาวุโสทั้งสองยังถูกกระแทกลงพื้น จนหมดสติไป?
ถ้าเป็นเมื่อก่อน ฝีมือของเฉินโม่ไม่มีทางเอาชนะการโจมตีประสานของผู้แข็งแกร่งแดนเทพสองคนได้ แต่ถึงการบรรลุของเฉินโม่ครั้งก่อนจะไม่สมบูรณ์ แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าบรรลุสำเร็จ ตอนนี้จึงเป็นชั้นเก้าแดนรวมพลังอย่างแท้จริง
ชั้นเก้าแดนรวมพลังเป็นขั้นสูงสุดของแดนรวมพลัง แข็งแกร่งกว่าชั้นแปดแดนรวมพลังหลายเท่า ขั้นต่อไปก็คือแดนยาทอง
การเผชิญหน้ากับนักบู๊แดนเทพแปรพลังสองคน จึงเป็นเพียงเรื่องปะติ๋ว
แต่เฉินโม่ก็ตั้งใจทำแบบนี้ จุดประสงค์ของเขาก็เพื่อต้องการให้คนของโลกบู๊โบราณตกตะลึง ต่อให้การทำแบบนี้มันจะค่อนข้างสิ้นเปลืองพลังบำเพ็ญ แต่ก็ต้องทำให้เด็ดขาด
มีเพียงแบบนี้ จึงจะสามารถกำราบคนในโลกบู๊โบราณได้
แต่ว่า ผู้อาวุโสสองคนนี้ดวงไม่ค่อยดี ต้องกลายเป็นไก่ที่ถูกเฉินโม่เชือดให้ลิงดู
ตู๋กูเยว่ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว สีหน้าที่มองเฉินโม่มีแต่ความไม่อยากจะเชื่อ แต่ผู้แข็งแกร่งแดนเทพสองคนที่นอนอยู่บนพื้นบ่งบอกว่าทุกอย่างมันเป็นความจริง
“คุณฆ่าพวกเขาแล้วเหรอ?” ตู๋กูเยว่ด้วยความหวาดหวั่น
เฉินโม่ไม่ได้ตอบ แต่กลับสบถออกมาด้วยความรำคาญว่า “ไสหัวไป!”
เดิมทีตู๋กูเยว่ยังอยากใช้การบุกโจมตีของผู้อาวุโสทั้งสองเป็นข้ออ้างในการถอย แต่กลับผิดแผนอย่างกะทันหัน และเสียผู้อาวุโสแดนเทพไปสองคนโดยใช่เหตุ
แบบนี้ จะทำให้ความแข็งแกร่งของตระกูลตู๋กู กลายเป็นอันดับสุดท้ายขอแปดตระกูลใหญ่
แต่ว่า ตู๋กูเยว่กลับไม่กล้าแก้แค้น ไม่อย่างนั้นแม้แต่เขาก็น่าจะตายอยู่ที่นี่
คนอื่นต่างให้เกียรติตระกูลตู๋กูของเขา แต่เฉินโม่กลับไม่ให้แม้แต่น้อย
ตู๋กูเยว่ไม่พูดพร่ำทำเพลง หมุนตัวแล้วพาลูกน้องที่เหลือจากไป ความแค้นครั้งนี้ ตระกูลตู๋กูจำไว้แล้ว
พอเห็นตู๋กูเยว่พาคนจากไป หยูเปียวสีหน้าหม่นหมอง จากการที่ผู้อาวุโสแดนเทพสองคนที่ถูกเฉินโม่เล่นงานจนตายในครั้งเดียวเขาก็คาดเดาถึงจุดจบของตัวเองได้แล้ว
หยูเปียวจ้องมองเฉินโม่ แล้วโค้งคำนับอย่างกะทันหัน “เฉินไต้ซือร้ายกาจสมคำร่ำลือ ผมขอยอมแพ้ และพร้อมรับโทษ! เพียงแต่ขอเฉินไต้ซือโปรดจงเมตตา ช่วยปล่อยลูกชายของผมและคนที่เหลือไปด้วย!”
หยูเปียวชี้ไปยังลูกน้องพวกนั้นของเขาแล้วพูดออกมา
“พ่อครับ!” หยูจุนโม่ทำอะไรไม่ถูกจนร้องไห้ออกมา
เฉินโม่สีหน้าเรียบเฉย จ้องมองหยูเปียว แล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ทุกอย่างคุณเป็นเลือกที่จะทำเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับคนอื่นครั้งก่อนที่ปู่ของผมเมตตาใจอ่อน ตอนนั้นผมเคยพูดไปแล้วว่าถ้าคุณตกมาอยู่ในมือผมอีก คุณมีแต่ต้องตายสถานเดียว!”