ตู๋กูเยว่คำราม “สามหาว!”

“เฉินไต้ซือ ผมไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมคุณถึงทำแบบนี้? คุณคิดจะมีปัญหากับทั้งโลกบู๊โบราณรึไง?”

เฉินโม่สีหน้าเรียบเฉย ดูดน้ำเสียงที่เยาะเย้ยว่า “แนวทางการปฏิบัติในชีวิตผม ทำไมต้องไปอธิบายให้คุณด้วย!”

เฉินกั๋วเหลียงที่ยืนดูอยู่ข้างๆ ตื่นเต้นสุดขีด พร้อมตะโกนออกมาว่า “เยี่ยม สมแล้วที่เป็นบุตรหลานของตระกูลเฉิน เสี่ยวโม่เจ๋งไปเลย!”

ตู๋กูเยว่แอบกำหมัด จ้องมองเฉินโม่ด้วยสีหน้าที่ดุร้าย กัดฟันแล้วพูดไปว่า “เฉินไต้ซือคุณเป็นคนบังคับผมเองนะ!”

“ผู้อาวุโสทั้งสอง รบกวนช่วยจัดการด้วยครับ!” ตู๋กูเยว่โค้งคำนับให้ผู้อาวุโสทั้งสองที่อยู่ด้านหลังแล้วพูดออกมา

“คุณชายไม่ต้องห่วง เจ้าหนูนี่สามหาวขนาดนี้ ผมรู้สึกหมั่นไส้นานแล้ว ไม่สนหรอกว่าจะเป็นเฉินไต้ซือหรือหลี่ไต้ซือ ลำพังแค่อายุของเขา จะมีฝีมือสักแค่ไหนเชียว?” ด้านหลังตู๋กูเยว่ ชายชราที่ใส่ชุดดำพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ สายตาที่มองเฉินโม่ ก็มีแต่ความเหยียดหยาม

สิ่งที่ตู๋กูเยว่รู้เกี่ยวกับเฉินโม่ มีมากกว่าผู้อาวุโสเหล่านี้ ผู้แข็งแกร่งแดนเทพสิบกว่าคนยังถูกเฉินโม่ฟันตายในกระบี่เดียว ผู้แข็งแกร่งแดนเทพทั้งสองที่อยู่ด้านหลังเขา ดูแล้วก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากมาย

ที่เขาสั่งให้ลงมือ ก็เพื่อต้องการรักษาหน้าของตระกูลตู๋กูไว้ เมื่อไหร่ที่ทั้งสองพ่ายแพ้ ตู๋กูเยว่ก็จะอ้างว่าสู้ไม่ได้ทันที แล้วพาคนถอยกลับ

ถึงตอนนั้นไม่ว่าใครก็ว่าอะไรไม่ได้ เทียบกับการไม่รักษาสัจจะ การไม่สู้แล้วหนีมีดูดีหว่าเยอะ

“ผู้อาวุโสโม่ ระวังตัวด้วยนะครับ ถ้าสู้ไม่ได้ให้รีบถอยทันที ห้ามฝืนสู้เด็ดขาด!” ตู๋กูเยว่กำชับออกมา

แต่น่าเสียดายที่ผู้อาวุโสโม่ไม่เข้าใจความหวังดีของตู๋กูเยว่แม้แต่น้อย นึกว่าตู๋กูเยว่แค่เป็นห่วงความปลอดภัยของเขา ในใจรู้สึกซาบซึ้ง ตัดสินใจจะสู้เพื่อตู๋กูเยว่หยดสุดท้าย

ถ้าให้ตู๋กูเยว่รู้ถึงความคิดในใจของผู้อาวุโสโม่ เกรงว่าคงต้องเครียดจนกระอักเลือดแน่

ผู้อาวุโสทั้งสองของตระกูลตู๋กูเดินหน้าสองก้าว จ้องมองเฉินโม่อย่างไม่พอใจ

ผู้อาวุโสโม่พูดขึ้นว่า “เฉินไต้ซือ ได้ยินชื่อเสียงมานาน วันนี้ได้โปรดชี้แนะด้วย!”

เฉินโม่ไม่มีอารมณ์มามากความ ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว แล้วพูดด้วยความรำคาญว่า “พวกคุณสองคนเข้ามาพร้อมกันเลยแต่พวกคุณมีโอกาสโจมตีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น!”

“สามหาว!” ผู้อาวุโสทั้งสองคำรามออกมาพร้อมกัน ผู้อาวุโสโม่พูดขึ้นมาว่า “เจ้าหนู แกคงอยู่โลกนี้จนเบื่อแล้วสินะ แสดงให้ฉันเห็นหน่อยสิว่าแกมีดีอะไรถึงกล้ามาพูดกับพวกเราแบบนี้!”

พวกเขาเป็นถึงผู้แข็งแกร่งแดนเทพผู้สูงส่ง ต่อให้เป็นผู้นำตระกูลของตระกูลตู๋กู ยังต้องมีมารยาทแล้วมีมารยาทอีก แต่เฉินโม่กลับทำตัวไร้มารยาท แล้วจะให้พวกเขาทนไหวได้ยังไง?”

“รับหมัด!”

ผู้อาวุโสสองคนโจมตีพร้อมกัน แถมยังโจมตีตอนที่โมโหสุดขีด แน่นอนว่าไม่มีการออมแรง ต้องการสังหารเฉินโม่ในครั้งเดียว

ผู้แข็งแกร่งแดนเทพสองคนโจมตีพร้อมกัน อานุภาพไม่ธรรมดา พลังงานฟ้าดินในลานบ้านตระกูลเฉิน ถูกผู้แข็งแกร่งแดนเทพทั้งสองควบคุม

หยูเปียวชี่ทิพย์ธรรมชาติรอบตัวถูกดูดไปอย่างกะทันหัน รู้สึกตะลึงกับพลังอำนาจที่ผู้แข็งแกร่งแดนเทพแสดงออกมาอย่างถึงที่สุด

เฉินกั๋วเหลียงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงพูดด้วยความประหลาดใจว่า “น่าแปลก ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าไม่สามารถดูดซับชี่ทิพย์ที่อยู่รอบตัวได้นะ?”

“เสี่ยวโม่ แกต้องระวังตัวหน่อยนะ เหมือนสองคนนี้จะร้ายกาจไม่เบา!” เฉินกั๋วเหลียงรู้สึกเป็นห่วงความปลอดภัยของเฉินโม่จึงพูดเตือนสติไป

“คุณปู่ไม่ต้องเป็นห่วง ถึงสองคนนี้จะพอมีฝีมืออยู่บ้าง แต่ถ้าเทียบกับหลานชายของปู่แล้ว มันยังห่างชั้นกันมาก!” เฉินโม่พูดไปยิ้มไป ดูผ่อนคลาย ไม่ได้เห็นการโจมตีที่ราวกับจะสามารถทำลายฟ้าดินนั่นอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย

เฉินโม่แค่พูดไปเฉยๆ แต่คนฟังมันไม่คิดแบบนั้นนะ! คำพูดนั้นมันไม่ได้หมายความว่าทั้งสองเทียบหลานชายของเฉินกั๋วเหลียงไม่ได้รึไง?

หน้าตาของเฉินกั๋วเหลียงดูแก่กว่าผู้อาวุโสสองคนนั้น แต่ความจริงแล้วอายุยังไม่ได้มากกว่าผู้อาวุโสทั้งสองนั่น คำพูดของฉินโม่ ทำเอาผู้อาวุโสทั้งสองต่ำลงถึงสองรุ่น!

“เจ้าหนู ไปตายซะ!”

ผู้อาวุโสโม่คำรามออกมา หมัดที่ชกออกมาสุดกำลัง เหมืองดวงอาทิตย์เล็กๆ ดวงหนึ่ง ซัดไปที่หัวของเฉินโม่