เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1310
คนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น นั่นก็คือซิงยวน ที่ไม่กี่วันก่อน ถูกอู่คงหลิงแนะนำให้ไป เป็นลูกน้องของฉางเจี๋ย!
เดิมทีซิงยวนคิดว่าการที่ตนเองได้ออกมาจากสำนักหัวใจปีศาจแล้วย้ายไปสู่สำนักวิญญาณม่วงนั้น เป็นการก้าวกระโดดครั้งสำคัญ
เมื่อฉางเจี๋ยหน้าผีได้พบเห็นพลังความสามารถของเขาแล้ว ก็ชื่นชมเขาอย่างมาก และนับถือเรียกขานกันเป็นพี่น้อง
แต่ใครจะคาดคิดได้ว่า หลังจากนั้นไม่กี่วัน เขาก็ได้นำพาหายนะมา
องครักษ์เกราะทองกลุ่มนั้น ที่มีความแข็งแกร่งอย่างน่ากลัว โดยเฉพาะผู้นำองครักษ์เกราะทองคนนั้น ที่แข็งแกร่งอย่างที่สุด ขนาดนักบู๊ปราณฟ้า ก็ยังไม่สามารถต้านทานกระบวนท่าของเขาได้ กอปรกับนักบู๊จากตระกูลหลู่ ทำให้ทุกคนที่ฉางเจี๋ยหน้าผีได้นำพามานั้น ถูกกวาดล้างสังหารลงไปจนหมด
โชคดีที่เขามีวิทยายุทธแกร่งกล้า มีวิชาที่หนักแน่น จึงสามารถหลบหนีเอาตัวรอดไปได้
เวลานี้ได้หลบหนีมาถึงที่นี่ ในที่สุดก็สามารถสลัดหนีการไล่ตามของพวกทหารได้แล้ว แต่เขากลับรู้สึกว่าตนเองนั้นใกล้จะหมดสิ้นลมหายใจแล้ว
จนถึงเวลานี้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจได้แล้วว่า ที่จริงแล้วตนเองนั้นถูกอู่คงหลิงหลอกลวงเข้าให้แล้ว
“ช่างเป็นผู้หญิงที่เจ้าเล่ห์เหลี่ยมจัดเสียจริง”
ซิงยวนแอบก่นด่าขึ้น โดยเขานึกว่าตนเองนั้นเป็นคนที่เจ้าเล่ห์แกมโกง และมีจิตใจที่โหดเหี้ยมอำมหิต ต่อให้เขาเข้าสู่วิถีปีศาจ ก็คงจะเป็นผู้โดดเด่นล้ำเลิศเช่นกัน
แต่เมื่อเข้าสู่วิถีปีศาจไม่นาน ก็ไม่นึกว่าจะประสบภัยพิบัติแบบนี้ได้ และยังจะถูกผู้หญิงคนหนึ่งหลอกด้วย ช่างอับอายเสียหน้ายิ่งนัก!
เรื่องนี้เป็นบทเรียนล้ำค่าสำหรับเขา หากคิดที่จะดำเนินชีวิตอยู่ท่ามกลางผู้ฝึกชั่วร้าย เขายังจะต้องมีเล่ห์เหลี่ยมให้มากขึ้น และแข็งแกร่งให้มากขึ้นด้วย
ซิงยวนหอบหายใจอย่างหนัก และใช้แรงกำลังทั้งหมดคืบคลานไปที่ข้างคฤหาสน์ พร้อมกับยื่นมือออกมาเพื่อจะผลักประตูของคฤหาสน์ให้เปิดออก
แต่น่าเสียดายที่ คฤหาสน์หลังนี้ ยากที่จะเปิดได้ ไม่ว่าเขาจะออกแรงผลักแค่ไหน ก็ไม่สามารถเปิดประตูออกได้
ซิงยวนรู้สึกว่ามือของตนเองนั้นไม่สามารถเคลื่อนไหวได้แล้ว จึงตัดสินใจใช้ศีรษะกระแทกไปที่ประตู ให้เกิดเสียงดังตึ่ง ๆ
พูดไปก็น่าแปลกเหมือนกัน เขาใช้ศีรษะกระแทกไปที่ประตู โดยกระแทกเพียงไม่กี่ครั้ง ประตูก็เปิดออกแล้ว
จากนั้น ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น เหมือนจะมีคนกำลังเดินมา
ซิงยวนใช้แรงกำลังทั้งหมดเพื่อมองดู ก็เห็นว่ามีชายชราหลายคนยืนอยู่ที่เบื้องหน้าของเขา จากนั้นก็ได้ยินพวกชายชราเหล่านั้นวิพากษณ์วิจารณ์กันว่า: “เอ๊ะ นี่คือใครกัน ไม่นึกว่าจะมาถึงที่นี่ได้ หรือว่าฐานปฏิบัติการของพวกเราจะถูกเปิดเผยแล้ว? ”
“คือนักบู๊ อืม เหมือนจะมีวิทยายุทธที่ไม่เลวด้วย บาดแผลนี้ โอ้ว เป็นฝีมือของพวกองครักษ์เกราะทองในตำหนัก เหอะเหอะ ไอ้หนุ่มนี้ น่าจะเป็นผู้ฝึกชั่วร้ายล่ะสิ! ”
“ผู้ฝึกชั่วร้ายอ่า งั้นก็ไม่ต้องเกรงใจแล้ว พอดีเลยพวกเรายังขาดร่างหลอมอีกไม่น้อย จัดการหลอมร่างเขาเลยก็แล้วกัน”
“เฮ้ย อย่าสิ้นเปลืองเด็ดขาด ขอฉันตรวจดูให้ละเอียดหน่อย เอ๊ะ ไอ้หนุ่มนี้เหมือนจะเพิ่งรอดพ้นความตายมาได้ ไอ้หย่า วิทยายุทธไม่เลวจริง ๆ ด้วย เป็นร่างหลอมชั้นเยี่ยมเลย ไอ้หก แผนการหุ่นเชิดไร้เทียมทานนั่นของนาย ฉันว่าสามารถลงมือทำการได้แล้ว! ”
“จริงหรือเท็จกันแน่ ให้ฉันดูหน่อย อืม เป็นร่างหลอมชั้นเยี่ยมจริงด้วย คิดอยากได้สิ่งใดสิ่งนั้นก็มาจริงด้วย พระเจ้า ท่านทำดีให้กับพวกเราแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน พี่ห้า ฉันว่าน่าจะลองดูได้”
“อืม อย่างนั้นก็ลองดูเถอะ! ”
เมื่อพูดจบ ชายชรากี่คนนั้นก็ลากตัวซิงยวนเข้ามาด้านในของคฤหาสน์
ซิงยวนที่กำลังสับสนงุนงง เมื่อได้ยินเสียงของพวกชายชรากี่คนนั้นแล้ว ก็ดิ้นรนอย่างสุดกำลัง เพื่อต้องการจะหลบหนี
เพียงแค่คำว่าร่างหลอมสองคำนั้น ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วน เกิดความหวาดกลัวแล้ว ทันใดนั้นซิงยวนก็พลันรับรู้แล้วว่าตนเองได้ประสบพบกับคนกลุ่มไหน
พวกคนเหล่านี้ น่าจะเป็นผู้ฝึกชี่เบ็ดเตล็ด เป็นคนที่ศึกษาค้นคว้าวิชาหลากหลายประเภทอย่างมั่วซั่วไปหมด
ผู้ฝึกชี่ประเภทนี้ ไม่ชอบที่จะกลั่นยา แต่มักจะชอบศึกษาค้นคว้าด้านสัตว์อสูร หุ่นเชิดจำพวกนี้
โดยเฉพาะวิถีหุ่นเชิด ที่ทำให้เกิดผู้ฝึกชี่บ้าคลั่งจำนวนมากมาย ซึ่งเรียกขานกันว่า ผู้ควบหุ่นเชิด!
พวกเขาน่ากลัว เหนือกว่าผู้ฝึกชี่มารในผู้ฝึกชั่วร้าย โดยผู้ฝึกชี่มารก็แค่อาศัยร่างคนตายทำเป็นหุ่นเชิด หนักหนาไปกว่านั้น ก็แค่ฆ่าคนให้ตายลง จากนั้นก็นำมาทำเป็นหุ่นเชิด
แต่พวกผู้ควบหุ่นเชิดนี้ ใช้คนที่ยังมีชีวิตมาทำการทดลองค้นคว้า หลังจากที่กลายเป็นหุ่นเชิดแล้ว ยังจะสามารถเก็บรักษาจิตสำนึกเดิมเอาไว้ได้
สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว การกระทำแบบนี้ถือเป็นเรื่องที่ทรมาน มากกว่าฆ่าพวกเขาทิ้งเสียอีก
แต่ผู้ควบหุ่นเชิดไม่สนใจสิ่งเหล่านี้หรอก วัตถุประสงค์เพียงอย่างเดียวของพวกเขา ก็คือหลอมหุ่นเชิดที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา หรือหุ่นเชิดไร้เทียมทาน
การดิ้นรนของซิงยวน ได้หยุดลงอย่างกะทันหัน
ผู้ฝึกชี่คนหนึ่งใช้มือตีไปที่ร่างของเขา ทันใดนั้นเขาก็ถูกผนึกเอาไว้แล้ว
นี่คือการผนึกที่สมบูรณ์แบบ พลังฟ้าดินหลอมรวมเข้าด้วยกันเป็นหนึ่ง อย่างไม่รั่วไหล โดยภายในประกอบด้วยต้าเต๋าเทียมฟ้า
ขณะนั้น ซิงยวนก็ตกใจจนพูดอะไรไม่ออก
อริยปราชญ์ฟ้าดิน!
คิดไม่ถึงว่าชายชราผู้นี้จะเป็นอริยปราชญ์ฟ้าดินในจำนวนของผู้ฝึกชี่ ควบคุมฟ้าดิน ได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด!
ขณะนี้ ซิงยวนถึงกับสูญสิ้นพลังตอบโต้ทั้งหมดอย่างสิ้นเชิงแล้ว และถูกชายชรากี่คนนั้นลากตัวไปอย่างยิ้มแย้ม
ประตูใหญ่ค่อย ๆ ปิดลง มีเพียงแต่เสียงโอดครวญสุดท้ายของซิงยวนที่แผ่วเบา เล็ดลอดออกมาจากซอกประตู
จากนั้น เสียงที่แผ่วเบา ก็ถูกสายลมพัดพา สูญหายไปในชั้นฟ้าดิน