ลูกปัดหินดูธรรมดาอย่างมาก ตราประทับหินก็ดูเหมือนไม่มีอะไรพิเศษ
มีแต่คนที่โดดเด่นในขั้นเขตแดนเทพศักดิ์สิทธิ์จึงจะสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าพวกมันมีพลังที่รุนแรงซึ่งสามารถสร้างความปั่นป่วนให้กับโลกได้บรรจุอยู่ภายใน
นับตั้งแต่เขาลอบเข้าไปในสวนโจวเมื่อปีนั้น ตราประทับหินนี้ก็มัดติดเอวเขาตลอดมา ดังนั้นเขาจึงมีประสบการณ์ในเรื่องนี้อย่างมาก ส่งผลให้เขาสามารถระบุได้ว่าสวนโจวได้ตกอยู่ในมือของเฉินฉางเซิง ทว่าขาไม่อาจเข้าใจได้ชั่วขณะหนึ่งว่าเฉินฉางเซิงสามารถใช้ลูกปัดหินด้วยระดับการบำเพ็ญเพียรในตอนนี้ได้อย่างไร
สุดท้ายแล้วด้วยระดับการบำเพ็ญเพียรของเขา เขาก็ยังต้องใช้ตราประทับหินด้วยความระมัดระวัง แล้วเฉินฉางเซิงใช้มันได้อย่างไร
ลูกปัดหินอีกสามเม็ดบินผ่านความมืดมา
พายุเกิดขึ้นบนภาพทิวทัศน์บนหน้าราชามาร ทำให้มันดูเปลี่ยวร้างเย็นเยียบ
แค่ใช้ความคิด ตราประทับหินก็เปลี่ยนตำแหน่งบนท้องฟ้าราตรีไปด้วยความละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง สายลมพัดมาจากที่ใดไม่ทราบ
ราชามารแผ่ปราณที่ลึกดั่งความมืด แต่ก็เปลี่ยนเป็นสว่างเจิดจ้าอย่างรวดเร็วจนดูเหมือนศักดิ์สิทธิ์
ตำแหน่งของตราประทับและการเปลี่ยนแปลงในปราณของเขาตกลงบนลูกปัดหินทั้งสี่ นี่เป็นการตอบสนองและยังเป็นการตั้งคำถาม การสื่อสาร
ปราณบ้าคลั่งจากลูกปัดทั้งสามค่อยๆ สงบลง
ลูกปัดหินกับตราประทับหินลอยอยู่บนท้องฟ้าราตรี สะท้อนแสงดาววาววับดูเหมือนกับดวงดาวจริงๆ
พวกมันตั้งประจันหน้ากัน ตำแหน่งดูเหมือนจะไม่เปลี่ยนแปลงชั่วนิรันดร์ ดูเหมือนกับแผนที่ดวงดาว
เป็นแบบนี้ได้ด้วยหรือ เฉินฉางเซิงตะลึงไปกับภาพนี้ เขารู้สึกว่าลมที่พัดผ่านใบหน้าเย็นกว่าเดิมมาก เย็นไปถึงกระดูก
“หลายปีก่อน ข้าได้ทำความเข้าใจความรู้อันน่าทึ่งของลำดับดวงดาวจากการศึกษาแผนที่ดวงดาวในสุสานเทียนซู ข้าไม่คิดเลยว่าต้องผ่านไปนานกว่าพันปีถึงจะมีโอกาสได้ใช้มันเป็นครั้งแรก”
เมื่อเขาคิดไปถึงเรื่องเก่าพวกนี้ แม้แต่ราชามารก็ยังสะเทือนอารมณ์ เขามองดูลูกปัดหินกับไข่มุกในราตรีราวกับกำลังมองไปในอนาคต
แผ่นป้ายอนุสรณ์คัมภีร์สวรรค์ที่เฉินฉางเซิงได้มาจากสวนโจวย่อมเป็นกระบวนท่าสุดท้ายที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ตอนนี้มันได้ถูกหยุดลงแล้ว ในไม่ช้าราชามารจะดื่มเลือดแท้ของเฉินฉางเซิง และด้วยการมีแผ่นป้ายอนุสรณ์คัมภีร์สวรรค์มากมาย อาการบาดเจ็บที่ยืดเยื้อมานานนับพันปีก็จะหายดีในเวลาแค่วันเดียว ถึงกับมีโอกาสที่จะทะลวงผ่านด้วย
จากนั้นเขาก็จะกลับไปเมืองเสวี่ยเหล่าและสังหารพวกทรยศให้หมด ขับลูกทรพีลงสู่เหวนรก และนั่งบนบัลลังก์อีกครั้ง เขาจะนำกองทัพลงใต้ ผ่านเมืองเทียนเหลียงเข้าสู่จิงตู ทำลายหลีซานเดินทัพจนถึงทะเลใต้ ในที่สุดก็สามารถรวมต้าลู่เป็นหนึ่ง จากนั้นก็สร้างเรือใหญ่มากมายนับไม่ถ้วน ข้ามทะเลตะวันออก ขึ้นบกที่ดินแดนต้าซีและกลายเป็นนายที่แท้จริงของโลกใบนี้!
ในที่สุด…เขาก็จะเป็นผู้นำสามเผ่าพันธุ์เดินทางอย่างยิ่งใหญ่ไปกวาดล้างดินแดนเซิ่นกวงและทำสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ได้สำเร็จ!
ภาพเหตุการณ์นับไม่ถ้วนฉายขึ้นบนดวงตาของราชามาร กลิ่นอายกดขี่ค่อยๆ ฉายออกมารอบกาย ริมฝีปากยกขึ้น มีความสุขอย่างที่สุด
เขาโบกแขนเสื้อในความมืด ปัดกระบี่หลายสิบเล่มสุดท้ายให้ตกพื้นอย่างง่ายดาย
ในตอนนี้ เขาคิดว่าเขาจะเห็นบทสรุปที่ต้องการ แต่เขาไม่คาดคิดว่าที่ได้เห็นกลับเป็นดวงตาคู่หนึ่ง
มันคือดวงตาของเฉินฉางเซิง กระจ่างใสและเยือกเย็น จริงจังและมั่นคง ไม่มีความสิ้นหวัง ไม่แม้แต่ความรู้สึกพ่ายแพ้อยู่ในดวงตา
เฉินฉางเซิงไม่ได้อยู่ในจุดที่เดิมเพื่อรอรับความพ่ายแพ้ นับจากตอนที่เขาโจมตี เขาก็ได้โดดขึ้นจากพื้น พุ่งเข้าหาราชามาร
ด้านหลังกระบี่สามพันเล่มที่พุ่งมาก็คือแผ่นป้ายอนุสรณ์คัมภีร์สวรรค์และด้านหลังแผ่นป้ายอนุสรณ์คัมภีร์สวรรค์ก็คือตัวเขาเอง แทนที่จะเป็นกระบี่ เขาถือจดหมายฉบับหนึ่ง
มีรอยฉีกขาดบนจดหมายนั่น
เมื่อเห็นจดหมายนี้ ดวงตาของราชามารก็หรี่ลง ความรู้สึกระวังตัวอย่างรุนแรงผุดขึ้นมาในดวงตา
ความแข็งแกร่งของเขาในคืนนี้ห่างจากจุดสูงสุดมาก เขาย่อมไม่ใช่ไร้ผู้ต้าน แต่เขาก็ยังแข็งแกร่งมาก โดยเฉพาะในแง่ของการบำเพ็ญเพียรและการรับรู้ ที่เขาอยู่ในจุดสูงสุดของโลกตลอดมา
มีไม่กี่คนที่สามารถกระตุ้นสัมผัสถึงอันตรายตามสัญชาตญาณของเขาได้
มีคนหนึ่งที่ดินแดนต้าซี
มีสองคนที่เมืองไป๋ตี้
จิงตูเหลือแค่คนเดียวเท่านั้น
แล้วจดหมายนี้มาจากไหน ใครเป็นคนเขียน
……
……
จดหมายที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกก็คือจดหมายที่มหาบัณฑิตทงกู่ซือของเผ่ามารเขียนตอบสังฆราชเมื่อนานจนนับปีไม่ถ้วนมาแล้ว คนที่ฉลาดที่สุดในโลกมองข้ามทะเลเลือดและความแค้นระหว่างมนุษย์กับมารและปรึกษาเรื่องปัญหาสำคัญในจดหมายของพวกเขาซึ่งจดหมายเหล่านั้นได้เปิดเผยให้โลกได้อ่าน
ทั้งสภาผู้อาวุโสในเมืองเสวี่ยเหล่ากับราชสำนักในจิงตูต่างก็เป็นกังวลอย่างมากในความสัมพันธ์นี้และต้องการที่จะห้ามแต่ก็ไม่กล้าทำ เพราะสถานะของคนทั้งสองสูงเกินไป ในตอนนั้นยังไม่มีราชวงศ์ต้าโจว แต่ลัทธิเต๋ามีนิกายหลวงแล้วและสังฆราชก็มีอำนาจและเกียรติยศสูงส่งอย่างมาก ทงกู่ซือเป็นอาจารย์ของทายาทราชามารหลายรุ่น มีสถานะที่ไม่อาจท้าทายได้เช่นกัน
หลังจากจดหมายพวกนั้น จดหมายที่โด่งดังที่สุดก็คือการประกาศโทษเทียนไห่ที่กระจายไปทั่วโลกหลังเหตุนองเลือดในสำนักฝึกหลวงเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน
หลังจากจดหมายประกาศโทษนั้น ก็อาจนับจดหมายที่ราชสกุลเฉินและนิกายหลวงที่หัวโบราณเขียนถึงผู้คนบนโลกใบนี้
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จดหมายที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกก็คือจดหมายที่ซูหลีทิ้งไว้ในโลกก่อนที่จะนำเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์เดินทางไปยังดินแดนอื่น จดหมายฉบับหนึ่งได้สังหารผู้อาวุโสพรรคไร้รักไปคนหนึ่งและทำให้อีกหลายคนบาดเจ็บสาหัส ในขณะที่ทำลายค่ายกลใหญ่ของพรรคไป ทำลายช่องทางลับเพื่อหลบหนี จดหมายอีกฉบับหนึ่งตัดแขนจูลั่วในสวนหมื่นหลิวนอกเมืองฮั่นชิว จดหมายฉบับหนึ่งส่งไปสำนักฝึกหลวงถ่ายทอดเจตจำนงกระบี่ให้เฉินฉางเซิง ขับไล่อู๋ฉยงปี้แห่งแปดมรสุม แล้วยังทำการต่อสู้กับกระบี่ไม้หงส์น้อยของจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่บนท้องฟ้าราตรีเหนือจิงตู
นอกจากซูหลีที่เขียนจดหมาย สวีโหย่วหรงที่ส่งจดหมาย กับคนไม่กี่คนในสำนักฝึกหลวง ไม่มีใครรู้ว่าซูหลีได้ทิ้งจดหมายบนโลกนี้สี่ฉบับ
จดหมายสี่ฉบับถูกเปิดและใช้ไปแล้ว แต่ยังมีจดหมายอีกฉบับที่ยังอยู่ในอกเสื้อของเฉินฉางเซิงอยู่ตลอดเวลา
เขาไม่ได้ใช้มันในสุสานเทียนซู เพราะเขาไม่รู้ว่าจะเลือกฝ่ายไหนดีระหว่างจักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์เทียนไห่กับสังฆราช และต่อให้เขาใช้ออก มันก็ไม่อาจที่จะเปลี่ยนสถานการณ์ได้ เขาไม่ได้ใช้มันเพื่อฆ่าโจวทงเพราะเขามีความมั่นใจ และจดหมายนี้ก็มีความสำคัญและพิเศษเกินไป ดังนั้นจึงเป็นการสิ้นเปลืองหากใช้กับโจวทง ครั้งเดียวที่เขาเกือบใช้จดหมายก็คือตอนที่หลินกงกงเข้ามาในสำนักฝึกหลวงด้วยความตั้งใจที่จะฆ่าเขา และก็ยังคืนนั้น…ตอนที่อาจารย์ของเขาซางสิงโจวได้เดินทางผ่านหิมะมาหาเขา
คืนนี้ ศัตรูของเขาไม่ใช่คนธรรมดาแต่เป็นราชามาร
เมื่อเผชิญหน้ากับตำนาน ผู้เป็นตำนาน เฉินฉางเซิงไม่คิดฝันว่าจะสามารถหนีไปได้เพราะโชคช่วย เขาเลือกอย่างไม่ลังเลที่จะใช้กระบวนท่าทั้งหมดที่มี
กระบี่จากสวนโจว แผ่นป้ายอนุสรณ์คัมภีร์สวรรค์จากสุสานเทียนซู และจดหมายจากซูหลี
จดหมายนี้ระเบิดออกในทันทีเมื่อเจตจำนงกระบี่พุ่งออกมาและม้วนขึ้นสู่ดวงดาว
แสงดาวแตกกระจายและเจตจำนงกระบี่กลายเป็นของจริง แทงตรงไปที่ราชามาร
เสียงฉีกขาดเบาๆ ดังขึ้นในความมืด
เสมือนน้ำถูกตัดขาด เมฆถูกหยุด ท้องฟ้าถูกแบ่งเป็นสองส่วน
ทิวทัศน์พวกนั้นถูกแยกออก
โลกถูกแยกออก
ความมืดถูกแยกออก
ชั้นหมอกที่คลุมใบหน้าราชามารมานานนับไม่ถ้วนถูกตัดผ่าอย่างรุนแรงด้วยความแข็งแกร่งของเจตจำนงกระบี่
ใบหน้าที่แท้จริงเผยสู่โลก
เขาพลันเลิกคิ้วที่เหมือนกับภูเขาหมึกขึ้น
นัยน์ตาเหยี่ยวเย็นเยียบยากหยั่งถึงราวกับสระน้ำมืดดำ
ฝ่ามือทั้งสองของราชามารประกบกัน
เหมือนกับภูเขาสองลูกตั้งอยู่บนสองฝั่งแม่น้ำมานานนับปีไม่ถ้วนมาบรรจบกัน
เจตจำนงกระบี่ที่ซูหลีทิ้งไว้ถูกจับไว้ระหว่างกลาง
รอยแผลตรงชัดเจนปรากฏขึ้นบนใบหน้าของราชามาร
อยู่ระหว่างเทือกเขาหมึกคู่นั้น ตรงกลางระหว่างสระน้ำมืดดำคู่นั้น