บทที่ 842 ไม่ถูกกันมาโดยตลอด

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น”

สองวันมานี้แสนรักอยู่อย่างสงบ อยู่ที่ชั้นบนตลอดไม่ยอมลงมา

ได้ยินคำพูดของเส้นหมี่แล้ว สายตาของเขาก็หรี่ลง ทันใดนั้น สายตาที่จ้องอยู่ที่โน๊ตบุ๊คก็มองมา

เส้นหมี่รีบอธิบายทันที :“ฉันก็ไม่ค่อยชัดเจน เหมือนจะพูดว่าคุณชายม็อกโกได้ส่งคำร้องขอโอนย้ายอะไรสักอย่าง แล้วก็เหมือนกับจะพูดว่าพวกเขาจะย้ายบ้าน”

เธอไม่ค่อยแน่ใจ เพราะว่าเมื่อสักครู่ยืนอยู่ค่อนข้างไกล ฟังไม่ค่อยจะชัดเจน

แววตาของแสนรักขุ่นมัวลง

เพียงเวลาสั้นๆไม่กี่วินาที ริมฝีบางของเขาก็เม้มเป็นเส้นตรง

สองวันมานี้ไม่มีอะไร เขาคิดว่าคนนี้ใจกว้างมากจนปล่อยผ่านไปแค่นั้น ที่แท้ เขาอดกลั้นเอาไว้แล้วปล่อยชุดใหญ่ออกมา

แววตาของเขาหดหู่ลงแล้ว

เส้นหมี่:“คุณแสนรัก?”

“เข้าใจแล้ว คุณออกไปก่อนเถอะ”

แวบเดียวชายหนุ่มก็กลับมาเย็นชาเหมือนเดิม พูดออกมาหนึ่งประโยคอย่างไม่ได้แสดงอารมณ์ใดออกมา หลังจากนั้น นิ้วเรียวยาวของเขาก็เริ่มเคาะคีย์บอร์ดขึ้นมาอีกครั้ง

เส้นหมี่:“……”

ไม่ใช่สิ เขาไม่สนใจเหรอ?

งั้นก่อนหน้านี้ตอนที่ม็อกโกออกไป เขายังเดือดดาลขนาดนั้น ถึงแม้ว่าจะสงบลงมาสองวันแล้ว แต่ว่า เขากลับไม่สนใจแล้วเหรอ?

เส้นหมี่ไม่ค่อยเข้าใจ รออีกหลายวินาที เห็นว่าคนคนนี้ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาใด เธอได้เพียงแต่ถอนหายใจออกมา

ช่างเถอะ ไม่งั้น เธอจะไปหาม็อกโกเอง

เธอหวังว่าคนคนนี้จะไม่ไปไหน ช่วงเวลานี้ที่ได้ไปมาหาสู่ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่สามารถเลิกสงสัยเรื่องราวในตอนนั้นได้

แต่ว่า เธอก็ยังหวังว่าเขากับชายหนุ่มเบื้องหน้าคนนี้มีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน

เพราะว่า หลังจากที่กาวินตาย ข้างกายเขานอกจากดลธีแล้ว ก็เหลือแค่ม็อกโกคนนี้แล้ว

เส้นหมี่ออกจากเดอะวิวซีไป

——

ไชยันต์มุ่งตรงไปที่ค่ายทหารทันที

เขาไม่มีวิธีใด ถ้าเขาคิดอยากจะขัดขวางไอ้คนนี้เอาไว้ วิธีเดียวที่ทำได้คือมาดักคำร้องของเขาเอาไว้

แต่ว่า เขาคิดไม่ถึงว่า หลังจากที่เขามา คนของค่ายทหารกลับมาหาเขาก่อน

“คุณท่าน ม็อกโกของตระกูลเทวเทพของพวกคุณเคยมีอาการกลัวเลือดมาก่อนใช่ไหม”

“อะไรนะ”

ทันใดไชยันต์ถูกถามจนมึนงงไปแล้ว!

อาการกลัวเลือด?

ใช่ หลานชายของเขาคนนี้มี!!

ปีนั้น เขายังไม่รู้ หลังจากที่เขาส่งเขาเข้ามาในค่ายทหารแล้ว ครั้งแรกที่ไปรบ ปรากฏว่าเขาเห็นข้าศึกตายไปต่อหน้าของเขา หลังจากนั้นก็เป็นลมไปทันที

ยังจำได้ว่าในตอนนั้นเขาโมโหเป็นอย่างมาก

ต่อมา เพื่อให้เขาก้าวข้ามความหวาดกลัวในใจนี้ไปได้ ไม่รู้ว่าเขาพยายามไปมากเท่าไหร่ ในที่สุดจึงทำให้เขาผ่านมันไปได้

แต่ว่าปัญหานี้ ไม่ใช่ว่าเขาให้คนแอบลบทิ้งไปแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้ปรากฏขึ้นมาอีก?

ไชยันต์ประหลาดใจเป็นอย่างมาก!

“มองดูสีหน้าอันนี้ของคุณแล้ว แน่นอนว่าใช่ ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็ คุณท่าน หลานชายของคุณคนนี้คงไม่เหมาะสมที่จะย้ายไปแล้ว คุณก็น่าจะรู้ กองกำลังปราบปรามผู้ก่อการร้ายระหว่างประเทศ นั่นเป็นแนวหน้าในการทำสงครามมาโดยตลอด เลือดที่ได้เห็น นั่นไม่ใช่เล็กน้อยเลย”

“……”

หลายวินาที ไชยันต์ที่ยืนอยู่ที่นั่นถึงได้พยักหน้าตอบรับ

ดีเสียอีก!

ไชยันต์ออกจากค่ายทหารมา ทันใดก็ไปที่เรด พาวิเลี่ยนแล้ว

แต่เรด พาวิเลี่ยนด้านนี้ก็ยังเป็นปกติ นอกจากเห็นว่าสาวใช้ไม่อยู่แล้ว ในบ้านก็กำลังย้ายสิ่งของ ไชกุยังอยู่ที่นี่ หน้าตาดูขมขื่น

“คุณพ่อ ในที่สุดคุณก็มาแล้ว ม็อกโกไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไร บอกว่าจะพาผมกับแม่ของเขาไปที่ประเทศMอย่างกะทันหัน ห้ามปรามยังไม่ก็ห้ามปรามไม่อยู่ นี่จะทำอย่างไรดีล่ะ”

“งั้นก็ไปสิ ยังจะทำอะไรได้ เขาเก่งกล้าสามารถขนาดนั้น ปีกกล้าขาแข็งแล้ว นี่เป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ”

ไชยันต์พึ่งจะได้รับคำตอบที่แน่นอนจากค่ายทหาร ลักษณะท่าทางของเขาก็เริ่มยโสขึ้นมา เปิดปากออกมาก็เหมือนกับว่าได้อัดดินปืนลงไป!

ไชกุได้ยินแล้ว ยิ่งกระวนกระวายขึ้นมา

หลังจากนั้นไม่กี่นาที สิ่งของของเรด พาวิเลี่ยนต่างก็ถูกลากกลับมา อีกทั้งตั๋วเครื่องบินของไชกุกับมินตรา ก็ได้ถูกยกเลิกไปแล้ว อีกทั้งเพื่อเป็นการป้องกันเอาไว้ก่อน ไชยันต์ได้ติดต่อสายการบินเอาไว้โดยเฉพาะ ภายในหนึ่งปีนี้พวกเขาทั้งสองได้ถูกจำกัดการไปออกนอกประเทศ

ไชกุ:“……”

ไชยันต์เห็นว่าเรื่องทั้งหมดได้จัดการเรียบร้อยแล้ว ถึงได้กลับมาที่เดอะวิวซี

อีกทั้งในตอนที่จะกลับไปนั้น ยังไม่ลืมที่จะพูดออกไปประโยคหนึ่งหนึ่งกับลูกชายที่ไร้ประโยชน์คนนี้:“ให้ไอ้คนนั้นไปหาผมด้วย!”

หลังจากนั้นเขาที่ใบหน้าขุ่นเคืองก็เดินออกไป

จริงๆแล้วช่วงนี้เขาเป็นกังวลเป็นอย่างมาก ในบ้านมีไอ้หลานชายอกตัญญูที่ชอบก่อเรื่องทั้งวันก็แล้ว ตอนนี้แม้แต่ไอ้คนนี้ที่เคยเชื่อฟังมาตลอดยังเริ่มจะร้ายขึ้นมาแล้ว

อารมณ์ของเขาจะดีได้ขนาดไหนกัน?

ไชยันต์ที่ความโมโหยังไม่ทันหายกลับมาที่เดอะวิวซี

“แด๊ดดี้ ตรงนี้คุณเดินผิดแล้วหรือเปล่า เมื่อกี้ผมเห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่ได้อยู่ตรงนี้”

“ใช่ ผมก็เห็นแล้ว”

“……”

คาดไม่ถึงอย่างมาก หลังจากที่เขากลับมา กลับมองเห็นห้องโถงของบ้าน เด็กทั้งสามคนนั้นอยู่ข้างโซฟาล้อมรอบชายหนุ่มสง่างามคนหนึ่งเอาไว้ เวลานี้ พวกเขากำลังรวบรวมสติปัญญาเล่นหมากรุกสากลด้วยกันตาหนึ่ง

ไชยันต์นิ่งไปสักพัก เขาก็หยุดลงแล้ว อย่างเสียมิได้

นี่เป็นภาพที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

เด็กสองคนนี้ ตั้งแต่เขาไปรับพวกเขามา ตั้งแต่ตอนแรกเขาก็สามารถแน่ใจได้อย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ พวกเขาเป็นลูกชายแท้ๆของคนคนนี้ เพราะว่า พวกเขาเหมือนเขามาก

แต่ว่า เพราะว่าเขามีอาการแบ่งแยกบุคลิก เขาจำพวกเขาไม่ได้

ดังนั้น เด็กน้อยทั้งสองคนมาแล้ว แต่ระหว่างพ่อลูกกลับน้อยมากที่จะใช้เวลาใกล้ชิดสนิทสนมกัน อย่างน้อย เขาไชยันต์ก็ไม่เคยเห็นมาก่อน