เมื่อหลินหรูซวนเล่นพิณอีกรอบ หอคอยเสียงสวรรค์ก็เปล่งเสียงของมันอีกรอบทำให้เหล่าผู้คนต่างเข้าสู่สภาวะหยั่งรู้

ในเวลานี้หลินหงเหวินแน่ใจแล้วว่าหลานสาวของเขาคือผู้ที่ทำให้หอคอยเสียงสวรรค์เปล่งอำนาจได้จริง

เมื่อเขาได้รับคำตอบที่แน่ชัด หลินหงเหวินก็หัวเราะออกมาเสียงดังลั่นพร้อมกับพยักหน้าอย่างพึงพอใจ และพูดว่า “ดีมาก ดีมาก ซวน เจ้าเดาไม่ได้แน่ว่าตอนนี้เจ้าทำให้ปู่มีความสุขมากแค่ไหน!”

บรรดาสมาชิกของตระกูลหลินต่างก็แสดงสีหน้าเบิกบานเช่นกัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่คนที่สามารถทำให้หอคอยเสียงสวรรค์แสดงอำนาจได้ แต่การที่หลินหรูซวน ทำให้เปล่งอำนาจได้แบบนี้มันก็ทำให้พวกเขาได้รับประโยชน์เช่นกัน

ส่วนบรรดาคนนอกที่ตระกูลหลินจ้างมาช่วยงานตระกูลต่างก็กล่าวสรรเสริญนางด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเช่นกัน เพราะพวกเขาเองก็เป็นกลุ่มคนที่ได้รับประโยชน์เหมือนกัน

แต่แล้วในขณะที่ทุกคนกำลังเบิกบาน จู่ ๆ พลังวิญญาณบริเวณทะเลสาบด้านทิศเหนือกลับผันผวนอย่างรุนแรงพร้อมกับที่คนกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งกำลังบินเข้ามา

เมื่อเห็นสัมผัสได้ถึงกลุ่มคนที่กำลังบินเข้ามาใกล้ หลินหงเหวินก็รีบตะโกนขึ้นทันที “ทุกคนเตรียมตัว ตระกูลกงกำลังมาที่นี่!”

สีหน้ากลุ่มคนของตระกูลหลินเปลี่ยนเป็นตึงเครียดทันที

ในตอนนี้ไม่ว่าหอคอยเสียงสวรรค์จะช่วยให้พวกเขาบ่มได้เร็วขึ้นขนาดไหน แต่ถ้าหากพวกเขาไม่สามารถรับมือกับตระกูลกงได้ในวันนี้ทุกสิ่งทุกอย่างจะสลายหายเป็นฝุ่นควันไปในทันที

กลุ่มคนของตระกูลกงบินเข้ามาลอยหยุดอยู่กลางทะเลสาบหยกกระจ่าง จากนั้นพวกเขาตะโกนขึ้นเสียงดังลั่น “ตระกูลหลินออกมาให้คำอธิบายกับพวกเราเดี๋ยวนี้!”

“ที่แท้ก็เป็นสหายกงนั่นเองที่มาเยือนเกาะหนานชานของข้า โปรดอภัยให้ข้าด้วยที่เสียมารยาทไม่ได้ออกไปรับท่าน!” หลินหงเหวินรีบพุ่งตัวออกไปลอยอยู่เหนือเกาะหนานชานและตะโกนตอบกลับ

จากนั้นบรรดาผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของตระกูลหลินทุกคนต่างรีบบินตามไปสมทบหลินหงเหวินเพื่อต้อนรับเหล่าผู้มาเยือน

ถังเหวินหลี่เหลือบมองไปที่หลิงตู้ฉิงชั่วครู่หนึ่ง จากนั้นเขาส่งโทรจิตแจ้งเตือนถังจุนเหรินว่า “เจ้าจงคอยเฝ้านังหนูแซ่หลินให้ดี อย่าให้นางคลาดสายตาไปไหน!”

จากนั้นเขาก็บินตามไปสมทบกับหลินหงเหวินเช่นกัน

ในตอนนี้ด้านในของหอคอยเสียงสวรรค์นั้นเหลือแค่เพียงผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญอยู่ไม่กี่คนที่คอยคุ้มกันอยู่

กงหลิงเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าเป็นกังวล “สามี หลังจากนี้พวกเราจะเป็นอะไรรึเปล่า?”

นางรู้สึกทรมานมากกับความขัดแย้งนี้ ฝั่งหนึ่งก็เป็นครอบครัวของสามีนาง ส่วนอีกฝั่งก็เป็นครอบครัวของนางเองและความขัดแย้งนี้มันเป็นเพราะนางตั้งครรภ์ก่อนเข้าพิธีสมรส ซึ่งนางไม่อยากจะให้ทั้งสองฝ่ายต้องมาต่อสู้กันแบบนี้

หลินเหรินเจี๋ยพยายามพูดปลอบประโลมนาง “ทุกอย่างมันเป็นความผิดของข้าเองที่ข้าควบคุมตัวเองไม่ได้และทำให้เจ้าตั้งท้องโดยที่ยังไม่ได้ไปสู่ขอเจ้า แต่เจ้าไม่ต้องกังวล ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้าเอง และข้าจะต้องแต่งงานกับเจ้าให้ถูกต้องให้ได้ถึงแม้ว่าคนทั้งโลกจะคัดค้านก็ตาม!”

ถังจุนเหรินหัวเราะ “พี่เหรินเจี๋ย ข้าคิดว่าเรื่องราวมันคงไม่บานปลายไปถึงขนาดนั้นหรอก หลังจากนี้พวกผู้ใหญ่น่าจะตกลงกันได้”

อันที่จริงถังจุนเหรินแทบจะรอไม่ไหว อยากให้หลินเหรินเจี๋ยรีบตาย ๆ ไปซะเพื่อที่หลินหรูซวนจะได้กลายเป็นทายาทคนเดียวของตระกูลหลิน และเมื่อถึงเวลาที่เขาได้แต่งงานกับนาง เขาจะได้เข้าควบคุมตระกูลหลินได้ง่ายขึ้นมากกว่าเดิม

แต่แน่นอนว่าก่อนที่ความฝันเขาจะเป็นแบบนั้นได้จริง เขารู้ดีว่าเขาต้องกำจัดหลิงตู้ฉิงออกไปให้พ้นทางด้วยอีกคน เพราะในตอนนี้จากที่เขามองสายตาของหลินหรูซวนที่มองหลิงตู้ฉิงเปลี่ยนไป เขารู้สึกได้ถึงภัยคุกคามอย่างใหญ่หลวงต่อแผนการของเขา!..

หลิงตู้ฉิงสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่พุ่งมาหาเขาโดยตรงจากถังจุนเหริน เขาเหลือบมองถังจุนเหรินด้วยหางตาอยู่ชั่วอึดใจ จากนั้นเขาพูดกับหลินหรูซวนเสียงดังจนคนอื่นได้ยินว่า “ข้าไม่นึกเลยว่าในระหว่างที่ข้าอยู่ที่นี่จะมีคนกล้ามาหาเรื่องตระกูลหลินแบบนี้ เอาล่ะในเมื่อข้าเองก็ได้รับประโยชน์จากตระกูลหลินไปไม่น้อยโดยเฉพาะกับหอคอยเสียงสวรรค์ ดังนั้นข้าก็คงต้องตอบแทนอะไรบ้าง ซวน พวกเราไปดูกันเถอะ!”

อันที่จริงหลิงตู้ฉิงสื่อสารกับหลินหรูซวนผ่านทางโทรจิตอีกแบบ เขาพูดกับหลินหรูซวนทางโทรจิตว่า “นังหนู แสดงให้คนอื่นเห็นว่าเจ้าสนิทกับข้ามากขึ้นกว่าเดิมและเล่นตามน้ำไปเรื่อย ๆ อ๋อและอีกอย่าง ไอ้เจ้าเด็กแซ่ถังนั่นดูเหมือนว่าตอนนี้มันกำลังวางแผนกำจัดข้าอยู่ด้วยนะ”

หลินหรูซวนแสร้งทำสีหน้าเขินอายและตอบกลับว่า “พี่…อู๋ งั้นท่านต้องช่วยปกป้องข้าด้วยนะหากมีอะไรเกิดขึ้น…”

เมื่อพูดจบนางก็เก็บพิณเข้าไปในแหวนมิติ จากนั้นนางเดินเข้าไปคล้องแขนหลิงตู้ฉิง

เมื่อเห็นภาพบาดตาเช่นนี้ ถังจุนเหรินแทบจะกระอักเลือดด้วยความโมโหและยิ่งอยากฆ่าหลิงตู้ฉิงมากยิ่งขึ้นไปอีก

เขารีบตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าน่าเกลียด “น้องซวน!!!”

“พี่ถัง ท่านมีอะไรงั้นเหรอ?” หลินหรูซวนหันกลับไปถามด้วยสีหน้าไร้เดียงสา

“พวกเจ้า…” ถังจุนเหรินชี้ไปที่แขนของนางและของหลิงตู้ฉิงที่กำลังคล้องกันอยู่ และถามขึ้นเสียงดัง “พวกเจ้ากำลังทำอะไรกัน!?”

หลินหรูซวนพูดขึ้นด้วยสีหน้าเบิกบาน “ก็พี่อู๋สัญญาว่าจะพาข้าไปท่องโลกภายนอก และข้าก็ตกลงกับเขาไปแล้วว่าข้าเองก็อยากไปกับเขาเช่นกัน!”

“แต่เจ้า…นี่เจ้ารู้จักชายผู้นี้ได้นานเท่าไหร่กันเจ้าถึงไว้ใจมันได้ถึงขนาดนี้? และที่สำคัญเจ้าเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าพวกเรารู้สึกต่อกันยังไงตั้งแต่เด็ก แต่แล้วตอนนี้เจ้าทำแบบนี้มันหมายความว่ายังไง?” ถังจุนเหรินไม่อ้อมค้อมอะไรอีกต่อไป

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินหรูซวนยิ่งรู้สึกผิดหวังในตัวของถังจุนเหรินมากเข้าไปใหญ่เพราะนางได้เห็นแล้วว่าธาตุแท้ของเขามันเป็นยังไง

ก่อนหน้านี้เขาแทบไม่สนใจตอบรับความรักของนางเลยด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เมื่อเขาเห็นว่านางสามารถเปิดใช้งานหอคอยเสียงสวรรค์ได้ เขากลับทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของนางทันที ซึ่งมันทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าแท้จริงแล้วเขาหวังอะไรอยู่

ในตอนนี้ในใจของนางรู้สึก เสียใจ ผิดหวัง อกหัก และที่สำคัญนางรู้สึกหมดใจกับเขาจนไม่อยากจะมองหน้าด้วยซ้ำ

“พี่ถัง อันที่จริงที่ผ่านมาข้าคิดกับท่านแค่พี่ชายคนหนึ่งก็เท่านั้น หากสิ่งที่ข้าเคยทำลงไปมันทำให้ท่านเข้าใจผิด ข้าก็คงต้องขออภัยด้วยจริง ๆ” หลินหรูซวนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ก็ได้…ได้เลย…” ถังจุนเหรินตอนนี้รู้สึกเหมือนว่าตัวเองถูกหลอกให้เป็นไอ้โง่ และสัมผัสได้ว่าเขาโกรธจนหัวแทบจะระเบิด เขาจ้องเขม็งไปที่หลิงตู้ฉิงและหลินหรูซวนด้วยสายตาเดือดดาล จากนั้นเขาหันหลังเดินจากไปในทันที

เมื่อเห็นการกระทำของน้องสาวของตัวเอง หลินเหรินเจี๋ยก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก เมื่อไหร่กันที่น้องสาวของเขาเป็นคนที่พูดอะไรเถรตรงได้แบบนี้? และที่สำคัญนางปฏิเสธถังจุนเหรินในที่สาธารณะอีกต่างหาก!

อู๋หมิงทำอะไรกับน้องสาวของเขากันแน่? ทำไมนางถึงเปลี่ยนเป็นคนละคนได้ถึงขนาดนี้?

แต่แล้วเมื่อเขาคิดย้อนถึงเรื่องของตัวเองเขาก็รู้สึกปวดหัวจี้ด จากนั้นเขาจึงพูดกับหลิงตู้ฉิงและหลินหรูซวนว่า “ซวน พี่อู๋ ข้าขอไปดูสถานการณ์ก่อนก็แล้วกัน!”

เมื่อพูดจบเขาก็บินไปดูสถานการณ์กับกงหลิง

เมื่อทุกคนไปกันจนหมดแล้ว หลินหรูซวนก็ถามขึ้นทันที “ท่านบรรรพบุรุษ ต่อไปพวกเราจะเอายังไงกันต่อ?”

“ก็ง่าย ๆ พวกเราก็แค่ต้องตามไปดูสถานการณ์ก่อน!” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “หากตระกูลกงสามารถคุยด้วยเหตุผลด้วยได้พวกเขาก็รอดตัว แต่ถ้าหากพวกเขาคุยไม่รู้เรื่องข้าก็ยินดีที่จะสอนบทเรียนให้กับพวกเขา ส่วนตัวเจ้าเองก็เตรียมยันต์เคลือบหยกที่ข้าเคยมอบให้ไว้ขึ้นมาด้วยเผื่อเอาไว้เวลาที่มีภัยมาถึงตัวเจ้า เจ้าจะได้หยิบมันขึ้นมาใช้ได้ทันท่วงที อ๋อเวลาใช้เจ้าก็จงสังเกตให้ดี ยันต์เคลือบหยกอันที่ข้าเขียนตัวอักษรเล็ก ๆ ไว้ว่า ‘ฆ่า’ มันหมายถึงว่าเจ้าอยากให้ศัตรูของเจ้าตายเจ้าถึงใช้ยันต์แผ่นนั้น ส่วนอีกแบบก็คือที่มีอักษรเขียนว่า ‘กักขัง’ อันนี้ให้เจ้าใช้กับคนที่เจ้าอยากจะแค่สั่งสอน”

“รับทราบแล้วบรรพบุรุษ!” หลินหรูซวนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเคารพ

“เอาล่ะพวกเราไปกันเถอะ!” จากนั้นหลิงตู้ฉิงจับแขนของหลินหรูซวน และพานางบินไปที่ชายหาดทางทิศเหนือของเกาะหนานชาน

ที่ชายหาดทางทิศเหนือของเกาะหนานชาน ตอนนี้ตระกูลหลินและตระกูลกงต่างพาคนมาประจันหน้ากันแล้ว

“สหายกง ข้าขอยอมรับว่าเป็นฝั่งข้าเองที่ผิดต่อพวกเจ้า แต่ว่าไหน ๆ เรื่องมันก็เกิดขึ้นไปแล้ว และพวกเราทั้งสองตระกูลต่างก็เป็นตระกูลใหญ่กันทั้งคู่ ทำไมพวกเราถึงไม่ตกลงกันดี ๆ และจับมือกันพัฒนาความสัมพันธ์ของพวกเราเพื่อที่พวกเราทั้งสองตระกูลจะได้เกื้อหนุนกันและก้าวหน้าไปด้วยกันไกลกว่าเดิมไม่ดีกว่าเหรอ?” หลินหงเหวินเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าจริงใจ