บทที่ 868 เตรียมการขั้นที่สองได้แล้ว + บทที่ 869 ความคิดถึงที่เกินปริมาณสามารถทำลายทุกอย่างได้ โดย Ink Stone_Romance
บทที่ 868 เตรียมการขั้นที่สองได้แล้ว
แน่นอนว่าข่าวนั้นบอกข้อเท็จจริงที่จะช่วยล้างมลทินแทนโอหยางซานซาน ใช้ตำแหน่งที่สำคัญขนาดนี้มาช่วยล้างความผิดให้กับลูกสาวของตนโดยเฉพาะ ดูเหมือนว่าโอหยางเซี่ยงหมิงนั้นจะรักใคร่โอหยางซานซานไม่น้อยเลย
แต่ก็ไม่รู้ว่าช่วงเวลาที่โอหยางเซี่ยงหมิงทราบว่าไข่มุกเม็ดงามที่เขาคอยประคบประหงมไว้นั้นไม่ใช่ลูกสาวของตน แต่ควรจะเรียกตัวเขาว่าคุณปู่นั้น ความรู้สึกของเขาจะเป็นเช่นไร?
หวังว่าในอนาคตอันใกล้นั้นใจของเขาจะเข้มแข็งมากพอ และสามารถยืนหยัดอยู่ได้!
ในเนื้อข่าวนี้ได้เขียนบรรยายถึงโอหยางซานซานเมื่อครั้งวัยเยาว์ว่าเป็นคนมีคุณธรรม และมีความดีเด่นในทุกด้าน เป็นเด็กผู้หญิงที่เพียบพร้อมสวยสง่าของทุกคน และบทความได้ชื่นชมโอหยางซานซานจนเกินเหตุถึงขั้นที่ว่าคนอย่างเธอมีอยู่เพียงแค่บนฟากฟ้า หาไม่ได้บนโลกมนุษย์
โดยสรุปก็คือทั้งหวาเซี่ยนี้ไม่มีหญิงสาวคนไหนที่จะเป็นเลิศเทียบเท่ากับผู้หญิงอย่างโอหยางซานซานได้อีก
หญิงสาวผู้สง่างามและมีคุณธรรมถึงเพียงนี้ แน่นอนว่าเธอไม่มีทางทำเรื่องฉาวโฉ่ที่ทำลายชื่อเสียงของเธอเองได้ ในบทความบอกไว้เพียงแค่ว่าโอหยางซานซานถูกพวกต่ำทรามใส่ร้าย เป็นเพราะตัวเธอนั้นเก่งเกินไป จึงมักถูกเพื่อนในห้องที่ใจดำอำมหิตใส่ร้ายป้ายสี
นั่นเป็นเพราะโอหยางซานซานใจดีจนเกินไป ดังนั้นการใส่ร้ายป้ายสีในเรื่องชั่วช้าของเด็กนักเรียนพวกนั้นจึงทำสำเร็จได้ และเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ก็เช่นกัน คนที่ใส่ร้ายเธอนั้นเป็นนักเรียนสองคน แต่ในบทความนั้นไม่ได้ระบุถึงฐานะของเหมยเหมยและเซียวเซ่อ หวงอวี้เหลียนไม่ได้กล้าถึงเพียงนั้น
สรุปแล้วคือหวงอวี้เหลียนนั่นสั่งให้บรรดานักข่าวตีพิมพ์ข่าวโอ้อวดจนดูเพ้อเจ้อเกินจริง ว่าต้องเสียใจที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างไร สุดท้ายแล้ว…
นึกไม่ถึงว่าหวงอวี้เหลียนจะกล้าเปิดเผยผลวินิจฉัยจากแพทย์ ซึ่งวินิจฉัยเกี่ยวกับโอหยางซานซานว่าเธอนั้นเป็นลูกสาวคนโตของหวงฮวาจริงหรือไหม
เหมยเหมยที่ได้เห็นอักษรตัวโตที่ถูกพิมพ์ลงบนผลการวินิจฉัย แทบหลุดพ่นเสียงหัวเราะออกมา
หวงอวี้เหลียนนี่โง่เหมือนหมาที่ลนลานกระโดดข้ามกำแพงเสียจริง เรื่องโง่เง่าขนาดนี้ยังกล้าที่จะทำ!
เหมือนเป็นการยิ่งอยากปกปิด แต่กลับกลายเป็นการเปิดเผยให้คนทั้งโลกได้รับรู้ไม่ใช่หรือ!
การกระทำที่อยากจะปกปิดความชั่วเช่นนี้ มีแต่จะทำให้คนอื่น ๆ ต่างเข้าใจว่าโอหยางซานซานนั้นถูกล่วงละเมิดจริง ๆ อย่างที่มีคำพูดหนึ่งที่บอกไว้ว่ากินปูนร้อนท้อง หากว่าพวกเธอนั้นบริสุทธิ์ใจจริง ทำไมไม่ปล่อยเลยตามเลย จะกลัวไปทำไมว่าคนอื่นจะรู้เข้า
ทำตัวหลบ ๆ ซ่อน ๆ ปกปิดนั่นนี่ ไม่ใช่คนร้ายก็เป็นดั่งหัวขโมย ซึ่งนั่นบ่งบอกได้ว่าลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของตระกูลโอหยางมีเรื่องราวอื้อฉาว!
เหมยเหมยยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้น ที่แท้หวงอวี้เหลียนก็มีดีเท่านี้เอง เรื่องราวต่าง ๆ เพิ่งจะเริ่มต้น แต่เธอกลับทำมันเละเทะไปเสียแล้ว!
แม้ว่าตัวเธอนั้นจะรู้ดีว่าถ้าใส่ใจต่อสิ่งไหนมักจะเป็นเหตุให้ต้องวุ่นวาย แต่เป็นเพราะเรื่องต่าง ๆ ได้เกิดขึ้นกับลูกสาวสุดที่รักของเธอ ดังนั้นเธอจึงยินยอมที่จะทอดทิ้งความสงบที่เคยมีมา และตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่ถูกทำนองคลองธรรมนัก
เป็นเพราะตัวเธอไม่ได้คาดหวังต่อสิ่งใด และเป็นเพราะไม่ได้ให้ความสนใจในชื่อเสียง ไม่ได้ให้ความสนใจต่อญาติพี่น้อง เพราฉะนั้นเธอจึงไม่ได้กลัวอะไรเลย!
“ฉันว่ายัยหวงอวี้เหลียนนี่ช่างหน้าไม่อายจริง ๆ ทำไมไม่บอกออกไปตรงๆ เลยล่ะว่าลูกสาวหล่อนน่ะเป็นจิ่วเทียนเสวีนหนี่[1]ลงมาจุติบนโลกมนุษย์!” ไฟโทสะในตัวเซียวเซ่อปะทุขึ้น เธอไม่เคยเจอคนหน้าไม่อายขนาดนี้มาก่อนเลย
เหมยเหมยหัวเราะเยาะ “จิ่วเทียนเสวียนหนี่แล้วจะทำไม ก็เหมือนเดิมอยู่ดี เซ่อเซ่อ พวกเราต้องเตรียมการแผนที่สองได้แล้วนะ”
“ลุยเลย!”
เซียวเซ่อขยับเข้าใกล้เธอด้วยความตื่นเต้น ทั้งคู่พูดเจื้อยแจ้วกันอยู่สักพัก จากนั้นจ้องมองไปยังฝ่ายตรงข้าม ที่แท้การทำเรื่องชั่วร้ายด้วยกัน เลยทำให้รู้ว่าพวกเขาก็นับว่ารู้ใจกันยิ่งนัก!
จ้าวเสวียหลินก็ได้เห็นบทความในข่าวนั้นแล้ว แต่เขากลับให้ความสนใจต่อน้องสาวของตนและเซียวเซ่อที่ส่งเสียงร้องดั่งปีศาจน้อย เขาก็รู้ได้ในทันทีว่าทั้งสองสาวนั้นกำลังคิดแผนการชั่วร้ายอยู่
เขาไม่ชอบความรู้สึกที่ถูกเหมยเหมยมองข้ามราวกับว่าเป็นคนนอก เขาเองก็อยากจะช่วยเหลือหรือทำอะไรให้น้องสาวได้บ้าง เพียงแต่เขาที่กำลังจะอ้าปากพูด…
“พี่คะ ความหวังดีของพี่หนูรับเอาไว้แล้ว อนาคตของพี่จะต้องสดใส พี่ไม่ควรจะมาแปดเปื้อนด้วยปัญหาส่วนตัวที่เป็นด้านมืดนี้!”
เหมยเหมยปฏิเสธจ้าวเสวียหลินไป เรื่องราวเหล่านี้เธอไม่ต้องการให้จ้าวเสวียหลินเข้ามาติดบ่วงไปด้วย ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเธอไม่ไว้ใจ แต่เป็นเพราะเธอไม่ต้องการทำให้เขาต้องลำบากไปด้วย
อีกอย่างจ้าวเสวียหลินยังมีอนาคตอันสดใสรออยู่ และแน่นอนว่าเธอไม่ต้องการให้พี่ชายมารับรู้ในสิ่งที่เธอทำลงไป เธอหวังเพียงว่าในใจของทุกคนในครอบครัวเธอจะยังคงรักษาความงดงามนั้นไว้ดังเดิม!
……………………………………………
[1] เทวนารี ซึ่งเป็นความเชื่อตามปรัมปราของชาวจีนและเป็นที่นิยมบูชาในลัทธิเต๋า
บทที่ 869 ความคิดถึงที่เกินปริมาณสามารถทำลายทุกอย่างได้
เหมยเหมยเตรียมพร้อมที่จะออกไปข้างนอกเพื่อสร้างข่าวลือ ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเสียก่อน เป็นสายจากบุคคลที่หายตัวไปหลายวันอย่างเหยียนหมิงซุ่น
“เหมยเหมย ฉันอยู่หน้าประตูใหญ่ของตระกูลเซียว”
เหมยเหมยส่งเสียงร้องไปที วางหูโทรศัพท์แล้ววิ่งหน้าตั้งออกไปอย่างรวดเร็วราวกับลูกระเบิด ทำให้เซียวเซ่อและจ้าวเสวียหลินตกใจไปพร้อมๆ กัน แต่พอมองหาเหมยเหมยกลับไม่เห็นแม้แต่เงา อะไรที่ทำให้เธอต้องตื่นเต้นขนาดนั้น?
เหยียนหมิงซุ่นยืนพิงอยู่ตรงท้ายรถ มองดูประตูใหญ่ของตระกูลเซียวด้วยความคุ้นเคย ในเวลานี้เขาคิดว่าตัวเองนั้นไม่ได้ฝันไป แต่เขาได้กลับมาแล้วจริงๆ !
อีกทั้งเรื่องราวไม่กี่วันมานี้ก็ไม่ใช่ความฝัน และเป็นเรื่องราวเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น
แม้ว่าตอนนี้เขาจะยังคงเป็นเหยียนหมิงซุ่น แต่เขานั้นกลับมาพร้อมด้วยฐานะอื่น …
นั่นคือลูกบุญธรรมของเฮ่อเหลียนชิง และพี่น้องของเฮ่อเหลียนเซ่อ
ในความเป็นจริงนั้น จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ทราบถึงฐานะที่แท้จริงของเฮ่อเหลียนชิง มองจากภายนอกก็ดูเหมือนจะเป็นแค่คนที่ไม่ชอบแกร่งแย่งชิงดีกับใคร รวมทั้งเป็นผู้ป่วยที่เข้าขั้นวิกฤต แต่เขากลับยังสามารถออกปฏิบัติการเฮลิคอปเตอร์ได้ และยังสามารถออกคำสั่งกับทหารหน่วยพิเศษในกองทัพ…
และยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่ทำให้คนเกรงกลัวจนพูดไม่ออก เหยียนหมิงซุ่นรู้ดีว่าชายวัยกลางคนที่มีสภาพครึ่งเป็นครึ่งตายอย่างเขา ต้องมีฐานะที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
และตระกูลจ้าวนั้นเทียบไม่ติดแม้แต่น้อย เพียงแต่เขาเองยังคิดแปลกใจ ตระกูลที่มีชื่อเสียงเลื่องชื่อในเมืองหลวงเหตุใดถึงไม่มีตระกูลเฮ่อเหลียนอยู่
เรื่องนี้เขาเคยถามกับพี่เฉิงมาแล้ว แต่พี่เฉิงก็ไม่ได้ตอบอะไรเขา บอกเพียงแค่ว่าอีกหน่อยเขาจะค่อย ๆ เข้าใจไปเองทีละน้อย
แต่พี่เฉิงยังได้พูดอีกหนึ่งประโยคขึ้นมา ของบางอย่างมีคนจงใจที่จะวางมันไว้ตรงหน้าเพื่อเป็นการดึงดูดสายตาผู้คน เพียงแต่ของล้ำค่าจริง ๆ นั้นกลับถูกซ่อนไว้อย่างมิดชิด มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะรู้
เหยียนหมิงซุ่นที่ได้ฟังก็เข้าใจในทันที หากตามที่คาดไว้ ตระกูลจ้าวนับเป็นดั่งของที่ถูกวางไว้ตรงหน้าเพื่อดึงดูดสายตา แต่ตระกูลเฮ่อเหลียนนั้นเป็นของล้ำค่าที่ถูกซ่อนไว้อย่างมิดชิด
ในตอนนี้ของลำค่าตัวจริงได้กลายเป็นพ่อบุญธรรมของเขาไปแล้ว และถือว่าเป็นที่พึ่งพิงที่คอยสนับสนุนเขา
จู่ ๆ ก็ได้มีที่พึ่งพิงอันใหญ่โต ความรู้สึกของเหยียนหมิงซุ่นนั้นราวกับกำลังล่องลอยอยู่กลางอากาศ จนถึงตอนนี้เขาถึงได้รู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง
“พี่หมิงซุ่น!”
น้ำเสียงที่เฝ้าคำนึงถึงมาตลอดได้ปรากฏให้ได้ยินจากหน้าประตู ทุกวันคืนเฝ้าคะนึงห่วงหานางสตรีผู้เลอโฉม…
ไม่สิ เขายืนอยู่ตรงนั้นด้วยความโมโห ใจของเหยียนหมิงซุ่นที่กำลังล่องลอยได้ถูกลากกลับมาดังเดิม ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองที่เห็นเหมยเหมยแต่งตัวแปลกประหลาด
เสื้อผ้าสีดำสนิท ไม่เหมาะกับตัวเธอเลยสักนิด ยังมีกางเกงขากว้างตัวใหญ่นั่นอีก ไหนจะใบหน้าที่ถูกบดบังด้วยหมวกอย่างมิดชิด ทำไมดูไปดูมาเหมือนกับพวกอันธพาลตามท้องถนนเสียได้ เจ้าหญิงตัวน้อยผู้งดงามของเขาไปไหนเสียเล่า?
“เหมยเหมยนี่เธอตั้งใจจะออกไปทำอะไร?”
เหยียนหมิงซุ่นตกตะลึงอยู่หลายวินาที จากนั้นจึงรีบสาวเท้าเดินไปข้างหน้า และอุ้มเหมยเหมยให้ขึ้นไปนั่งบนรถยนต์ พร้อมกับออกรถในทันที เมื่อจ้าวเสวียหลินตามออกมา จึงเห็นเพียงแค่ตัวรถที่พุ่งทะยานออกไป รวมทั้งยังถูกตัวเขม่าควันรถที่พ่นกระจายใส่เต็มใบหน้า
เหมยเหมยเองก็รู้สึกแปลกใจ เหยียนหมิงซุ่นไปซื้อรถมาตอนไหน?
เธอก้มหน้ามองสำรวจตัวเอง พร้อมกับหัวเราะอย่างได้ใจ “ฉันเหมือนผู้ชายไหม?”
เหยียนหมิงซุ่นมองเธอด้วยความลุ่มหลง ส่งยิ้มจางๆให้เธอและพูดขึ้นว่า “ไม่เหมือน ผู้ชายที่ไหนจะเสียงเพราะขนาดนี้ ”
ในใจของเหมยเหมยหวานเจี๊ยบราวกับได้ดื่มน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ เธอจ้องเขาด้วยท่าทางกระเง้ากระงอด แต่ปากกลับพูดออกไปว่า “พูดจากะล่อนปลิ้นปล้อนเสียจริง!”
เหยียนหมิงซุ่นขับรถมาถึงโรงน้ำชาหวังปา โรงน้ำชาแห่งนี้เป็นรังเก่าของพี่เฉิง ซึ่งเจ้าของตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังก็คือพี่เฉิงนั่นเอง มาถึงที่นี่แล้วจะพูดอะไรก็ได้โดยไม่ต้องกลัวใครได้ยิน
นับว่าในตอนนี้เขาและพี่เฉิงเป็นดั่งตั๊กแตนที่ยืนอยู่บนเชือกเส้นเดียวกัน และในเวลานี้สามารถเชื่อใจได้แล้ว
“พี่หมิงซุ่น หลายวันมานี้พี่หายไปไหนมา? โทรศัพท์ก็ไม่รับสักสาย ฉันร้อนใจจะตายอยู่แล้ว…”
เหยียนหมิงซุ่นได้พาเหมยเหมยมายังห้องวีไอพี ประตูยังไม่ทันได้ปิดสนิท เขาก็ผลักเหมยเหมยให้ติดเข้าที่กำแพง ปิดปากเล็กๆ ของเธออย่างไม่มีหยุดพัก เพื่อระบายความคิดถึง!
…………………………………………….