บทที่ 870 ลูกท้อดิบๆก็อร่อย + ตอนที่ 871 ความยินดีของเหยียนหมิงซุ่น

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

บทที่ 870 ลูกท้อดิบๆก็อร่อย + ตอนที่ 871 ความยินดีของเหยียนหมิงซุ่น โดย Ink Stone_Romance

บทที่ 870 ลูกท้อดิบๆก็อร่อย

คำถามมากมายที่เหมยเหมยมีอยู่นั้นได้ถูกความเร่าร้อนของเหยียนหมิงซุ่นสกัดคืนกลับไป เธอยืนพิงกำแพงอย่างไร้เรี่ยวแรง สองมือจับประคองเข้าที่เอวอันผอมเพรียวแต่แข็งแกร่ง ขาทั้งสองข้างอ่อนแรง จนแทบยืนไม่อยู่

รสจูบของเหยียนหมิงซุ่นนั้นราวกับพายุสายฝนกระหน่ำก็มิปาน หล่นร่วงลงมาบนริมฝีปากของเธอ บนคิ้ว บนดวงตา และบนใบหน้า… รุกรามไปถึงช่วงกกหูของเธอ และช่วงลำคอ…

ความเร่าร้อนนั้นมีมากเสียยิ่งกว่าความร้อนระอุของเปลวไฟ ซึ่งเกือบจะทำให้เหมยเหมยหลอมละลายไปได้ เธอไม่แม้แต่จะคิดไตร่ตรอง…

พนักงานประจำโรงน้ำชาได้ยกโถน้ำชาพร้อมกับเดินขึ้นตึกมาด้วยความรื่นเริง ผู้ที่มาเยือนเป็นถึงแขกวีไอพีของเจ้านาย เขาจะต้องต้อนรับให้ดีเสียหน่อย เพียงแต่…

เพิ่งเดินมาถึงหน้าประตู เด็กเสิร์ฟก็ชะงักฝีเท้าลง ใช่ว่าเขาจะเป็นเด็กหนุ่มวัยแรกแย้มที่ไม่รู้เรื่องใต้สะดืออะไร ความเคลื่อนไหวอันอบอุ่นภายในห้องนั้น เขาแค่ได้ยินก็รับรู้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

เด็กเสิร์ฟได้หยุดฝีเท้าลงด้วยความสนใจใคร่รู้ ทำหูผึ่งแอบฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ พลางลอบถอนหายใจอย่างปลง ๆ

โถ่ ความเคลื่อนไหวในนั้นช่างรุนแรงนัก ไม่ใช่ว่าแค่ครู่เดียวก็ทำเป็นเรื่องอย่างว่านั่นเลยใช่ไหม?

เพียงแต่ความชื่นชอบของลูกค้าวีไอพีของเจ้านายนี่ช่างพิเศษนัก ทั้ง ๆ ที่รูปร่างหน้าตาดูเป็นคนมีความสามารถ แต่กลับชอบเด็กหนุ่มที่ดูไม่เข้าท่านัก เมื่อครู่เขาเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าคนที่ลูกค้าวีไอพีลากแขนขึ้นตึกไปนั้นเป็นเด็กชายวัยสิบสี่สิบห้าปี

เขาได้ยินมาตั้งแต่แรกแล้วว่าในสังคมของพวกชายหนุ่มนั้นเล่นรักกับพวกผู้หญิงจนเบื่อหน่าย ความนิยมที่เกิดขึ้นคือการเที่ยวเล่นกับพวกโสเภณีชาย ดูเหมือนว่าข่าวลือนี้จะเป็นเรื่องจริง!

ที่แท้พวกผู้ชายที่มีเงินก็ยังคิดไม่ได้ ทางน้ำดี ๆ มีให้เดินก็ไม่เดิน แต่คิดจะเดินในทางที่แห้งแล้ง ทำไมถึงคิดไม่ได้นะ!

เด็กเสิร์ฟส่ายหน้าไปมาแล้วเดินลงมาชั้นล่าง แต่กลับเห็นเข้าว่าเจ้านายตนได้มาถึงแล้ว จึงตั้งอกตั้งใจเข้าไปให้การต้อนรับในทันที

“แล้วเขาล่ะ?” พี่เฉิงชี้ไปยังรถจอดอยู่ในสวนแล้วถามขึ้น

เด็กเสิร์ฟชี้ไปยังด้านบนของร้าน แล้วพูดด้วยเสียงเบา “เจ้านายอย่าพึ่งขึ้นไปเลย คุณลูกค้าวีไอพีพาโสเภณีชายขึ้นไปทำธุระอยู่ด้านบน อีกสักพักคุณค่อยขึ้นไปจะดีกว่า”

พี่เฉิงคิ้วกระตุกไม่หยุด โสเภณีชาย?

เหยียนหมิงซุ่นมีความชอบแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?

ภายในห้องวีไอพี เหยียนหมิงซุ่นโอบอุ้มเหมยเหมยที่ร่างกายอ่อนปวกเปียก คางของเธอเกยไว้ตรงไหล่ของเขา ทั้งคู่ต่างไม่มีคำพูดใดๆ ที่จะเอ่ย เพียงแค่ร่วมแบ่งปันความเงียบที่หาได้ยากให้แก่กัน

ไม่ง่ายเลยกว่าที่เหยียนหมิงซุ่นจะพยายามสงบสติอารมณ์ตัวเองให้สงบนิ่งได้ จากนั้นก็ลอบถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา ด้วยน้ำเสียงแหบพร่าเล็กน้อย “ถ้าเหมยเหมยโตให้ไวกว่านี้ก็คงจะดี!”

แน่นอนว่าเหมยเหมยเข้าใจประโยคนี้ดี เมื่อครู่การตอบสนองจากสรีระร่างกายของเหยียนหมิงซุ่น เธอรับรู้ได้ทุกอย่าง เธอเองก็รู้สึกอึดอัดใจไม่น้อย

เหตุใดถึงไม่ให้เธอกลับมาเกิดในช่วงอายุยี่สิบปี?

สิบแปดปีก็ได้นี่!

ตอนนี้ด้วยกระดูกร่างกายเล็กน้อยเพียงนี้ แม้แต่จะจูบอย่างเร่าร้อนกับแฟนยังนับว่ามีขีดจำกัด เหมยเหมยจึงก้มหน้าลงและมองดูสิ่งที่นูนขึ้นมาตรงหน้าเพียงเล็กน้อย เมื่อวานเธอยังแอบหัวเราะเยาะเซียวเซ่ออยู่เลย ความจริงแล้วเธอเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันมากนัก ดีกว่าว่างไจ่เสียวหมั่นโถวมากกว่าหน่อยเอง

“ฉันไม่โตพี่ก็จูบได้อย่างเมามันไม่แพ้กันนี่!”

เหมยเหมยกรอกตามองบนใส่เหยียนหมิงซุ่นไปครั้งหนึ่ง ตอนนี้รังเกียจที่เธอยังเล็ก แต่เมื่อครู่นี้กัดอย่างออกรสออกชาติดีทีเดียว!

เหยียนหมิงซุ่นชอบท่าทีตอนเจ้าเด็กแสบโมโหเขา ทั้งดูเอาแต่ใจและดูสวย มองยังไงก็ไม่มีเบื่อ เขายื่นนิ้วออกไปดีดเนื้อตรงส่วนจมูกของเด็กสาว จากนั้นอุ้มเหมยเหมยขึ้นมาแล้วพานั่งลง โดยไม่ยินยอมที่จะปล่อยมือออก ได้แต่กอดไว้อยู่แบบนั้น

อีกไม่กี่วันเขาก็จะต้องไปเขตฝึกซ้อมแล้วเขาทำใจห่างเธอไม่ได้จริงๆ !

“ลูกท้อดิบ ๆ นั้นก็มีความอร่อยของมันอยู่ พอสุกแล้วก็มักจะได้รสชาติที่ดีขึ้นกว่าเดิม!”

เหยียนหมิงซุ่นพลันนึกถึงคำพูดที่โอหยางปินพูดในหอประชุม จึงพูดโพล่งออกมาอย่างไม่คิด

เหมยเหมยกระพริบตาปริบ ๆ ผ่านไปสักพักใหญ่ ๆ ถึงเข้าในใจความหมาย เธอทั้งเขินอายและพาลโมโหไปด้วย จากนั้นก็มุดเข้าหาอกและฟัดเหยียนหมิงซุ่น ส่วนเหยียนหมิงซุ่นนั้นก็ไม่ได้ห้ามแต่อย่างใด ทำเพียงแค่หัวเราะร่า และปล่อยให้เธอนึกทำอย่างใจชอบ

พอก่อความวุ่นวายได้สักพัก หมวกบนหัวของเหมยเหมยก็หลุดลง เส้นผมราวไยไหมแตกกระจาย ปกคลุมทั่วใบหน้า

เหยียนหมิงซุ่นจึงช่วยรวบผมแทนเธอ พลางหัวเราะและถามออกมา “เหมยเหมยแต่งตัวแบบนี้ต้องการจะไปขอข้าวใครกินเหรอ?”

…………………………………………

ตอนที่ 871 ความยินดีของเหยียนหมิงซุ่น

เหมยเหมยมองค้อนเขาอย่างน่ารักและฮัมเพลงเบา ๆ “แค่ไปขออาหาร”

”เด็กขอทาน……” เหยียนหมิงซุ่นจิ้มหน้าผากของเธอ

เหมยเหมยส่งเสียงหัวเราะคิกคัก ก้มตัวกระซิบข้างหูของเขาพูดหยอกล้อว่า “เมื่อครู่พี่ยังเพิ่งจะจูบเด็กขอทานอยู่เลยนะ?”

เหยียนหมิงซุ่นเลิกคิ้วขึ้น แย่แล้ว คาดไม่ถึงว่าเด็กน้อย ชักจะเอาใหญ่แล้ว กล้าที่จะลวนลามเขาเสียด้วย

เหยียนหมิงซุ่นที่รู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นมาดึงเหมยเหมยไว้ แล้วกัดริมฝีปากของเธออย่างแรงหนึ่งที แล้วยิ้มอย่างร้ายกาจพร้อมพูดว่า “ชอบกัดเด็กขอทานน้อยมากกว่า”

เหมยเหมยลูบปากตัวเองอย่างเจ็บปวด แล้วถลึงตาใส่ไปที ไอ้คนนิสัยไม่ดี ยิ่งนานวันจะยิ่งร้ายกาจเกินไปแล้วจริง ๆ ……

ทั้งสองคนตีกันอยู่พักหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงพนักงานร้านน้ำชายืนเรียกอยู่หน้าประตู เหยียนหมิงซุ่นให้เขาเข้ามา เหมยเหมยเกิดอาการขวยเขิน คิดอยากจะผละออกมาจากอ้อมกอดของเขา แต่เหยียนหมิงซุ่นกลับโอบเอาไว้แน่น เธอจะดิ้นยังไงก็ดิ้นไม่หลุด

“พี่รีบปล่อยฉันนะ  มันจะทำให้คนที่เห็นลำบากใจเสียเปล่า ๆ นะ” เหมยเหมยพูดอย่างโมโห

เหยียนหมิงซุ่นสงบนิ่งเหมือนภูเขา “ไม่เป็นไร พนักงานเขาไม่กล้ามองเยอะหรอก”

ตอนนี้เหมยเหมยถึงได้ค้นพบว่า เหยียนหมิงซุ่นที่ไม่ได้พบเจอมาหลายวันเหมือนมีบางอย่างที่เปลี่ยนไปแล้ว รู้สึกเหมือนจะสุขุมเด็ดเดี่ยวขึ้น มั่นใจในตัวเองมากขึ้น แล้วก็ยิ่งดูเข้มแข็งมากขึ้นด้วย……

พนักงานโค้งตัวเล็กน้อยพร้อมกับรอยยิ้มเดินเข้ามา ไม่ได้มองไปทางด้านข้าง รินน้ำชาให้พวกเขา แถมยังรู้ใจหยิบถ้วยน้ำชามาเพียงใบเดียว เหยียนหมิงซุ่นมองเขาอย่างชื่นชม คนที่พี่เฉิงสั่งสอนฝึกฝนช่างรู้งานเสียจริง ๆ

 “นายออกไปก่อนเถอะ มีอะไรเดี๋ยวฉันจะเรียกนายเอง”

เหยียนหมิงซุ่นพูดเบา ๆ พนักงานก็ตอบรับอย่างเคารพนอบน้อม เดินออกไปอย่างเงียบเชียบ แถมยังปิดประตูให้อีกด้วย

พอพนักงานออกไปแล้ว เหมยเหมยถึงเงยหน้าออกมาสังเกตมองสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ  นับว่าเป็นห้องที่หรูหราเป็นเอกลักษณ์มาก มองแล้วรู้เลยว่าเจ้าของร้านน้ำชาต้องเป็นคนที่มีรสนิยม

อีกทั้งร้านน้ำชาร้านนี้ก็ตั้งอยู่ในซอยใจกลางเมืองที่คึกคักที่สุด ภายนอกดูเล็กคับแคบ แต่ข้างในกลับสวยงามเหมือนอยู่อีกโลกหนึ่ง แถมพื้นที่ก็ใหญ่มาก

คล้ายเรือนสี่ประสานที่อยู่ย่านใจกลางเมืองอันคึกคัก  และมีพื้นที่ขนาดใหญ่เช่นนี้ ผ่านไปอีกสิบปีก็เป็นเหมือนกับภูเขาทอง ซึ่งอิฐทุกก้อน กระเบื้องทุกแผ่นล้วนต้องใช้ทองคำมาแลกเท่านั้น!

คิดถึงชาติที่แล้วเรือนสี่ประสานในเมืองหลวงราคาพุ่งสูงมาก ทำเอาเหมยเหมยใจเต้น รอจัดการเรื่องของหวงอวี้เหลียนเสร็จก่อน เธอจะไปดูบ้านพวกนี้รวบรวมเก็บไว้ดีกว่า ซื้อตอนนี้ยังไม่แพง ถ้ารอผ่านไปอีกสองสามปีก็คงไม่ง่ายขนาดนี้แล้ว

“เหมยเหมยคิดอะไร? ดื่มชาหน่อย ชาที่นี่ไม่เลวเลย”

เหยียนหมิงซุ่นเอาชาที่เย็นชืดจ่อที่ปากของเหมยเหมย เธอดื่มไปครึ่งถ้วย เหลือไว้อีกครึ่งให้เหยียนหมิงซุ่นดื่มต่อ แล้วรินเติมไว้เพื่อรอให้เย็น

“พี่หมิงซุ่น หลายวันมานี้พี่ไปไหนมา? เอ๊ะ……มือของพี่เป็นอะไรมาเหรอ?”

เหมยเหมยค้นพบว่าบนมือและแขนของเหยียนหมิงซุ่นมีรอยแผลที่เพิ่งสมานตัวกันอยู่หลายที่ เห็นได้ชัดว่าเป็นแผลใหม่ รอยแผลยังแดงอยู่ เธอเลยจับมือเหยียนหมิงซุ่นไว้อย่างปวดใจ

เหยียนหมิงซุ่นดึงมือกลับมาดูโดยไม่ยี่หระ แล้วพูดปลอบใจว่า “ก็แค่แผลถลอกนิดหน่อยเอง ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เรื่องของพี่อีกเดี๋ยวค่อยว่ากัน  เธอบอกพี่ก่อนว่าใส่แบบนี้วางแผนว่าจะทำอะไร?”

เหมยเหมยก็ไม่ได้ปกปิด  จึงเล่าเรื่องที่หวงอวี้เหลียนใส่ความเธอให้ฟัง “ฉันกับคุณย่าทะเลาะกัน และฉันจะไม่กลับไปอยู่ที่บ้านตระกูลจ้าวอีกแล้ว ตอนนี้ฉันเลยพักอยู่ที่บ้านของเซ่อเซ่อ”

เหยียนหมิงซุ่นมองออกถึงความเจ็บปวดภายใต้การแสดงออกว่าไม่เป็นไรของหญิงสาว ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขา ว่าเหมยเหมยมีความปรารถนาดีและห่วงใยต่อครอบครัวมากขนาดไหน

ตระกูลจ้าวทำให้เขาผิดหวังมากเกินไปแล้ว!

ตระกูลจ้าวเป็นแบบนี้จะพูดเรื่องปกป้องเหมยเหมยได้อย่างไร?

คำพูดของพี่เฉิงวันนั้นดังขึ้นข้างหูของเขาอีกครั้ง เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกดีอย่างไม่มีอะไรมาเทียบได้ที่ตอนนี้เขาได้อยู่เหนือกว่าแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นถึงลูกบุญธรรมของเฮ่อเหลียนชิง ขอแค่เขาทำตัวดี ๆ เขาจะสามารถสู้ชนะเฮ่อเหลียนเช่อได้แน่ ๆ แล้วก็สามารถปกป้องเหมยเหมยของเขาได้!

…………………………………………