บทที่ 1973 ตอนนี้จบเห่แล้ว
เป่ยโต่วรู้ว่าเยี่ยหวันหวั่นคออ่อนดื่มไม่ได้ แต่นี่ดื่มเหล้าจนเมาปลิ้น…รู้ว่าตัวเองดื่มไม่ได้ก็ยังจะดื่มเหล้ามากขนาดนั้นอีก
“รอให้ผู้นำไป๋ได้สติก่อนแล้วค่อยคุยเถอะ”
หลังจากชายหนุ่มในวิดีโอคอลพูดจบ สายก็ตัดไป
“เวรแล้ว พี่เฟิงล่วงเกินนายแห่งอาชูร่าแล้วแน่ๆ แถมยังบอกว่านายแห่งอาชูร่าตายแล้วเอย บอกว่าเป็นภาพไว้อาลัยเอย ยังบอกด้วยว่านายแห่งอาชูร่าไม่นับเป็นตัวอะไรเลย เป็นแค่ลูกกระจ๊อก…จบแล้วๆ ตอนนี้จบเห่แล้ว!” เป่ยโต่วน้ำตานองหน้า ดื่มเหล้าจนเป็นเรื่องแล้ว!
ครั้งนี้นายแห่งอาชูร่าวิดีโอคอลมา ดีไม่ดีอาจมีการค้าใหญ่โตอะไรที่อยากร่วมมือกับพันธมิตรอู๋เว่ยของพวกเขาก็ได้ หนนี้คว้าน้ำเหลวแล้วแน่นอน!
สีหน้าของเยี่ยหวันหวั่นเต็มไปด้วยความเมามาย กวาดสายตามองฝูงชนก่อนแวบหนึ่ง จากนั้นก็นอนลงบนโซฟา ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
ไม่นานนัก เยี่ยหวันหวั่นก็ดำดิ่งสู่ห้วงนิทรา
รอจนเยี่ยหวันหวั่นหลับไปแล้ว เดิมทีพวกผู้อาวุโสใหญ่คิดจะจากไป ทว่ากุญแจสำหรับไขประตู เยี่ยหวันหวั่นกำไว้ในมือแน่น ชิวสุ่ยเสียเวลาอยู่นานก็ยังแงะกุญแจออกมาไม่ได้เลย
คนทั้งหลายมองตากันไปมา พากันถอนหายใจ ด้วยความจนปัญญาจึงทำได้เพียงนั่งลงกับที่ รอให้เยี่ยหวันหวั่นตื่น
….
ตอนเที่ยงของวันต่อมา ทันทีที่เยี่ยหวันหวั่นซึ่งอยู่บนโซฟาลืมตาขึ้นมา ศีรษะของผู้อาวุโสสามกับพวกเป่ยโต่วก็ปรากฏขึ้นในครรลองสายตาของเยี่ยหวันหวั่น
เยี่ยหวันหวั่นตกใจจนกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งบนโซฟาทันที
หลังจากเห็นชัดเจนแล้วว่าเป็นพวกเป่ยโต่ว จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“พวกนายทำอะไรกันน่ะ” เยี่ยหวันหวั่นจ้องมองทุกคนด้วยสายตางุนงง
“โอ้สวรรค์ พี่เฟิง ในที่สุดพี่ก็ตื่นแล้ว!” เป่ยโต่วจ้องเยี่ยหวันหวั่น สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
เยี่ยหวันหวั่นมุ่นคิ้วเล็กน้อย ในที่สุดก็นึกขึ้นได้แล้ว ดูเหมือนเมื่อคืนนี้ตัวเองจะลากพวกเป่ยโต่วมาดื่มเหล้าด้วยกัน แถมยังล็อคประตูไว้ ไม่ให้พวกเขาออกไป
“ฉัน…เมาเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นมองทุกคนแล้วเอ่ยถาม
“พี่เฟิง นี่ยังจะมาสงสัยอีกเหรอ นั่นเป็นอาการเมาแน่นอน!” เป่ยโต่วรีบพูดขึ้นมา
ไม่ใช่แค่ดื่มจนเมาเท่านั้นนะ แถมยังขังพวกเขาไว้ ไม่ยอมให้พวกเขาออกไป
ทันใดนั้น ร่องรอยความอับอายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเยี่ยหวันหวั่น มองจากท่าทางของพวกเป่ยโต่ว ดูเหมือนว่าจะไม่ได้นอนทั้งคืน
“หลังจากที่ฉันเมา มีอะไรเกิดขึ้นบ้างหรือเปล่า” เยี่ยหวันหวั่นถามด้วยความสงสัย
ผู้อาวุโสใหญ่กับพวกผู้อาวุโสสามสบตากันแวบหนึ่ง หลังจากดื่มจนเมาก็ลืมทุกอย่างไปจนหมดสิ้นเลยจริงๆ
“เป่ยโต่ว ทำไมจมูกนายบวมๆ ล่ะ” เยี่ยหวันหวั่นมองจมูกที่บวมแดงของเป่ยโต่ว แล้วเอ่ยถามไปตามสัญชาตญาณ
พอได้ยินคำพูดนี้ของเยี่ยหวันหวั่น เป่ยโต่วก็ตัวสั่น “พี่เฟิง หลังจากพี่เมาแล้ว นายแห่งอาชูร่าให้ผมช่วยห่มผ้าให้พี่ เพิ่งเข้าไปถึงข้างตัวพี่ พี่ก็ชกผมใส่ผมสองหมัดแล้ว”
เยี่ยหวันหวั่นผงะไป… เด็กน้อยผู้เคราะห์ร้าย
“นายแห่งอาชูร่าให้นายช่วยห่มผ้าให้ฉันงั้นเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นพลันมีสติแจ่มใสขึ้นมา “นายจะบอกว่า เมื่อคืนนายแห่งอาชูร่ามาเหรอ”
“เปล่าครับ เป็นนายแห่งอาชูร่าวิดีโอคอลมาหาพี่” ชิวสุ่ยที่อยู่ด้านข้างเปิดปากอธิบาย
“วิดีโอคอลเหรอ ได้พูดอะไรบ้างไหม” เยี่ยหวันหวั่นรีบเอ่ยถาม
“พี่เฟิง ดึกขนาดนั้น นายแห่งอาชูร่ายังวิดีโอคอลมาหาพี่ ผมมั่นใจเลยว่าจะต้องมีการค้าใหญ่ที่อยากร่วมมือกับพวกเราพันธมิตรอู๋เว่ยแน่ แต่ว่า พี่เฟิงเมื่อคืนพี่ดื่มมากเกินไป และล่วงเกินนายแห่งอาชูร่าเข้าแล้ว!” เป่ยโต่วโพล่งขึ้นมา
“หา” เยี่ยหวันหวั่นร้อง
พอเป่ยโต่วพูดจบ สีหน้าของเยี่ยหวันหวั่นก็พลันแปรเปลี่ยน ตัวเองล่วงเกินซือเยี่ยหานเข้าแล้วงั้นเหรอ
“สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่” เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้วถาม
“พี่เฟิง พอพี่เห็นนายแห่งอาชูร่าในวิดีโอคอล ก็บอกว่าเป็นภาพไว้อาลัย แถมยังบอกว่านายแห่งอาชูร่าก็แค่ลูกกระจ๊อกอะไรด้วย…” เป่ยโต่วแถลงไขในทันที
เยี่ยหวันหวั่นนิ่งไป
ทั้งหมดล้วนไม่เป็นอะไรเลย โชคดีที่ตัวเองไม่ได้เอ่ยถึงจี้ซิวหร่าน ไม่งั้นซือเยี่ยต้องระเบิดตู้มแน่นอน
——————————————————————————————-
บทที่ 1974 ก่อนพายุโหม
การดื่มเหล้าครั้งนี้มีความแตกต่างไปจากที่ผ่านมาอยู่บ้าง ก็คือภาพจะตัดไปเลย แต่ว่าการเมาครั้งนี้ไม่ถึงขั้นภาพตัด พอลองนึกดูอย่างละเอียดแล้ว ยังพอจดจำทุกฉากได้รางๆ เพียงแต่พร่าเลือนเหลือเกินเท่านั้น ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวข้องกับการที่ความทรงจำของตัวเองกลับคืนมาบางส่วนแล้วหรือเปล่า
“นอกเหนือจากนี้ ยังมีอย่างอื่นอีกไหม แล้วนายแห่งอาชูร่าได้พูดอะไรหรือเปล่า” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยถามพวกชีซิงกับเป่ยโต่ว
พอได้ยินเป่ยโต่วก็ส่ายหน้า “เหมือนจะไม่มีแล้วครับ นายแห่งอาชูร่าก็แค่ให้ผมห่มผ้าให้พี่ บอกว่าวันนี้หนาวเดี๋ยวจะเป็นหวัดอะไรทำนองนั้น…ไม่ถูกสิพี่เฟิง อยู่ดีๆ ทำไมนายเหนือแห่งอาชูร่าถึงต้องสั่งให้ผมห่มผ้าให้พี่ล่ะ ทำดีอย่างไม่สาเหตุ หวังผลแอบแฝงงั้นเหรอ…”
เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองเป่ยโต่วแวบหนึ่ง ไหนเลยจะไปพูดไร้สาระกับเขา
จากนั้น เยี่ยหวันหวั่นก็เปิดประตูสำนักงาน ให้ทุกคนได้ออกจากสำนักงาน ไปพักผ่อนกันก่อน ถึงอย่างไรก็ทรมานอยู่เป็นเพื่อนตัวเองมาทั้งคืน ล้วนยังไม่ได้หลับได้นอนกันเลย
หลังจากทุกคนออกไปแล้ว เยี่ยหวันหวั่นก็หยิบมือถือขึ้นมา มองหมายเลขโทรศัพท์ที่บันทึกเอาไว้ว่า ‘เถ้าแก่โรงงานน้ำส้มสายชูแห่งรัฐอิสระ’ แล้วกดโทรออกทันที
ต่อสายติดแล้ว แต่กลับไม่มีคนรับสายเลย
เยี่ยหวันหวั่นไม่ยอมแพ้ ยังคงโทรต่อไปด้วยทรหดอดทน อย่างไรก็ตาม เมื่อต่อสายหาเป็นครั้งที่สาม อีกฝ่ายก็กดตัดสายไปเลย
เพลิงโทสะในใจของเยี่ยหวันหวั่นลุกโชนขึ้นมาแทบจะทันที ปีกกล้าขาแข็งแล้วสินะ ไม่รับสายตัวเองก็แล้วไปเถอะ ตอนนี้ยังมาตัดสายตัวเองทิ้งอีก!
ซือเยี่ยหานคนนี้ เลวร้ายเกินไปแล้ว!
เยี่ยหวันหวั่นร้องฮึเสียงเย็น ซือเยี่ยหานตัดสายเธอ งั้นเธอจะไม่โทรแล้ว ในเมื่อไม่รับสาย งั้นก็อย่ารับสายไปตลอดชีวิตเลยแล้วกัน!
ถึงแม้จะโทรต่อไปไม่ได้แล้ว แต่ยังส่งข้อความได้อยู่ เยี่ยหวันหวั่นจึงเริ่มกระหน่ำส่งข้อความหาซือเยี่ยหาน เริ่มจาก ‘คุณทำอะไรอยู่’ ‘กินข้าวหรือยัง’ สุดท้ายทั้งหมดก็กลายเป็นข้อความก่อกวนอย่างเต็มรูปแบบ เพียงแต่ซือเยี่ยหานล้วนไม่ตอบกลับมาเลยสักข้อความเดียว
จนกระทั่งถึงช่วงบ่าย ชีซิงกับเป่ยโต่วมาแล้ว เยี่ยหวันหวั่นถึงได้ปราณีซือเยี่ยหานไปก่อนสักพัก หยุดกระหน่ำส่งข้อความอย่างบ้าคลั่งชั่วคราว
“พี่เฟิง เกิดเรื่องแล้ว”
เมื่อชีซิงมาถึงสำนักงาน ก็มองหาเยี่ยหวันหวั่นแล้วเปิดปากพูดขึ้นมาก่อน
พอได้ยินประโยคนี้ เยี่ยหวันหวั่นก็ผงะไปเล็กน้อย ทำไมถึงเกิดเรื่องได้ทุกวี่วันเลยล่ะ
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกแล้วล่ะ” เยี่ยหวันหวั่นถามอย่างไม่อนาทรร้อนใจ
“หนึ่งในกลุ่มอำนาจที่ร่วมงานกับเรา…วันนี้ขอยุติการร่วมงานกับพันธมิตรอู๋เว่ยแล้ว” ชีซิงชี้แจง
“ยุติการร่วมงานเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นมีสีหน้าแปลกใจ นี่ไม่ควรเกิดขึ้นสิ ในฐานะคนร่วมงานกันมนุษยสัมพันธ์ของพันธมิตรอู๋เว่ยยังคงนับว่าไม่เลวเลย ทำไมถึงมีกลุ่มอำนาจขอยุติการร่วมงานอย่างกะทันหันล่ะ
“กลุ่มอำนาจไหน” เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้วถาม แบบนี้จะไม่ไว้หน้าพันธมิตรอู๋เว่ยเกินไปหน่อยแล้ว
“พี่เฟิง เป็นเทียนเซียว!” เป่ยโต่วตอบ
“เทียนเซียวงั้นเหรอ?!” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยทวน
พอเป่ยโต่วพูดจบ เยี่ยหวันหวั่นก็แปลกใจ เทียนเซียวเป็นกลุ่มอำนาจขั้วใหญ่ที่เก่าแก่ที่สุดในรัฐอิสระ ไม่อ่อนด้อยไปกว่าสี่ตระกูลใหญ่แห่งรัฐอิสระเลย ถ้าเทียบกันดูแล้ว เทียนเซียวยังคงนับได้ว่าเป็นพี่ใหญ่ของพันธมิตรอู๋เว่ย ในช่วงแรกเริ่มที่พันธมิตรอู๋เว่ยก่อตั้งขึ้นมา เทียนเซียวได้ให้ความช่วยเหลือพันธมิตรอู๋เว่ยไว้มากมาย
อีกทั้งความสัมพันธ์ระหว่างพันธมิตรอู๋เว่ยกับเทียนเซียวก็ดีต่อกันมาก ร่วมงานทำการค้ากันมาหลายปีแล้ว ไม่เคยปรากฏปัญหาใดๆ แล้วทำไมครั้งนี้ถึงจะยุติการร่วมงานล่ะ?!
หากเป็นกลุ่มอำนาจอื่น พันธมิตรอู๋เว่ยยังกล้าเผชิญหน้าตรงๆ อยู่บ้าง แต่เทียนเซียวน่ะไม่เหมือนกัน เมื่อกี้ก็พูดไปแล้วนี่ เทียนเซียวเปรียบเสมือนพี่ใหญ่ของพันธมิตรอู๋เว่ย...
“ฉันจะโทรไปถามดูสักหน่อย” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย
ถึงแม้ตัวเธอในตอนนี้จะไม่มีความทรงจำในอดีตแล้ว แต่กับผู้นำของเทียนเซียว นายหญิงใหญ่ที่เยี่ยหวันหวั่นเลื่อมใสศรัทธามากและเคยกินข้าวด้วยกันมาหลายครั้ง จะถามไถ่ถึงต้นสายปลายเหตุสักหน่อย ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เลย
………………………………………….