ตอนที่ 1376

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ในความคิดของหลิงฮัน ตำหนักเป่าหลินเพียงยึดครองที่นี่แต่พวกเขาไม่ใช่เจ้าของ อย่างเช่นหากพวกเขาต้องการเก็บเกี่ยวสมุนไพรที่พี่ พวกเขาก็ต้องหลีกเลี่ยงหุ่นเชิด แต่ถ้าหากเป็นเจ้าที่แท้จริงพวกเขาจำเป็นต้องทำเช่นนั้นรึ?

“และสำหรับข้า หุ่นเชิดก็เหมือนของขวัญที่ฟ้าประทานให้” หลิงฮันจ้องมองไปยังหุ่นเชิดรูปร่างมนุษย์ใต้ต้นเก้ามรกตหยกม่วงพร้อมกับเผยรอยยิ้ม

หุ่นเชิดนั้นไม่มีสติปัญญา ดังนั้นเขาจึงสามารถนำพวกมันเข้าไปยังหอคอยทมิฬได้อย่างง่ายดาย ต่อให้พวกมันมีพลังระดับสร้างสรรพสิ่งแต่หากไร้ความนึกคิดก็ไม่อาจต่อต้านหอคอยทมิฬได้

หลิงฮันเหาะลงไปยังเก้ามรกตหยกม่วง

หุ่นเชิดที่กำลังดูแลต้นสมุนไพรตื่นตัวทันที พวกมันพุ่งโจมตีหลิงฮันด้วยความเร็วสูง

หลิงฮันยังไม่นำพวกมันเข้าไปในยังหอคอยทมิฬแต่เลือกที่จะทดสอบพลังของพวกมันก่อน

ปัง!

ร่างหลิงฮันถูกส่งลอยกระเด็น กายหยาบของเขาได้รับบาดเจ็บจนเสื้อผ้าบางจุดถูกย้อมด้วยโลหิต

แข็งแกร่ง!

หลิงฮันกล่าวในใจ พลังของหุ่นเชิดเทียบเท่าระดับดาราขั้นสูงสุด ดังนั้นจึงไม่แปลกที่พวกมันจะทำให้เขาบาดเจ็บได้ เมื่อครู่ที่ถูกโจมตี เขารู้สึกว่ากระดูกในร่างเกิดการสั่นสะเทือนจะเกือบจะแตกหัก

แน่นอนว่าหุ่นเชิดที่ไม่มีความคิดย่อมไม่ลังเล มันพุ่งทะยานต่อโดยหวังจะโจมตีสังหารหลิงฮัน

“พอแค่นั้น!” หลิงฮันสะบัดมือชี้นำสัมผัสสวรรค์ให้โอบล้อมร่างของหุ่นเชิด ‘พรึบ’ หุ่นเชิดตรงหน้าหายไปทันที

ภายในหอคอยทมิฬ หลิงฮันคือพระเจ้าที่แท้จริง

เขาแยกชิ้นส่วนหุ่นเชิดได้อย่างง่ายดาย เขาตื่นเต้นเป็นอย่างมากเมื่อพบว่าเกินกว่าเจ็ดในสิบส่วนของหุ่นเชิดนั้นถูกสร้างขึ้นจากแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์

แร่โลหะศักดิ์สิทธิ์จำนวนมาก!

หลิงฮันตัดสินใจว่าต่อให้เขาเก็บเกี่ยวเม็ดยาใดๆไม่ได้เลย เขาก็จะขโมยหุ่นเชิดที่สร้างขึ้นจากแร่โลหะระดับแปดทุกตัวไปให้หมดเพื่อนำไปยกระดับให้ดาบอสูรนิรันดร์

แต่สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการถอนรากเก็บเกี่ยวต้นเก้ามรกตหยกม่วง

ขั้นตอนไม่มีอะไรซับซ้อน หลิงฮัยใช้มือแทนพลั่ว ด้วยพลังอันมหาศาลของเขาทำให้สามารถขุดดินยกต้นเก้ามรกตหยกม่วงใส่เข้าไปในหอคอยทมิฬได้อย่างง่ายดาย ทันทีที่ต้นสมุนไพรนี้ถูกปลูกในหอคอยทมิก็เท่ากับว่ามันเป็นของเขาแล้ว

“เอาล่ะ ออกสำรวจต่อ!” หลิงฮันตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่จะได้ยกระดับให้กับดาบอสูรนิรันดร์

หลิงฮันมุ่งหน้าต่อ ยิ่งที่ไหนมีแปลงสมุนไพรมากที่นั่นก็ต้องมีหุ่นเชิดมากเช่นกัน

หลิงฮันไม่ได้ขโมยหุ่นเชิดไปทั้งหมดโดยสนอะไรเลย เขาจะทดสอบก่อนว่าพลังของหุ่นเชิดเทียบเท่าระดับดาราหรือไม่ หากเท่าก็หมายความว่ามันถูกสร้างขึ้นจากแร่โลหะระดับเก้า แต่ถ้าไม่ใช่ระดับดาราก็แสดงว่าพวกมันไม่ได้ถูกสร้างจากแร่โลหะระดับเก้าซึ่งเขาจะปล่อยพวกมันไปให้ดูแลสมุนไพรที่นี่ต่อ

นี่ถือว่าเป็นการไว้หน้าหลินอวีฉี เป็นเพราะอีกฝ่ายเขาถึงมีโอกาสเข้ามายังที่นี่ บุญคุณครั้งนี้เขาไม่มีทางลืม

ยิ่งกว่านั้นหากหุ่นเชิดระดับดาราจะคุ้มกันสมุนไพรสักชนิด สมุนไพรที่ว่าก็ต้องเป็นสมุนไพรระดับแปดขึ้นไปซึ่งถือว่าหลิงฮันได้ประโยชน์ต่อเนื่อง

คนของตำหนักเป่าหลินที่เข้ามาที่นี่มีกฎเหล็กคือห้ามเก็บเกี่ยวสมุนไพรที่ยังไม่โตเต็มที่ แต่หลิงฮันไม่สนใจกฎเช่นนั้น เพราะหากเขาปลูกสมุนไพรในหอคอยทมิฬ สมุนไพรก็จะเติบโตได้เร็วและมีคุณภาพดีกว่า

ระหว่างทางเขาทั้งเก็บเกี่ยวทั้งสมุนไพรและถอดถอนชิ้นส่วนหุ่นเชิดนำแร่โลหะไปให้ดาบอสูรนิรันดร์ดูดกลืน

ด้วยการที่ว่าตระกูลทั้งสี่ครอบครองเขตแดนลี้ลับแห่งนี้มาเป็นเวลากว่าร้อยล้านปี นอกจากชั้นที่เก้าของเขตแดนแล้ว พวกเขาจึงมีแผนที่ที่บ่งบอกเกือบบริเวณของเขตแดนลี้ลับอย่างละเอียด หลิงฮันเดินทางไปตามแผนที่ เขาใช้เวลาเกือบสิบวันในการสำรวจพื้นที่ที่มีสมุนไพรล้ำค่าในชั้นที่หนึ่ง

บนแผนที่เขียนเอาไว้อย่างละเอียกว่าสมุนไพรระดับใดถูกปลูกอยู่ที่ใดรวมไปถึงระยะการเติบโตของพวกมัน

ตอนนี้เขาสำรวจพื้นที่ที่ควรค่าแก่การเก็บเกี่ยวไปหมดแล้วและเหลือเพียงขึ้นไปยังชั้นสองเท่านั้น

“ดาบอสูรนิรันดร์สมควรยกระดับเรียบร้อยแล้ว”

ด้วยแร่โลหะระดับเก้าจำนวนมากที่ดูดกลืนเข้าไป ตอนนี้ดาบอสูรนิรันดร์ได้คืนสภาพกลับไปมีขนาดดังเดิมแล้ว ตัวดาบปลดปล่อยแสงสว่างเจิดจ้าราวกับดวงตะวัน

อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบ!

หลิงฮันหัวเราะดีใจ ระดับของดาบอสูรนิรันดร์เหนือว่าระดับพลังเขาไปแล้ว แต่เนื่องจากดาบได้ถูกประทับเอาไว้ด้วยเจตจำนงของเขา แม้ระดับของมันจะถูกยกขึ้นแต่พลังอำนาจก็ไม่ได้เพิ่มสูงมากเท่าไหร่

หลิงฮันไม่สนใจอะไรนัก ดาบอสูรนิรันดร์จะแข็งแกร่งตามระดับพลังของเขา ตราบใดที่เขาบรรลุระดับดาราขั้นกลาง พลังของดาบอสูรนิรันดร์ก็จะเพิ่มขึ้น

‘ตุบ’ ร่างหนึ่งได้ปรากฏตัวและหยุดยืนอยู่ห่างจากหลิงฮันสิบฟุต

“ทิ้งดาบนั่นไว้แล้วไสหัวไป!” ชายคนนั้นกล่าวอย่างเย็นชา

เขาเป็นชายหนุ่มที่มีสีหน้ามืดมนและจับดาบในมือเอาไว้แน่นด้วยนิ้วมือเรียวบางทั้งห้า

หลิงฮันยิ้มและกล่าว “เจ้ากำลังปล้นข้า?” อีกฝ่ายเป็นเพียงจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดเท่านั้น ไม่รู้ว่าไปเอาความกล้าขนาดไหนมาปล้นชิงเขา

แต่ก็จะอย่างไรหลิงฮันในตอนนี้ก็ปกปิดออร่าตนเองเอาไว้ จอมยุทธระดับต่ำกว่าดาราไม่สามารถมองเห็นพลังบ่มเพาะของเขาได้ แถมด้วยรูปลักษณ์ที่เยาว์วัยใครจะคิดว่าหลิงฮันเป็นตัวตนระดับดารา?

“ดาบเล่มนั้น ให้เจ้าครอบครองไว้ก็เสียของเกินไป!” ชายคนนั้นกล่าวพร้อมกับมองมายังดาบอสูรนิรันดร์ด้วยแววตาที่ส่องประกาย นั่นเป็นสายตาของคนที่หลงใหลในดาบจริงๆเท่านั้น

“แล้วไปอยู่ในมือเจ้าจะไม่เสียของรึ?” หลิงฮันถาม

“ไม่!” ชายคนนั้นกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “ข้าฝึกฝนดาบมาตั้งแต่อายุห้าปี ตอนอายุสิบเจ็ดข้าได้ฉายาว่าผู้คลั่งดาบ ชีวิตของข้าดาบเพียงอย่างเดียว”

หลิงฮันวางดาบอสูรนิรันดร์ลงบนพื้นและยิ้ม “ถ้าเจ้ายกมันขึ้น เจ้าก็เอาไปได้” กล่าวเสร็จเขาก็ถอยหลังสองสามก้าวเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้วางแผนลอบโจมตีกระทันหันในระยะประชิด

ชายคนนั้นไม่รู้สึกว่าหลิงฮันยอมง่ายเดิมไป เพราะตัวเขาเป็นตัวจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดและเป็นผู้นำแห่งยุคสมัยของรุ่นเยาว์ที่อายุใกล้เคียงกัน จะหาใครมาเทียบเคียงเขานั้นเป็นสิ่งที่ยากยิ่ง

ในความคิดของเขา การที่หลิงฮันยอมง่ายๆถือว่าปกติอย่างมาก

เขาเดินเข้าไปยังดาบอสูรนิรันดร์ ‘ครืนนน’ ดาบอสูรนิรันดร์ส่องประกายอันไร้ที่สิ้นสุดราวกับเตือนว่าห้ามเข้ามาใกล้มากกว่านี้ แต่แน่นอนว่าเขาไม่หวาดหวั่น เขาปลดปล่อยเจตจำนงยุทธและเจตจำนงดาบออกมาเพื่อสยบดาบอสูรนิรันดร์

หนึ่งคนหนึ่งดาบปะทะกันอย่างดุเดือด ในที่สุดแล้วแสงสว่างของดาบอสูรนิรันดร์ก็ค่อยๆอ่อนลงราวกับไม่สามารถต้านทานชายหนุ่มคนนั้นได้

หลิงฮันตกตะลึง

เขาไม่ได้ตกใจในพลังของชายหนุ่มหรือแสงสว่างที่อ่อนจางลงของดาบอสูรนิรันดร์ ที่จริงแล้วดาบอสูรนิรันดร์ยังแสดงพลังอำนาจออกมาไม่ถึงหนึ่งในพันล้านด้วยซ้ำ เห็นได้ชัดว่ามันกำลังหยอกล้ออีกฝ่ายอยู่!

นี่ต่างหากคือสิ่งที่หลิงฮันตกตะลึง

ดาบอสูรนิรันดร์เรียนรู้ที่จะเย้าแหย่ผู้อื่นด้วย?

ตัวดาบนั้นมีความคิดเป็นของตัวเองและฉลาดจนถึงขนาดรู้จักการหยอกล้อ

หลิงฮันจับคางด้วยความมึนงง นิสัยเช่นนี้ดาบอสูรนิรันดร์ไปเรียนรู้มาจากใคร?

เขาก็ไม่ได้มีนิสัยเช่นนั้นไม่ใช่รึ?